บทที่ 42 ตาท่านเป็นตะคริวหรือ?
บทที่ 42
ตาท่านเป็นตะคริวหรือ?
“ไป๋ตู้รั่วคำนับองค์ชายรัชทายาทเพคะ”
ลั่วจ้านชิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือให้นางลุกขึ้น
“ท่านอ๋องอุตส่าห์เสด็จมาเยือนยังจวนท่านแม่ทัพด้วยตนเอง เป็นเกียรติแก่จวนท่านแม่ทัพของเรายิ่งนัก” ไป๋ตู้รั่วเผยรอยยิ้มสดใสราวดอกเบญจมาศ “ถึงกระนั้นหม่อมฉันมีความสงสัย ว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงเสด็จมายังจวนท่านแม่ทัพแห่งนี้”
ลั่วจ้านชิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วกล่าวออก “แม่ทัพอวี้ส่งจดหมายตรงมาจากชายแดน ความว่า ฝ่ายอนารยชนได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ จึงฝากให้ข้าเป็นผู้เดินทางมาที่นี่เพื่อแสดงความเสียใจต่อผู้คนภายในจวน และปลอบประโลมจิตใจของบรรดาคนหนุ่มสาวภายในจวนท่านแม่ทัพ”
ไป๋ตู้รั่วตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นมุมปากพลันกระตุกครั้งหนึ่งอย่างแข็งกระด้างขณะกล่าวออก “นับว่าเป็นโชคดีที่ท่านแม่ทัพยังปลอดภัย ส่วนกิจการภายในจวนไม่มีสิ่งใดบกพร่อง รบกวนท่านอ๋องโปรดตอบกลับจดหมายด้วย”
“ข้าจะตอบกลับตามคำของฮูหยินไป๋”
ลั่วจ้านชิงพยักหน้าเล็กน้อย
ลั่วจ้านชิงไม่ใช่คนมีนิสัยช่างพูดช่างเจรจา ไป๋ตู้รั่วพอมองออกอยู่บ้างว่าภายในใจของเขาอาจมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ทำให้ลมหายใจของนางเริ่มไม่สมดุล
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน นางเอ่ยถาม ลั่วจ้านชิงด้วยความกระสับกระส่ายเล็กน้อย “ไป๋ตู้รั่วขอบังอาจเอ่ยถามองค์ชายรัชทายาท ท่านแม่ทัพได้ระบุไว้ในจดหมายด้วยหรือไม่เพคะว่าเขาจะกลับมาเมื่อไร?”
“ดูเหมือนว่าจะเดินทางกลับมาในเร็ววันนี้”
เร็ววันนี้?!
ไป๋ตู้รั่วพลันเกิดความประหม่าอย่างไม่อาจควบคุม ปลายเล็บยาวจิกเข้าไปในฝ่ามือโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันระมัดระวังกิริยา
“ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ!”
สาวรับใช้เก่าแก่ของไป๋ตู้รั่วคลานไปด้านหน้า พยายามบีบแขนและเขย่าเรียกไป๋ตู้รั่วเพื่อเรียกสตินางหลายต่อหลายครั้ง
“นี่...”
ไป๋ตู้รั่วได้สติกลับคืน กำลังจะเผยอริมฝีปากเพื่อสาปแช่งอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นว่าลั่วจ้านชิงยังนั่งอยู่ด้านข้าง นางจึงทำได้เพียงกลืนคำผรุสวาทเหล่านั้นลงคอไป
“มีอะไร?”
“องค์ชายรัชทายาทเพิ่งเรียกฮูหยินเจ้าค่ะ”
ไป๋ตู้รั่วรีบหันขวับกลับไปมอง ฝืนดึงรอยยิ้มออกมา แล้วเอ่ยถามว่า “ข้าอยู่ในภวังค์ไม่ทันได้ยินองค์ชายรัชทายาทเรียกขาน เขายังมีสิ่งใดต้องการรับสั่งอีกหรือ?”
