บทที่ 4 ยุคสุดท้ายรอบนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิม
บทที่ 4
ยุคสุดท้ายรอบนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิม
ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที ในเวลาเดียวกันนี้ ท้องฟ้าทั่วโลกต่างปกคลุมไปด้วยเมฆดำ
พวกมันแผ่ขยายปกคลุมท้องฟ้าที่เคยสดใสอย่างรวดเร็ว ขณะที่เมฆดำกำลังปกคลุมเสียงฟ้าผ่าก็ดังสนั่น
แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมา ช่างให้ความรู้สึกบีบคั้นยากเกินอธิบาย ทั้งยังอึดอัดจนหายใจลำบาก
บนท้องถนน
หลายคนที่เดินอยู่ต่างหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนสังเกตเห็นสภาพอากาศแปลกประหลาดที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ทำไมจู่ ๆ ฟ้าก็มืดไปนะ?”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ
เว่ยเฉียงที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าอาคารหันมาพูดว่า
“ผู้กองหวังครับ ดูท่าฝนกำลังจะตก ทำไมไม่เข้าไปหลบฝนก่อนล่ะครับ?”
นอกจากฝนใกล้จะตกแล้ว งานก็เร่งด่วนด้วย แถมผู้กองหวังยังรู้สึกหงุดหงิดหลังจากรับคำสั่งสุดท้ายมา ไม่นานเขาจึงรีบพาลูกทีมบางส่วนเข้าไปหลบฝนในโถงทางเดิน
หลังจากก้าวเท้าเข้าไป ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาพอดี
ขณะที่ฝนกำลังตก สีท้องฟ้ากลับดูแปลกไป ชวนให้รู้สึกขนลุก
“วันนี้อากาศแปลกดีชะมัด”
ผู้กองหวังพึมพำ แต่งานเร่งด่วนยังคงอยู่ เขาไม่รอช้า รีบเดินขึ้นชั้นบนในทันทีเพื่อจับกุมฆาตกร
เว่ยเฉียงอาสานำทางพวกเขาไป ขณะเดินเขาถามขึ้นว่า
“ผู้กองหวัง ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“แค่คดีทำร้ายคนน่ะ นอกจากทำร้ายคนจนพิการแล้ว ยังก่อเรื่องต่ำช้าเลวทรามอีก เป็นคนชั่วเกินเยียวยาจริง ๆ”
เมื่อผู้กองหวังพูดจบ เขาก็ชักปืนออกมาเพื่อเช็กดูกระสุน
เว่ยเฉียงและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง ก่อนหันไปมอง หลิวเหล่ยด้วยความประหลาดใจ
เวลานี้หลิวเหล่ยและหม่าเชี่ยนเชี่ยนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน คนอย่างเฉินเทียนเซิงที่ไม่น่ามีพิษมีภัยคนนั้น นอกจากไม่ค่อยสู้คน แถมยังเป็นคนล้มเหลวอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงกับใครด้วยซ้ำ
เขากล้าทำร้ายคนอื่นด้วยเหรอ?
ทำร้ายคนจนพิการเนี่ยนะ?
เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?
ขณะครุ่นคิด พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูห้อง 301 แล้ว
เมื่อผู้กองหวังเห็นกลุ่มอันธพาลถือท่อนไม้ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เว่ยเฉียงรีบเข้ามาอธิบาย
“ผู้กองหวัง ไม่ต้องกังวลไปนะครับ พวกเราก็แค่อยากช่วย ผู้กองจะได้ไม่เปลืองแรงไงครับ!”
ผู้กองหวังตอบกลับอย่างเย็นชา “อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง การบังคับใช้กฎหมายคืองานของเรา ถ้าขืนสร้างปัญหาละก็ฉันจับพวกนายแน่”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปที่หน้าประตูแล้วเคาะประตู
“เปิดประตู นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนที่บริษัท โปรดให้ความร่วมมือแล้วออกมามอบตัวด้วย”
ภายในห้องไม่มีการตอบกลับใด ๆ
“ทำไมเงียบแบบนี้นะ?”
ผู้กองหวังหันมาถามว่า
“แน่ใจนะว่าเขายังอยู่?”
