บทที่ 35 ฟาร์มสะสมแต้ม
บทที่ 35
ฟาร์มสะสมแต้ม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกคุณจะขับรถออกไปไหน? ลืมเรื่องกักตัวไปแล้วรึไง?”
ปกติเจิ้งเหว่ยมองเฉินเทียนเซิงไม่ดีอยู่แล้ว เขาจึงขึ้นเสียงดังก่อน
แต่เฉินเทียนเซิงไม่ได้สนใจ ก่อนตอบกลับอย่างเป็นกันเองว่า
“ผมไม่ได้กังวลเรื่องกักตัว ถ้าผมออกไปข้างนอก ก็แค่กักตัวอีก 14 วันหลังกลับเข้ามา”
เจิ้งเหว่ยเกาหัว ก่อนรู้สึกว่าสิ่งที่เฉินเทียนเซิงพูดก็มีเหตุผล
“งั้นไปเถอะ!”
หลังจากเฉินเทียนเซิงขับรถออกไป เจิ้งเหว่ยมองตามด้านหลังของรถบรรทุกและพึมพำเบา ๆ ว่า “เบื่อจริง ๆ พวกที่ไม่ชอบทำตามกฎ”
เฉินเทียนเซิงไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขาอยู่แล้ว เพราะชาติก่อน เขายอมเชื่อฟังและยอมให้คนอื่นควบคุม รวมถึงทำตามคำสั่งเสี่ยงตายทุกอย่าง
เมื่อมีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ แน่นอนว่าเขาก็อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง
แม้ว่าสุดท้าย เขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งใคร หรือไม่ทำตามใคร นี่ก็เป็นทัศนคติของเฉินเทียนเซิงในตอนนี้
รถบรรทุกขับออกจากเขตกักกันอย่างโจ๋งครึ่ม หนึ่งวันมานี้ ทุกคนที่ได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งที่มากับรถบรรทุก พวกเขาต่างรู้ว่าเฉินเทียนเซิงเป็นบุคคลที่เหล่าทหารไม่ค่อยชอบพอใจเท่าไหร่
แต่สำหรับเฉินเทียนเซิงแล้ว มันไม่สำคัญ!
ขณะขับรถอยู่บนท้องถนน ก็มีการวางแผนรบไปด้วย
“เมื่อเราไปถึงที่นั่น ฉันจะขับรถไปจอดในที่ปลอดภัย ระหว่างที่หยางเซวี่ยออกไปเช็กความเรียบร้อย ลัวหลง ลัวเฟิง พวกเธอสองคนรอคอยฟังคำสั่งจากฉัน
“ถ้าให้ฉันเดา สัตว์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่คงไม่ได้หนีออกจากกรง หลังจากเช็กพื้นที่รอบ ๆ แล้วถ้าไม่มีอะไรผิดปกติพวกเธอก็ช่วยกันเผาที่นั่นซะ!”
“ถ้าใครพบสัตว์กลายพันธุ์หลบหนีออกมา หรือเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น ให้รีบบอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง ส่วนพวกเธอก็คอยช่วยโจมตีจากระยะไกล ส่วนหยางเซวี่ยก็คอยสร้างความก่อกวน ทุกคนเข้าใจนะ”
“รับทราบ”
ทั้งสามตอบโดยพร้อมเพรียงกัน
ห่างจากปั๊มน้ำมันประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลมาก ล้วนเป็นทางลูกรัง มีหลุมเป็นบ่อ เมื่อเดินไปอีกประมาณ 30 นาที จะเห็นฟาร์มเพาะพันธุ์อย่างชัดเจน
หลังจากเลือกที่จอดรถได้แล้ว ทั้งสี่คนกระโดดลงจากรถ เฉินเทียนเซิงสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษและแว่นตาตามปกติ และยกโล่ให้หยางเซวี่ยใช้ไปก่อน
“รีบไปรีบกลับ อย่าได้เอาตัวเองไปเสี่ยงกับอันตราย ความปลอดภัยของทุกคนต้องมาเป็นอันดับแรก”
“เข้าใจแล้ว”
เพียงชั่วพริบตา ร่างของหยางเซวี่ยกำลังยืนถือโล่ก็หายไป
อีกสามคนที่เหลือเดินไปยังทางเข้าฟาร์มอย่างช้า ๆ โดยไม่เคลื่อนที่เร็วเกินไป เพื่อความปลอดภัย
แต่ไม่ว่าจะระมัดระวังตัวมากแค่ไหน ก็ยังเกิดอุบัติเหตุได้
เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้สร้างขึ้นในเขตชานเมืองที่รายล้อมไปด้วยวัชพืชที่ขึ้นรกและป่าไม้หนาทึบ แม้ว่าจะระวังตัวดีแค่ไหน ในบริเวณป่ารอบ ๆ ก็มีอันตรายซ่อนอยู่ดี
ขณะที่ทั้งสามเดินอยู่ในป่าและคอยสอดส่องอันตราย เฉินเทียนเซิงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยว่ามีอะไรบางอย่างจ้องมองพวกเขาอยู่
“ระวังตัวไว้”
เฉินเทียนเซิงหยุดเดินพร้อมแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ลัวเฟิงก็หยุดเดินและจับขวานดับเพลิงให้มั่น ก่อนหันไปจ้องพงหญ้าหนาทึบอย่างกระวนกระวายใจ
“มีอะไรเหรออาจารย์?”
