บทที่ 40 ชิวเหอและป้ากู้
บทที่ 40
ชิวเหอและป้ากู้
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ป้ากู้ได้สติตอบสนอง
นางคิดว่าในตอนกลางวันแสก ๆ เช่นนี้จะมีผีออกมาหลอกหลอนได้อย่างไร อีกอย่าง... ต่อให้ผีสางมีอยู่จริง ถึงอย่างไรคุณหนูสามก็ไม่มีทางทำร้ายชิวเหอและตัวนางเองเป็นแน่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ป้ากู้ก็กล้าหาญขึ้นมาก ซ้ำยังโพล่งถามกลับไป “คะ... คุณหนูสาม เป็นท่านเองหรือเจ้าคะ?”
“ข้าเอง”
“ไม่ใช่วิญญาณใช่หรือไม่?”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่”
อวี้ซีหยวนยืนยัน
ป้ากู้หันกลับมามองใบหน้าบุคคลที่อยู่ข้างหลังทันที อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย ผมยาวสลวยถูกมัดไว้เพียงลวก ๆ ดวงตาคู่งาม รวมถึงไฝสีดำซึ่งโผล่ออกมาจากบริเวณที่ผ้าพันคอไม่ได้ปิดบังไว้ คนผู้นี้คืออวี้ซีหยวนซึ่งนางคุ้นเคยไม่ผิดแน่
“คุณหนูสาม เป็นท่านจริง ๆ หรือเจ้าคะ?” ป้ากู้สลัดมือหลุดจากชิวเหอ ก่อนก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง
อวี้ซีหยวนพยักหน้า เผยรอยยิ้มเจื่อนอย่างช่วยไม่ได้
“แต่ทุกคนล้วนบอกว่า...”
“ข้ายังไม่ตาย พวกข้าสองพี่น้องถูกโยนลงไปในหลุมศพ แต่มีคนผ่านมาแล้วช่วยเหลือข้าและซินหรานไว้”
อวี้ซีหยวนอธิบายอย่างใจเย็น
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่กระจ่างแจ้งอย่างสม่ำเสมอ แต่ขาดหายรอการปะติดปะต่อราวภาพปริศนา ทว่าเท่าที่นางสามารถจดจำได้ ปรากฏว่าในความทรงจำล้วนมีสาวรับใช้ทั้งสองเกี่ยวเนื่องเป็นส่วนใหญ่
สาเหตุที่อวี้ซีหยวนสามารถอดทนผ่านมรสุมแห่งฝันร้ายมาได้อย่างยาวนานเช่นนี้ เป็นเพราะบุคคลทั้งสองตรงหน้าได้ให้ความกรุณาต่อนางอย่างยิ่ง
“คุณหนูสาม… จุ๊ๆๆ ข้าคิดว่าท่านถูกคนเหล่านั้นฆ่าตายไปเสียแล้ว”
ทันทีที่ชิวเหอรู้ว่าเป็นอวี้ซีหยวนตัวจริงซึ่งยังมีชีวิตอยู่และปรากฏตัวต่อหน้า นางรีบโผเข้าไปหาอ้อมแขนของอวี้ซีหยวนทันที ใช้สองแขนโอบกอดรัดรอบเอวอวี้ซีหยวนไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น โชคดีที่เสียงของนางไม่ดังจนเกินไป
อวี้ซีหยวนพยายามลูบหลังนางเพื่อปลอบประโลม แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงเอื้อมมือไปปิดริมฝีปากของนางไว้
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
“แต่ขาของเจ้า...”
ดวงตาของชิวเหอกะพริบปริบ ก่อนจะส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม ผละร่างออกจากอ้อมแขนของอวี้ซีหยวนแล้วกล่าวว่า “หืม? ขาของข้าไม่บาดเจ็บมากนักเจ้าค่ะ!”
“เจ้าไม่เป็นไรจริงรึ?” อวี้ซีหยวนพยักหน้าพร้อมปล่อยมือจากชิวเหอ ถอยหลังไปสองก้าวแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นลองเดินให้ข้าดูสักสองก้าวซิ”
“คุณหนูสาม ข้า...”
ชิวเหอพลันเกิดความกระสับกระส่าย ด้วยรอบข้างไม่มีสิ่งใดที่สามารถใช้ประคองร่างตนเองไว้ได้ จึงทำได้เพียงบิดมือเข้าหากัน
การกระทำซึ่งติดเป็นนิสัยดังกล่าว ยังเผยให้เห็นถึงความประหม่าของนางอย่างชัดเจน
ป้ากู้ถอนหายใจ ก่อนอธิบาย “คุณหนูสามเจ้าคะ นับตั้งแต่ท่านจากไป คนเหล่านั้นรู้ว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บพวกเราไว้เพื่อกดขี่และใช้งานอย่างหนัก คุณชายอวี้เจี๋ยเกิดพิศวาสในตัวชิวเหอ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงต้องการวางแผนจะใช้กำลังบังคับนาง ทว่าคุณหนูอวี้เซียงบังเอิญเห็นเข้าเสียก่อน จึงเข้าใจผิดพาลคิดไปว่าชิวเหอหวังยั่วยวนพี่ชายของตน จึงสั่งให้คนช่วยกันหักขาของ ชิวเหอเสีย...”
ดวงตาอวี้ซีหยวนทอประกายเข้มจ้า เผยให้เห็นจิตสังหารอันเยือกเย็นเล็กน้อย
ชิวเหอมองไปยังอวี้ซีหยวนด้วยความไม่สบายใจอยู่เป็นนาน ในที่สุดจึงพยายามกัดฟันก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวด้วยความมุ่งมั่น แต่แม้ว่านางจะเพียรรักษาความสมดุลของร่างกายมากเพียงใด ขาทั้งสองข้างของนางที่ได้รับบาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักตนเองได้ ทำให้ล้มคะมำไปด้านหน้า
ชิวเหอหลับตาปี๋ด้วยความกลัว คิดว่าตนต้องกลายเป็นสุนัขเคี้ยวโคลนเป็นแน่ ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนัก กลับไร้ซึ่งอาการเจ็บปวดใด ๆ กลิ่นหอมหวานบางอย่างซึมซาบเข้าไปในรูจมูกของนาง
นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพลางเงยหน้า เห็นเพียงใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมของอวี้ซีหยวน
ชิวเหอไม่นึกกลัวหรือรังเกียจ ทำเพียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คะ... คุณหนูสาม”
อวี้ซีหยวนผลักร่างของชิวเหอให้โผเข้าไปสู่อ้อมแขนของป้ากู้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี พร้อมโบกมือเรียกให้จ้านซึ่งคอยเฝ้าระมัดระวังอยู่ข้างกำแพงหลังจวนให้ออกมา
หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ เขาเอ่ยถาม “คุณหนูอวี้ ท่านกำลังจะทำอะไรกันแน่?”
“ช่วยข้าหน่อย อุ้มชิวเหอเข้าไปในเรือนที”
“ว่าอย่างไรนะ?”