“ฮูหยิน องค์ชายรัชทายาทขอให้ทางเราเรียกหาคุณหนูและคุณชายทั้งหมดในจวนออกมาเจ้าค่ะ หากเขาพบหน้าทุกคนโดยพร้อมเพรียงแล้ว จึงจะเขียนจดหมายตอบท่านแม่ทัพได้อย่างสนิทใจ”
ครั้นฟังคำของสาวรับใช้ชราแล้ว ไป๋ตู้รั่วยิ่งเกิดความประหม่า
เรียกพวกเขาทั้งหมดออกมางั้นรึ?
แม้ว่าใจจริงนางจะไม่เคยยอมรับในตัวตนของลูกเลี้ยง ทว่าอวี้ซีหยวนผู้ซึ่งถูกอวี้เซียงและอวี้เจี๋ยพลั้งมือฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ถือเป็นคุณหนูสามแห่งจวนท่านแม่ทัพด้วยเช่นกัน
หากองค์ชายรัชทายาทไม่เห็นนางอยู่ที่นี่ แล้วสอบสวนถึงเหตุผลที่นางไม่ยอมมาปรากฏตัวขึ้นมา ไม่แน่ว่าในที่สุดอาจสืบสาวราวเรื่องจนพบต้นตอ
หากเป็นคนอื่นยังสามารถสรรหาเหตุผลมากล่าวอ้างได้ ทว่าองค์ชายรัชทายาทผู้นี้แตกต่างจากคนอื่น
ไป๋ตู้รั่วมองไปยังสาวรับใช้ชราที่แสดงท่าทีประหม่าและลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัดด้วยคำสั่งเพียงสองสามประโยค แล้วลอบสาปแช่งอีกฝ่ายภายในใจ ‘ทำเป็นวัวสันหลังหวะไปได้!’
อย่างไรก็ตาม นางแสร้งเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกล่าวตอบ “เช่นนั้นก็ทำตามคำขอขององค์ชายรัชทายาทเถิด ไปเรียกเด็ก ๆ ทุกคนในบ้านออกมา”
สาวรับใช้ชราพยักหน้ารับแล้วก้าวถอยหลังไป
ลั่วจ้านชิงมองไปยังไป๋ตู้รั่วด้วยความสงสัยว่านางกำลังจะทำอะไรกันแน่ ถึงกระนั้นเขากลับไม่สนใจ
หวังเพียงว่าแผนการของอวี้ซีหยวนจะเป็นไปอย่างราบรื่น...
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาในห้องโถงกลางทีละคน ซึ่งคนแรกที่ก้าวเข้าไปคือคนรับใช้ของจวนท่านแม่ทัพ
“ท่านแม่ เรียกหาข้าในยามเที่ยงวันเช่นนี้ด้วยเหตุใดกันขอรับ?”
แม้ไม่เห็นหน้า เพียงได้ยินเสียงก็จดจำได้
เมื่อไป๋ตู้รั่วได้ยินเสียงนั้น จึงหันศีรษะกลับไปอย่างเชื่องช้า พร้อมขยิบตาให้กับอวี้เจี๋ยที่เดินเข้ามาพร้อมอ้าปากหาววอด
อวี้เจี๋ยกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ท่านแม่ ตาของท่านเป็นอะไรไป? เป็นตะคริวเสียแล้วหรือ?”
ไป๋ตู้รั่ว “...”
นางรีบหันหน้ากลับมา เผยรอยยิ้มเจื่อนให้กับลั่วจ้านชิงพร้อมกล่าวแก้ตัว “หม่อมฉันทำให้องค์ชายรัชทายาททรงหัวเราะเยาะเข้าแล้ว บุตรชายของหม่อมฉันยังเยาว์ อาจไม่เข้าใจมารยาทอันพึงควร หม่อมฉันจะดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่านี้”
ลั่วจ้านชิงพยักหน้า “ช่วงเวลาวัยแรกรุ่นมักสั้นเสมอ” หากการคาดเดาของเขาไม่ผิดพลาด อวี้เจี๋ยผู้นี้ควรมีอายุน้อยกว่าเขาเพียงสองปีเท่านั้น