“อย่าเพิ่งคุย”
เขาขัดคำถามของลัวหลงไว้ก่อน แล้วหันไปมองป่า ๆ รอบ
ปรากฏว่ามีสัตว์กลายพันธุ์ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า และยังเคลื่อนไหวได้เร็วมากอีกด้วย มันเปลี่ยนตำแหน่งหลายครั้งในพริบตาเดียว
“ลัวเฟิงเตรียมตัว ทำตามที่ฉันบอก”
ลัวเฟิงพยักหน้า
“พรึ่บ!”
เฉินเทียนเซิงชี้ตำแหน่ง แล้วให้ลัวเฟิงควบคุมลมพัดพงหญ้ารอบ ๆ ออกไป ทำให้พวกเขาเห็นหนูขนาดเท่าหมาป่ากำลังวิ่งหนีไป
“ตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ทั้งสามตกใจมาก เมื่อเห็นหนูยาว 1 เมตรปรากฏตัว ซึ่งเป็นหนูที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอ
“นี่มันหนูกลายพันธุ์ระดับ 2 คงกินผลึกกลายพันธุ์ไปไม่น้อยกว่า 10 ก้อน ระวังตัวให้ดีล่ะ พวกเธอสองคนจัดการเจ้านี้ไม่ได้ง่าย ๆ หรอก!”
“น่ากลัว”
มือของลัวเฟิงสั่นเทา
ถ้าเป็นปกติหนูขนาดปกติคงไม่น่ากลัวขนาดนี้ แต่กับหนูขนาดใหญ่ที่วิ่งมุดไปตามพงหญ้า เดิมทีก็หาตัวจับได้ยากอยู่แล้ว หากประมาทเพียงนิดเดียว อาจไม่มีโอกาสหนีรอดเลยก็ได้
ลัวหลงรู้สึกเป็นกังวล ทำให้ควันระเหยออกมาจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง บนหัวไหล่ก็เริ่มมีไฟผุดขึ้นมา
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย จะเผาให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!”
ลัวหลงหันฝ่ามือไปทางพงหญ้า ก่อนปล่อยเปลวไฟออกมา แผดเผาพงหญ้ากลายเป็นจุณทันที
ขณะเดียวกัน หนูกลายพันธุ์โจมตีสวนกลับ โดยกระโดดออกมาจากด้านซ้ายของลัวหลง ก่อนแยกเขี้ยวและเล็งไปที่หัวของเขา
เฉินเทียนเซิงรอโอกาสนี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าหนูกลายพันธุ์โผล่ออกมา เขาจึงรีบใช้สกิลซูเปอร์สปีดทันที
เพียงชั่วพริบตา เขาก็วิ่งมาอยู่ตรงด้านซ้ายของลัวหลง แล้วใช้ขวานดับเพลิงฟันไปข้างหน้า
“ฉึบ”
หนูกลายพันธุ์ตัวขาดเป็นสองท่อน
เฉินเทียนเซิงถอนหายใจ แล้วค่อย ๆ ย่อตัวลงเพื่อตรวจสอบหนูกลายพันธุ์ระดับสอง
ขนาดของหนูขยายใหญ่ขึ้น ฟันแหลมคม ถ้าพลาดท่าถูกกัดขึ้นมา ไม่มีใครต้านพิษของมันไหวแน่ ไม่นานก็คงถูกพรีออนเข้าควบคุม
“ตรวจพบสัตว์กลายพันธุ์ระดับสอง ต้องการดูดซับหรือไม่”
“ดูดซับ”
เฉินเทียนเซิงไม่ชอบผลึกกลายพันธุ์ของหนูเท่าไหร่ เลยรู้สึกขี้เกียจขุดมันออกมา จึงตัดสินใจดูดซับโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงภาพชวนอาเจียน
หลังจากศพหนูกลายพันธุ์หายไป เฉินเทียนเซิงก็หันหน้ากลับมามองลัวหลงที่ยังตกใจค้าง ยืนน้ำตาคลอเบ้า มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“อาจารย์ ถ้าคุณไม่เข้ามาช่วยละก็ ผมคงถูกมันกัดตายไปแล้ว”
“อย่าทำหน้าเศร้าไปเลย พวกเราไปกันต่อเถอะ”
อันตรายแรกผ่านไปด้วยดี แต่ไม่วายที่เฉินเทียนเซิงเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ราบรื่นเกินไป หรืออาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่ทำให้หลงระเริง
หลังจากรอดพ้นจากการโจมตีของหนูกลายพันธุ์ ในที่สุดลัวหลงก็มีความจริงจังมากขึ้น
การอยู่รอดหลังวันสิ้นโลกต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
บริเวณรอบนอกรั้วเหล็กของฟาร์ม ร่างของหยางเซวี่ยปรากฏขึ้นในพริบตา ก่อนรายงานสถานการณ์
“ฉันเช็กมาแล้ว ไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ในฟาร์มสักคน”
“ฉันคิดไว้แล้ว แล้วไงต่อ?” เฉินเทียนเซิงถาม
“มีช่องว่างตรงรั้วทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฉันคิดว่าคงเป็นสัตว์กลายพันธุ์พังออกมา เราน่าจะใช้ทางนั้นมุดเข้าไปข้างในได้”
เฉินเทียนเซิงไม่ได้พูดอะไรต่อ โบกมือ “ไปกัน!”
