บทที่ 38 ปีนข้ามกำแพง เด็ดดอกไม้ ล่าถอย
บทที่ 38
ปีนข้ามกำแพง เด็ดดอกไม้ ล่าถอย
อวี้ซีหยวนไม่เข้าใจท่าทางของเขา จ้านจึงเป็นฝ่ายอธิบายให้นางฟัง
“คุณหนูอวี้ ความสามารถของท่านอ๋องในด้านการสร้างค่ายกลเป็นที่เลื่องชื่อลือชาอย่างกว้างขวาง ภายในรัฐจื่ออวิ๋นแห่งนี้ อาจกล่าวว่าเขาเป็นอันดับหนึ่ง”
เมื่อมองเห็นท่าทางการนำเสนออย่างภาคภูมิใจของ จ้านแล้ว หากไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าเขากำลังยกย่องชื่นชมตนเอง!
อวี้ซีหยวนเหลือบมองลั่วจ้านชิงครั้งหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างดื้อรั้น “หรือพวกท่านจะไปด้วยกันกับข้า?”
ลั่วจ้านชิงยังคงส่งสายตามองอวี้ซีหยวนดังเดิม และ อวี้ซีหยวนพอมองออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วย
ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวอะไรต่อไป ลั่วจ้านชิงก็ลุกจากเก้าอี้ ตั้งท่าเตรียมเดินออกจากห้องไป
อวี้ซีหยวนรีบขยับเข้ามายืนขวางหน้าลั่วจ้านชิงไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกางแขนทั้งสองข้างออกจนสุด
“ปล่อยข้าไปเถอะ!”
ลั่วจ้านชิงมองไปยังหญิงสาวที่พยายามใช้ทุกส่วนของร่างกายขวางทางเขาไว้ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
“ได้…”
“หากท่านไม่ยอมปล่อยให้ข้าไป บรรดาวัชพืชมากมายในสวนด้านหลัง และท่าน... เอ๊ะ? ท่าน... ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
อวี้ซีหยวนคิดว่าตนหูฝาดไปหรือไม่
สิ่งที่ลั่วจ้านชิงเพิ่งกล่าวออกคือ... ได้ อย่างนั้นหรือ?
อย่างไรก็ตาม ลั่วจ้านชิงเพิกเฉยต่อคำถามของนาง และใช้โอกาสช่วงที่นางไม่ทันระวังตัวเดินเลี่ยงจากการขวางทางของนางไปอีกด้านหนึ่ง
อวี้ซีหยวนจึงรีบคว้ามือของลั่วจ้านชิงไว้พร้อมกล่าวกำชับ “เท่านี้แหละ! องค์ชายรัชทายาท ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ทิ้งข้าไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง เช่นนั้นจะถือเป็นการทรยศ!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว อวี้ซีหยวนจึงปล่อยมือจาก ลั่วจ้านชิง แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องตามเดิม
ขณะเดียวกัน ลั่วจ้านชิงซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง หันกลับมามองอวี้ซีหยวนอีกครั้งพร้อมครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขากำลังกล่าวพึมพำกับตนเองหรือเอ่ยถามจ้านกันแน่ เพียงเปล่งเสียงแผ่วเบาว่า “อวี้ซีหยวน เจ้าเป็นใครกัน...”
——
“พวกเราเดินเข้าประตูหลักไม่ได้ ฉะนั้น... ปีนข้ามกำแพงกันเถอะ!”
อวี้ซีหยวนและลั่วจ้านชิงมาถึงด้านหน้าของจวนท่านแม่ทัพแล้ว และกำลังกล่าวกับจ้านที่กำลังซ่อนเร้นกายอยู่
จ้านแสดงท่าทีว่าเห็นด้วย “ได้ ได้ เพียงแต่...”
เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมทำปากบุ้ยใบ้ไปทางลั่วจ้านชิง อวี้ซีหยวนมองตามแล้วจึงเข้าใจทันทีว่า ‘เพียงแต่’ ของเขาหมายถึงสิ่งใด
นางรีบเร่งกล่าวแผนการเดิมซ้ำอีกครั้งโดยไม่สนใจ ลั่วจ้านชิง
“ปีนข้ามกำแพง เด็ดดอกไม้ ล่าถอย!”
ลั่วจ้านชิงและจ้านมองไปยังอวี้ซีหยวนพร้อมกะพริบตาปริบ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความฉงน
“พวกเราต้องปีนข้ามกำแพง แล้วเดินตรงไปยังสวนหลังจวน เด็ดดอกไม้ป่าสีม่วงออกมา แล้วล่าถอยกลับออกมาด้วยวิธีการเดิมอย่างไรล่ะ!”
อวี้ซีหยวนอธิบายอย่างจนปัญญา
นางว่าตนเองกล่าวอย่างชัดเจนแล้ว
เหตุใดชายสองคนนี้ช่างโง่เขลานัก!
“แผนนี้เป็นอย่างไร?”
อวี้ซีหยวนถามความคิดเห็นของอีกฝ่าย ทว่าลั่วจ้านชิงกลับปฏิเสธโดยตรง
“ไม่ได้”
เขาโบกมือออกไปพลางกล่าว “ข้าไม่เคยกระทำเรื่องเหลวไหลเฉกเช่นการปีนข้ามกำแพง ในเมื่อเจ้าต้องการเข้าไป ก็ต้องเข้าไปอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา”
อวี้ซีหยวนขมวดคิ้วมุ่น
ชายผู้นี้เรื่องมากเสียจริงเชียว...
“ลืมเรื่องนั้นเสียเถอะ นี่ไม่ใช่เวลาเข้าตามตรอกออกตามประตู จ้าน พวกเราปีนข้ามกำแพงกันเถอะ”
จ้านเห็นด้วยเช่นกันที่จะปีนข้ามกำแพงเข้าไป ทว่าเขาเหลือบไปเห็นว่าลั่วจ้านชิงเอาแต่จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา อีกทั้งสีหน้าของเขายังคาดเดาถึงอารมณ์ไม่ได้
อวี้ซีหยวนไม่สนใจถามความคิดเห็นจากเขาอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงลากแขนจ้านให้วิ่งออกไปพร้อมกัน
ตำแหน่งเดิมมีเพียงลั่วจ้านชิงผู้เดียวที่ยังยืนอยู่ ใบหน้าของเขาเย็นชา ก่อนจะพับทบแขนเสื้อขึ้นเตรียมเดินจากไป ครุ่นคิดวิธีจัดการกับจ้านไว้ในใจไปพลาง
“ฮัดชิ้ว...”
จ้านซึ่งเดินตามอวี้ซีหยวนในระยะไม่ไกลนักกำลังปีนข้ามกำแพง แต่เผลอจามโดยไม่ทันตั้งตัว
อวี้ซีหยวนตื่นตัวทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงจามของเขา จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนมองค้อนขวับไปที่จ้านซึ่งอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา พลางกำชับเตือน “ลดเสียงลงหน่อย”
จ้านพยักหน้าเป็นเชิงขออภัย
“คุณหนูอวี้ ในเมื่อท่านกลัวการมาเยือนจวนท่านแม่ทัพ แล้วเหตุใดจึงคิดตามเรามาล่ะ?”
ปล่อยให้ท่านอ๋องมาที่นี่แล้วนำของที่ต้องการกลับพระตำหนักด้วยตนเองไม่ง่ายกว่าหรือ?
อวี้ซีหยวนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตามความจริง “ข้ามีลางสังหรณ์บางประการที่ไม่อาจอธิบายได้ บางทีอาจมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปลดล็อกกลไกของค่ายกลดังกล่าว”