บทที่ 33 เป็นถึงองค์หญิง
บทที่ 33
เป็นถึงองค์หญิง
แม้ว่าลั่วจ้านชิงจะไม่เคยไว้หน้าตนเองแม้สักครั้ง ทว่าเขาไม่เคยปฏิบัติต่อนางเช่นนี้มาก่อน หนำซ้ำเวลานี้เขายังสั่งลงโทษนางให้ถูกจำคุกเพราะนางผู้หญิงคนนั้น... ฮึ่ม! หากนางออกมาได้เมื่อไหร่ จะคอยตามรังควานให้ชีวิตของนางผู้หญิงคนนั้นย่ำแย่เสียยิ่งกว่าตายอย่างแน่นอน!
“นั่นใคร?”
“เป็นองค์หญิงจื่อเซวียน เจ้าควรหาห้องขังอย่างดีที่สุดสำหรับพระองค์ คาดว่าอาจออกไปได้ในเวลาไม่นานนัก”
พัศดีผู้คุมห้องขังตกตะลึง
คุกภายในเขตพระราชฐานมีสามัญชนถูกลงโทษจองจำไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าที่ชวนให้ประหลาดใจคืออีกฝ่ายเป็นถึง องค์หญิงจื่อเซวียนผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่งขององค์จักรพรรดิ หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงส่งคนให้เร่งเข้าไปทำความสะอาดห้องขังสำหรับฟางจื่อเซวียนโดยทันที
“ที่นี่มันอะไรกัน กลิ่นเหม็นจะตายไป พวกเจ้ามานี่ซิ รีบเปลี่ยนห้องให้ข้าเร็วเข้า!”
พัศดีก้าวเข้าไปหานางทันที โค้งคำนับพร้อมอธิบาย “องค์หญิง นี่เป็นห้องขังที่ดีที่สุดภายในคุกแห่งนี้แล้ว ขอพระองค์ทรงอดทนต่อไปอีกหน่อย ไม่แน่ว่าองค์จักรพรรดิอาจมีคำสั่งให้ปล่อยพระองค์ออกไปในวันพรุ่งนี้”
“ข้าต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้เชียวรึ เจ้ารู้หรือไม่แม้แต่อึดใจเดียวข้าก็ทนไม่ได้?!” ฟางจื่อเซวียนระเบิดโทสะอีกครั้ง ก่อนจะหยิบแส้ออกมา แล้วหวดฟาดไปทางหัวหน้าพัศดี
พัศดีผู้นี้เคลื่อนไหวไม่รวดเร็วเท่าอวี้ซีหยวน แม้ว่าเขาจะเตรียมใจแล้วว่าต้องถูกลูกหลง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ทันเวลา ทำให้ตามร่างกายเกิดรอยขีดข่วนหลายจุด
เขาล้มลงเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น พยายามอย่างยิ่งที่จะหลบเลี่ยง
เมื่อเห็นเช่นนี้ พัศดีนายอื่นก็รีบปราดเข้าไปประคองหัวหน้าพัศดีทันที สายตาทุกคู่จับจ้องไปทางฟางจื่อเซวียนอย่างดุดัน เผยสีหน้าเศร้าโศกระคนขุ่นเคือง “พระองค์ทรงเป็นถึง องค์หญิง ไยจึงไม่ตระหนักถึงความดีชั่วเสียบ้าง? ท่านหัวหน้าพัศดีอุตส่าห์สั่งการให้พวกเราทำความสะอาดห้องขังเป็นการเฉพาะสำหรับพระองค์ได้ประทับเป็นการชั่วคราว น่าเสียดายที่ท่านหัวหน้าพัศดีทำดีโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากพระองค์ไม่นึกขอบคุณเขาแล้ว ยังทรงทำร้ายร่างกายเขาอีก!”
“หุบปากเสีย! นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ!”
“โอ้ ข้ามีอำนาจพอจะบดขยี้เจ้าให้ตายตกไปราวมดตัวหนึ่งด้วยซ้ำ คิดหรือว่าการกระทำเล็กน้อยของพวกเจ้าคู่ควรกับคำขอบคุณจากข้า?”
“เจ้า...”
