บทที่ 32 กล่าววาจาหยาบคาย
บทที่ 32
กล่าววาจาหยาบคาย
ฟางจื่อเซวียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “เสด็จพ่อ...”
“หากเจ้ายังมีสำนึกว่าข้าเป็นพ่อของเจ้า เช่นนั้นจงวางแส้ในมือลง แล้วกล่าวขอโทษแม่นางอวี้เสีย!”
“ว่าอย่างไรนะ?! ขอโทษนางหรือ?” ฟางจื่อเซวียนหันขวับจ้องไปที่เขา ชี้แส้ไปทางอวี้ซีหยวนด้วยท่าทางราวไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “แม้แต่เสด็จพ่อเองก็เสียสติไปอีกคนหรือเพคะ? นางผู้นี้เป็นเพียงหญิงสำส่อน ส่วนลูกหญิงเป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์แห่งรัฐจื่ออวิ๋น จะให้องค์หญิงจื่อเซวียนเป็นฝ่ายขอโทษนางจิ้งจอกผู้นี้ได้อย่างไร?”
ร่างกายของฟางอวี้เริ่มโอนเอนไปมา ขันทีที่อยู่ด้านข้างจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองเขา ทว่าฟางอวี้กลับผลักไสให้ออกห่าง
“จื่อเซวียน! หยุดกล่าววาจาหยาบคายได้แล้ว!” ฟางอวี้พยายามปรามนาง “เสด็จอาของเจ้าเป็นผู้พาแม่นางอวี้มาที่นี่ด้วยตนเอง เจ้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ได้อย่างไร?!”
“เสด็จพ่อ!”
“หญิงต่ำต้อยผู้นี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายลูกหญิงและนางกำนัลเท่านั้น แต่ยังเคยทำร้ายหลิวอวี่ลั่วด้วย รวมถึงตอนนี้นางก็กำลังสะกดจิตท่านอีกครั้งแล้ว ไม่รู้ว่านางใช้มนตร์ดำใดบ้าง! คนเช่นนี้ไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเขตพระราชวังด้วยซ้ำ!”
มุมปากของอวี้ซีหยวนกระตุกเล็กน้อยด้วยความสับสน ปรากฏว่าฟางจื่อเซวียนก็รู้จักกันกับหลิวอวี่ลั่ว ภายในวันนั้นนางกลับเข้าพระตำหนักผ่านประตูทางเข้าหลัก เกรงว่าหลิวอวี่ลั่วอาจสั่งการให้ใครสักคนติดตามมาตรวจสอบจนพบเข้าโดยบังเอิญ ดังนั้นนางจึงรู้ว่าตนพำนักอยู่ในพระตำหนักของลั่วจ้านชิง
อย่างไรก็ตาม ตัวตนที่แท้จริงว่านางเป็นคุณหนูสามแห่งจวนท่านแม่ทัพอาจยังไม่ถูกเปิดเผย เพราะเกรงว่าหลิวอวี่ลั่วอาจไม่มีความสามารถมากพอที่จะส่งคนเข้าไปในพระตำหนักขององค์ชายรัชทายาท
นอกจากนี้ฟางจื่อเซวียนไม่เคยพบพานกับอวี้ซีหยวนมาก่อน มิฉะนั้นฟางจื่อเซวียนคงไม่จิกหัวเรียกตนว่านังแพศยาเช่นเมื่อครู่เป็นแน่
ฟางอวี้ต้องการปกป้องฟางจื่อเซวียนตั้งแต่แรกที่เกิดเรื่อง นางไม่ได้ตาบอดจึงสามารถมองเห็นเจตนาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ทว่าน่าเสียดายที่ฟางจื่อเซวียนกลืนกินเม็ดยาเจินเหยียนเข้าไปเสียก่อน ความปรารถนาของฟางอวี้ที่จะปกป้องพระราชธิดาจึงไม่สำเร็จ
“เจ้า... พระราชธิดานอกรีต! มาเถอะ พาตัวองค์หญิงจื่อเซวียนกลับเข้าไปในวังเพื่อข้า ปล่อยให้นางไตร่ตรองความผิดของตนเองให้ละเอียด!”