เมื่อมาถึงรั้วตรงทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏว่ามีช่องว่างอยู่จริง ๆ พื้นที่ขนาดใหญ่ของกำแพงด้านในพังทลายลง ดูจากเศษอิฐและกระเบื้องแล้ว ความแข็งแกร่งแบบนี้ไม่ใช่กำลังของสัตว์กลายพันธุ์ตัวเล็กจะทำได้
“ตามฉันเข้ามา และคอยหลบอยู่ข้างหลัง”
เฉินเทียนเซิงเข้าไปในฟาร์มเป็นคนแรก ตามด้วยอีกสามคน
ฟาร์มแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มาก เพราะมีพื้นที่เพาะพันธุ์กว่า 4 จุดคือ ไก่ เป็ด วัว และหมู โดยพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ปีกนั้นกว้างมาก ไม่ว่าเดินไปตรงไหนก็ได้กลิ่นมูลไก่และมูลเป็ดจนเตะจมูก
เฉินเทียนเซิงชี้ไปที่อาคารสองชั้นที่อยู่ในฟาร์มแล้วพูดว่า
“เจออันตรายขึ้นมาให้วิ่งไปหลบในอาคาร ที่นี่มีสัตว์ปีกเยอะ ถ้าพวกมันบินออกมาพร้อมกัน พลังโจมตีไม่ใช่เล่น ๆ เลย”
“เข้าใจแล้ว”
ร่างของหยางเซวี่ยหายไปอีกครั้ง ก่อนปรากฏตัวอย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาทีต่อมา แล้วรายงานว่า
“พื้นที่เพาะพันธุ์มีกรงที่แข็งแรงมาก ทั้งไก่และเป็ดยังถูกขังอยู่ในนั้น ต้องรีบเผาพวกมันให้เร็วที่สุด”
“ใช่ เราต้องเร่งมือแล้ว”
ทั้งสามวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงเล้าไก่ เฉินเทียนเซิงหยิบถุงอาหารขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ฉันจะโปรยอาหารล่อพวกมันมาเป็นกลุ่ม ลัวเฟิงควบคุมลมมาใกล้ ๆ กรง ลมแรงเท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนลัวหลงรอคำสั่งจากฉัน แล้วจุดไฟได้เลย”
ทั้งคู่พยักหน้าเห็นด้วย
เฉินเทียนเซิงเหยียดมือไปข้างหน้า
“สาม สอง หนึ่ง!”
เขาสาดอาหารสัตว์ในมือออกไป
ขณะเดียวกันลัวเฟิงควบคุมลมมายังกรงแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้เล้าไก่ทั้งหมดปลิวว่อนอยู่ในกรง พร้อมกับ เศษอาหารและฝุ่นทราย
แม้แต่ผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่หลบภัยอยู่ในที่ใกล้เคียง ก็ได้ยินเสียงอาหารเม็ดที่กระทบกับแผ่นเหล็ก ซึ่งเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกเห็บตกลงมา
“ลัวหลง ปล่อยไฟออกมาเลย!”
“เผาให้เป็นจุณ!”
เปลวไฟรวมกับลมจนเกิดพายุเพลิง ทำให้ไฟลุกไหม้เล้าไก่ทั้งหมดทันที ไก่ที่วิ่งออกจากเล้าไม่ได้ถูกไฟคลอกตายทันที แต่พวกมันดิ้นทุรนทุราย หนีก็หนีไม่ได้ จนต้องยอมรับชะตากรรมถูกไฟคลอกจนตาย
1 แต้ม
1 แต้ม