อวี้ซีหยวนเม้มริมฝีปาก ฟางจื่อเซวียนผู้นี้ดูเหมือนว่าจะโกรธแค้นนางมากทีเดียว ดวงตาของนางเปล่งประกายขณะจับจ้องไปยังใบหน้านั้นอย่างไม่ละสายตา ทุกอากัปกิริยาล้วนอยู่ในมุมมองของนาง
ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ของเม็ดยาเจินเหยียนอาจไม่เพียงพอ นางรู้แล้วว่าสาเหตุที่ฟางจื่อเซวียนกลายเป็นที่โปรดปรานในสายตาคนทั่วไป เพราะอีกฝ่ายมีทักษะในการเสแสร้งแกล้งทำดีแต่เพียงเบื้องหน้า ทว่าเบื้องหลังกลับแสดงกิริยาน่ารังเกียจและสร้างปัญหาเป็นนิจ ไม่แน่ว่ามุมมองของทุกคนอาจเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นการกระทำของนางในวันนี้
นางหยิบเม็ดยาอีกเม็ดออกมาจากแขนเสื้อ แล้วโยนออกไปหมายให้ร่วงลงบนร่างของฟางจื่อเซวียน แล้วเฝ้าดูจนกว่าเม็ดยาดังกล่าวจะกระจายตัวกลายเป็นหยดน้ำ ละลายซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของฟางจื่อเซวียน
ด้วยวิธีนี้ การเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!
หลังจากทำการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแล้ว ศีรษะของอวี้ซีหยวนก็ค่อย ๆ ลดต่ำลงจนไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็น
อวี้ซีหยวนปัดฝุ่นตามเนื้อตัวของตนเอง ก่อนจะหันศีรษะกลับไป ขณะที่นางตั้งท่าเตรียมวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว นางกลับพบเข้ากับผู้ซึ่งควรจะอยู่บนรถม้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้า
หากไม่ได้ระแวดระวังตั้งแต่แรก เห็นทีอวี้ซีหยวนคงตกใจกลัวจนตายไปเสียแล้ว!
ก่อนหน้านี้นางเพ่งสมาธิอยู่กับแผนการของตน จนไม่ทันสังเกตว่าลั่วจ้านชิงจับตามองนางอยู่ที่นี่มานานเพียงใดแล้ว
“ท่าน...”
ยังไม่ทันที่อวี้ซีหยวนจะกล่าวคำใด พัศดีผู้หนึ่งก็เดินตรงเข้ามาใกล้ในระยะที่ไม่ไกลนัก อวี้ซีหยวนจึงปิดปากเงียบ เดินหลบไปอีกทางพร้อมโบกมือให้ลั่วจ้านชิงเป็นเชิงห้ามไม่ให้เอ่ยปาก แล้วจูงมือเขาให้ไปอยู่ภายในมุมอับสายตา
ในตำแหน่งนี้ หากบรรดานักโทษหรือพัศดีไม่มองย้อนกลับมา ก็จะมองไม่เห็นพวกเขา
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้ว ว่าการตัดสินใจของอวี้ซีหยวนไม่ผิด
หลังออกมาจากคุก อวี้ซีหยวนก็ถอนหายใจด้วย ความโล่งอก หันหน้ากลับมาเอ่ยถามลั่วจ้านชิง “องค์ชายรัชทายาท เหตุใดท่านจึงตามมาที่นี่ได้เล่า?”
ลั่วจ้านชิงไม่ได้กล่าวตอบคำใด เพียงปรายตามอง อวี้ซีหยวนที่เดินติดตามมา พบว่านางแสดงท่าทีราวนึกบางสิ่งขึ้นได้ รีบปล่อยมือจากเขาทันทีราวถูกไฟฟ้าช็อต และรีบเช็ดฝ่ามือเข้ากับเสื้อผ้าของตนเอง
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่รอดพ้นไปจากสายตาของ ลั่วจ้านชิง ทันใดนั้นเส้นเลือดพลันปูดโปนด้วยโทสะ เขาบีบคางของอวี้ซีหยวนเพื่อบังคับให้ร่างของนางกระแทกพิงกำแพงซึ่งเย็นเฉียบไปจนถึงกระดูก ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “มาเก็บศพเจ้าอย่างไรล่ะ!”