“แน่นอน แน่นอนครับ เขาไม่ได้ออกไปไหนเลย”
สักพักหลิวเหล่ยเดินออกมาแล้วพูดว่า
“ผมมีกุญแจครับ พอดีผมเป็นเจ้าของห้องเช่า”
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ก่อนหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิดประตู
ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นล่าง สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ต่างวิ่งตามขึ้นมาที่ชั้นบน พวกเขาที่วิ่งขึ้นมาต่างตัวเปียกโชกราวกับตากฝนมานาน
หลิวเหล่ยเกิดความสงสัยเล็กน้อย เขาค่อย ๆ เปิดประตูเพื่อดูว่าเฉินเทียนเซิงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่!
“กรึกกึก”
แม้จะไขลูกบิดได้ แต่อีกฝ่ายก็ล็อกประตูกันขโมยเผื่อเอาไว้
“เปิดประตูไม่ได้ นี่นายล็อกประตูไว้อีกชั้นเหรอ เฉินเทียนเซิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”
หลิวเหล่ยพยายามดันประตูขณะตะโกนเรียกไปด้วย
“ฉันบอกให้เปิดประตูไง ถ้าขัดขืนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายจะโดนโทษหนักเอานะ!”
แต่ในขณะนี้ เสี่ยวชิว หนึ่งในสมาชิกลูกทีมที่สวมชุดเกราะเต็มตัวก็รู้สึกอึดอัดที่ต้นคอ แต่เขาคิดว่าตัวเองอาจรู้สึกไม่สบายตัวเฉย ๆ
แต่จู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น สติของเขาเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เสี่ยวชิว นายเป็นอะไรไป?” เพื่อนร่วมทีมรอบข้างต่างหันไปถามด้วยความเป็นห่วง
แต่วินาทีต่อมา ร่างกายของเสี่ยวชิวสั่นไม่หยุด จากนั้นคอของเขาก็เริ่มมีสีม่วงดำประหลาดเกิดขึ้น นิ้วของเขาแข็งทื่อ มีเลือดซึมที่เล็บ
“เสี่ยวชิว นายเป็นอะไรไปเนี่ย?”
ทุกคนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเสี่ยวชิว ตอนนี้ทุกคนในทีมต่างเป็นกังวลมากขึ้น ส่วนพวกอันธพาลที่ยืนดูอยู่ก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน
ในช่วงเวลานี้ การกลายพันธุ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
รูม่านตาของเสี่ยวชิวเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว แถม รูม่านตายังขยายใหญ่จนดูน่ากลัว ปากของเขาสั่นระริก ใบหน้าค่อย ๆ บิดเบี้ยวมากขึ้น
“เสี่ยวชิว! ผู้กอง เสี่ยวชิวเขา...”
ก่อนที่ทุกคนจะได้ตอบโต้อะไร จู่ ๆ เสี่ยวชิวก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ลุกขึ้นแล้วกระโจนเข้าไปกัดเพื่อนร่วมทีมอย่างบ้าคลั่ง
เลือดสด ๆ กระจายไปทั่วทุกจุด
“ฉิบหาย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?”
หลิวเหล่ยตกตะลึงจนตาค้าง หม่าเชี่ยนเชี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกใจแทบเสียสติ
“ถอยไป ทุกคนถอยออกไปก่อน!”
ผู้กองหวังผลักและเบียดลูกทีมคนอื่น ๆ ก่อนเดินเข้าไปดึงตัวเสี่ยวชิวที่กำลังกัดเพื่อนร่วมทีม
แต่เมื่อเสี่ยวชิวถูกดึงแยกตัวออกมา ทุกคนเห็นว่าปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าดุร้ายมาก รูม่านตาขาวโพลนจนมองไม่เห็นตาดำ
“กรอด!”
เสี่ยวชิวบ้าคลั่งมากขึ้นก่อนพยายามดิ้นหลุดจากผู้กองไปกัดคนอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ เขากัดกระชากเนื้อชิ้นใหญ่จนหลุดจากต้นคอเพื่อนร่วมทีมด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว ความโหดร้ายนี้เกินมนุษย์มนา
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว ช่วยหยุดเขาที!”
ผู้กองหวังเริ่มทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
ไม่นานก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นจากโถงทางเดิน นอกจากนี้ ผู้คนที่อยู่ข้างนอก บนท้องถนน หรือแม้กระทั่งโลกทั้งใบ ตราบใดที่พวกเขาโดนเม็ดฝนประหลาดแม้แต่หยดเดียว พวกเขาทั้งหมดต่างก็กลายพันธุ์
การจู่โจม!
รถชน!
เสียงกรีดร้อง!
ความเจ็บปวดรวดร้าว!
ความหายนะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อารยธรรมของมนุษยชาติกำลังเผชิญกับบททดสอบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
ทางเดินชั้นบน
เสี่ยวชิวเข่นฆ่าคนไม่เลือกหน้า
เพื่อนร่วมทีมที่ถูกกัดรวมถึงคนอื่น ๆ ที่โดนฝน ก็มีอาการผิดปกติแบบเดียวกัน
ผู้กองหวังยังคงพยายามควบคุมสถานการณ์ เพื่อไม่ให้ทุกอย่างบานปลายไปมากกว่านี้
จู่ ๆ ใครก็ไม่รู้ตะโกนขึ้นมาว่า
“มันคือซอมบี้ พวกมันคือซอมบี้!”
แม้ว่าซอมบี้จะเป็นผลผลิตจากการวงการภาพยนตร์ แต่อาการของคนในตอนนี้คล้ายกับซอมบี้มาก ไม่แปลกที่มีคนตะโกนแบบนั้นขึ้นมา
ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายเกินจะควบคุมจำนวนศพก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
บางคนกรีดร้อง บางคนหันหลังวิ่งหนี บางคนยิงปืนเพื่อป้องกันตัว!
“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิงแน่!”
ผู้กองหวังตัวสั่นเทา ขณะเล็งปืนไปยังเพื่อนร่วมทีมที่เคยมีชีวิตแต่ได้ตายไปแล้ว ท่ามกลางความรู้สึกที่ปั่นป่วน
“ปัง!”
ซอมบี้ล้มลงไปนอนแน่นิ่ง ในขณะที่ลูกทีมคนอื่น ๆ ที่ถูกกัด เริ่มลืมตาแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
สิ้นเสียงปืนของผู้กอง ซอมบี้ตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาหาเขาทันที
“ปัง”
เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด อดีตเพื่อนร่วมทีมล้มลงจมกองเลือดอีกคน จากนั้นซอมบี้อีกหลายตัวก็วิ่งตามเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงปืน อดีตลูกทีมต่างวิ่งถาโถมกันเข้ามาไม่หยุด
“ยิงสิ ยิงเข้าไปเลย มัวรออะไรอยู่?”
เว่ยเฉียงตกตะลึงกับฉากตรงหน้า เขาพยายามเรียกสติตัวเอง ก่อนวิ่งหนีขึ้นไปชั้นบนด้วยความหวาดกลัว
หลิวเหล่ยเองก็เพิ่งรู้สึกตัว เขาหันกลับไปทุบประตูแล้วตะโกนว่า
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันเป็นเจ้าของห้องนะโว้ย เปิดประตูสิวะ!”
หม่าเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งฟื้นคืนสติจากความตื่นตระหนก เธอรีบหันหลังไปทุบประตูเช่นกัน
“เฉินเทียนเซิง เปิดประตูเร็ว ฉันขอร้องจริง ๆ เปิดประตูให้ฉันเถอะ!”
“ปัง ปัง ปัง”
เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันสามนัด ฝูงซอมบี้กรูเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลิวเหล่ยรู้สึกหมดหวังที่จะทุบประตูต่อไป เขาจึงพาหม่าเชี่ยนเชี่ยนวิ่งหนีขึ้นชั้นบนด้วยความตื่นตระหนก
ตอนนี้ทางเดินเต็มไปด้วยเลือด
ภายในห้อง 301
เฉินเทียนเซิงไม่มีเวลาสนใจใคร เพราะเวลานี้เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับระบบในหัวของเขา
ในฐานะโปรแกรมเมอร์ เขารู้จักระบบเป็นอย่างดี
สิบปีหลังจากความหายนะของชีวิตก่อนหน้านี้ เขาคุ้นเคยกับมนุษย์ยุคใหม่ มหาอำนาจ และสัตว์กลายพันธุ์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับระบบแบบนี้
ขณะที่ข้างนอกเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยอง อารมณ์มากมายกลับพลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของเขา แม้ทั้งร่างกายกำลังสั่นเทา แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือความสงสัยกันแน่ เขาถึงขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้น
แม้ชีวิตสิบปีก่อนหน้าที่เขาสามารถเอาตัวรอดมาได้จะจบสิ้นไปแล้ว
แต่ชีวิตในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่เท่านั้น แต่ยังมีระบบที่เป็นเหมือนตัวช่วยผุดขึ้นมาในสมอง ถ้าครั้งนี้ชีวิตของเขายังไม่ดีขึ้นอีก งั้นยอมตายซะดีกว่า!
“เอาล่ะ ยุคสุดท้ายรอบนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิม!”