คำสั่งดูเหมือนเข้มงวดเป็นที่ยิ่ง ทว่าในความเป็นจริง ฟางอวี้เพียงหาทางลงให้กับกิริยาไม่พึงประสงค์ของ ฟางจื่อเซวียนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฟางจื่อเซวียนผู้มีโทสะครอบงำกลับไม่ทันได้สังเกต
“เสด็จพ่อ!” ฟางจื่อเซวียนไม่วายขันแส้ในมือให้แน่นขึ้น ก่อนจะกล่าวถ้อยคำอันรุนแรงและดุเดือด “ท่านจะลงโทษข้าเพียงเพราะนังสารเลวผู้นี้จริงหรือเพคะ?”
“นางให้ประโยชน์ใดกับท่านเป็นการแลกเปลี่ยนกันแน่? ท่านคงไม่ได้ถูกล่อลวงให้หลงกลเพราะใบหน้าน่ากลัวชวนขยะแขยงของนางหรอกใช่หรือไม่?”
อวี้ซีหยวนเผลอจับใบหน้าของตนเองพร้อมขมวดคิ้วมุ่น น่ากลัวชวนขยะแขยงงั้นหรือ... ควรเป็นเช่นนั้นสินะ
“เจ้า…”
เห็นได้ชัดว่าฟางอวี้เริ่มโกรธาเป็นที่ยิ่ง เขายกมือขวาขึ้นกุมบริเวณหัวใจไว้ พลางใช้มือข้างซ้ายชี้ไปทางฟางจื่อเซวียน ทว่าคราวนี้อาการป่วยกำเริบเสียจนไม่สามารถกล่าวอะไรได้
ลั่วจ้านชิงเรียกทหารราชองครักษ์สองนายให้ก้าวออกมาช่วยประคองฟางอวี้ พร้อมออกคำสั่งว่า “องค์จักรพรรดิทรงพระประชวร ช่วยประคองพระองค์ลงไป แล้วรีบเรียกแพทย์ประจำราชสำนักให้มาตรวจดู”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ขันทีน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะประคองฟางอวี้ให้กลับเข้าพระราชวังไป
“ส่วนองค์หญิงจื่อเซวียน...”
ลั่วจ้านชิงใช้สายตาเหลือบมองอย่างเย็นชา เปล่ามองไปที่ฟางจื่อเซวียน แต่มองไปที่อวี้ซีหยวน
ฟางจื่อเซวียนยังไม่ยอมวางแส้ ทว่ากิริยาของนางแปรเปลี่ยนเป็นอับอายเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “เสด็จอาเพคะ ข้า...”
“องค์หญิงทรงแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อองค์จักรพรรดิอย่างเปิดเผย สมควรได้รับโทษจำคุก”
หลังจากนั้น ลั่วจ้านชิงเดินตรงไปคว้าข้อมือของ อวี้ซีหยวน แล้วเดินเลี่ยงออกไปจากสถานที่ดังกล่าวทันที
ฉางอี้พร้อมด้วยอวี้ซินหรานรีบติดตามไปอย่างใกล้ชิด องค์ชายเจ็ดตระหนักดีว่าคำสั่งของลั่วจ้านชิงนับว่าสูงสุด ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจ ทิ้งทหารรักษาการณ์สองสามคนไว้เบื้องหลังแล้วเดินเลี่ยงออกไปเช่นกัน
หน้าที่ของทหารรักษาการณ์เหล่านั้น คือพาตัว ฟางจื่อเซวียนให้ไปยังห้องขัง
ฟางจื่อเซวียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับตน นางผลักทหารรักษาการณ์ที่ปราดเข้ามาจับตัวนางให้ออกห่าง ยอมเดินนำพวกเขาไปยังห้องขังด้วยตนเอง
เมื่อนึกถึงทหารรักษาการณ์ที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกตนในขั้นสร้างรากฐานและเขตแดนปฐมสวรรค์ ต่อให้นางต้องการหลบหนีอย่างไรก็คงไม่อาจหนีพ้น ดังนั้นจึงจำใจยอมรับชะตากรรม
นางมีฐานันดรสูงส่งถึงเพียงนี้ บรรดาคนต่ำต้อยเหล่านั้นถือดีอย่างไรมาแตะต้องกายตน
ยิ่งฟางจื่อเซวียนครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงใด นางก็ยิ่งโกรธแค้นยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ พลังวิญญาณในฝ่ามือเริ่มหมุนวนควบแน่น