บทที่ 34 อย่าเดินไปมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
บทที่ 34
อย่าเดินไปมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
อวี้ซีหยวน “...”
ชายคนนี้อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยหรืออย่างไร? อาจใช่ เขาเป็นคนเช่นนั้นมาโดยตลอด
แต่เมื่ออยู่ในท่าทางนี้...
อวี้ซีหยวนปัดฝ่ามือของลั่วจ้านชิงที่กำลังบีบคางของนางออกพร้อมกล่าวว่า “องค์ชายรัชทายาท ท่านเข้าใกล้ข้าเกินไปแล้ว”
หลังจากนั้นลั่วจ้านชิงจึงก็ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง สูดลมหายใจรับอากาศเย็นเข้าปอด ก่อนจะเดินออกไป
อวี้ซีหยวนซึ่งอยู่ด้านหลังลอบบ่นอุบ แต่นางยังต้องเดินติดตามเขาให้ทัน
รถม้าจอดอยู่ด้านนอกของห้องขัง
อวี้ซีหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที ดูเหมือนว่าลั่วจ้านชิงสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่านางต้องการจะไปที่ใด
ด้วยความที่เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เกรงว่านอกจากเขตพระตำหนักของบรรดานางสนมทั้งหลายแล้ว คงไม่มีสถานที่แห่งไหนในวังที่เขาไม่รู้จัก
“พี่สาว!”
ทันทีที่อวี้ซีหยวนก้าวขึ้นรถ นางเห็นว่าอวี้ซินหรานนั่งคอยอยู่ข้างใน สีหน้าแสดงความวิตกกังวลเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มออกเมื่อเห็นอวี้ซีหยวน อวี้ซีหยวนจึงทรุดกายลงนั่งถัดจาก อวี้ซินหราน ลูบศีรษะนางพลางถามไถ่ “ซินหราน เจ้าเจ็บมากหรือไม่?”
“ดีกว่าเจ้ามากทีเดียว”
ยังไม่ทันที่อวี้ซินหรานจะเอ่ยตอบ ลั่วจ้านชิงซึ่งก้าวตามขึ้นมานั่งในรถม้าก็เอ่ยแทรก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซึ่งเย็นชาราวไม่แยแสสิ่งใดนั่งอยู่ตรงข้ามกันกับอวี้ซีหยวน
อวี้ซีหยวนขดริมฝีปากฉับพลัน “องค์ชายรัชทายาท ครู่นี้ข้าจดจำได้ว่าไม่ได้เอ่ยถามท่านเสียหน่อย!”
ลั่วจ้านชิงเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นชา พร้อมเผยรอยยิ้มประชดประชัน “ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยกล่าวไว้ว่า หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าห้ามเดินเตร็ดเตร่ไปมาโดยพลการอย่างเด็ดขาด”
อวี้ซีหยวนตระหนักดีถึงการกระทำของตนเอง จึงไม่สามารถหยิบยกเหตุผลอื่นใดมาหักล้างได้
ครึ่งชั่วยามที่ผ่านมา…
หลังจากที่ทั้งสองเดินเลี่ยงออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ลั่วจ้านชิงก็ปล่อยมือจากอวี้ซีหยวน แล้วโยนร่างนางเข้าไปในรถม้าอย่างหยาบคาย จากนั้นเขาก็ก้าวตามขึ้นมา ตามด้วยฉางอี้ที่ค่อย ๆ อุ้มอวี้ซินหรานที่ยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัวเข้าไปในรถม้า ก่อนจะขับเคลื่อนรถม้าออกไป
อวี้ซินหรานไม่แม้แต่จะมองไปทางลั่วจ้านชิง ได้แต่พุ่งตัวโผเข้าหาอ้อมแขนของอวี้ซีหยวนโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทว่า อวี้ซีหยวนสามารถสัมผัสได้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยตกใจกลัวจนร่างสั่นสะท้าน ทำให้นางรู้สึกแย่ยิ่งนัก
แม้แต่เด็กหญิงวัยไม่ถึงสิบขวบ ฟางจื่อเซวียนยังไร้คุณธรรมและกล้าทำร้ายนาง!
แค่ได้รับโทษจำคุก นั่นยังไม่สาสมสำหรับนาง!
อวี้ซีหยวนเอนศีรษะลงกระซิบกับนางทันทีว่า “เจ้าอย่ากังวลไปเลย พี่สาวต้องจัดการกับนางให้ยอมชดใช้ตามราคาที่สมควรแก่เจ้าอย่างแน่นอน!” ยิ่งไปกว่านั้น ควรต้องคูณเข้าไปอีกสองเท่า
อวี้ซินหรานสัมผัสได้ถึงจิตสังหารซึ่งแฝงอยู่ภายในคำพูดของอวี้ซีหยวน นางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมเอ่ยถาม “พี่สาว ท่านคิดจะทำสิ่งใดหรือ?”
“ข้าปวดท้อง!” อวี้ซีหยวนขยิบตา
เสียงนี้เปล่งออกมาโดยไม่ใช่เสียงกระซิบ ลั่วจ้านชิงจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน ทว่าเขายังแสร้งทำเป็นหลับตา
เมื่อเห็นเช่นนั้น อวี้ซีหยวนจึงกล่าวย้ำอีกครั้ง “องค์ชายรัชทายาท ข้าปวดท้องเหลือเกิน ขอลงไปทำธุระสักครู่ได้หรือไม่...”
“รอก่อน”
อวี้ซีหยวน “...”
ชายผู้นี้มีวงจรสมองที่ซับซ้อนเกินไปแล้ว เรื่องพรรค์นี้สามารถยับยั้งได้เสียที่ไหนกัน?
“นี่ ลั่วจ้านชิง ข้าบอกว่าข้าต้องการลงไปทำธุระส่วนตัว หยุดรถแล้วปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้!”
ในที่สุดลั่วจ้านชิงก็ลืมตาพร้อมเหลือบมองนางเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปรบมือหนึ่งครั้ง
เสียงฉางอี้ตะโกนสั่งม้าดังมาจากข้างนอก ก่อนที่รถม้าจะหยุดลงทันที
อวี้ซีหยวนเม้มริมฝีปาก “ขอบคุณ!”
ในที่สุด นางก็มีโอกาสปลีกตัวจากรถม้าเสียที
ในช่วงจังหวะที่นางไม่ทันระวังตัว ลั่วจ้านชิงคว้าข้อมือของนางไว้ เผยอริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อเอ่ยสองสามคำข้างหูของนาง แล้วจึงยอมปล่อยมือจากอวี้ซีหยวน
อวี้ซีหยวนหันกลับไปมองเขาด้วยสายตาซับซ้อน แล้วก้าวลงจากรถม้าไปทันที
“อย่าเดินไปมาโดยไม่ได้รับอนุญาตงั้นหรือ? นี่ ลั่วจ้านชิง เจ้าถือว่าตนมีอำนาจเหนือกว่าจึงคิดสั่งข้าอย่างนั้นรึ?”
น่าเสียดายที่อวี้ซีหยวนผู้นี้ไม่มีนิสัยเชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่น
หลังจากที่นางเดินจากไปแล้ว รถม้ายังคงจอดอยู่ที่เดิมต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ลั่วจ้านชิงจะขอให้ฉางอี้ขับรถม้าไปยังเรือนจำ
ฉางอี้ไม่เข้าใจ “ท่านอ๋องจะไปเยี่ยมเยียน องค์หญิงจื่อเซวียนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”