บทที่ 31 สิ่งที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับวันสิ้นโลก
บทที่ 31
สิ่งที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับวันสิ้นโลก
“ฮ่าๆๆ ลัวหลง มานี่เร็วเข้า มาหาลุงหน่อย”
ลัวหมิงกางแขนออก ก่อนจะวิ่งโร่ผ่านเข้าไปในอาณาเขตหวงห้ามอย่างไม่สนใจอะไรอีก
“ผู้กองครับ!”
ทหารยามร้องบอกให้หยุดช้าไป แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเปลวไฟ ไม่มีพายุลมแรง
ลัวหมิงโผเข้าไปกอดลัวหลง ตบหลังหลานชายด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
“เจ้าเด็กดี บอกลุงมาซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานกัน ทุกคนลือกันหนาหูว่าหลานสามารถควบคุมลมและไฟได้?”
“ให้อาจารย์เป็นคนอธิบายดีกว่าครับ ผมก็...”
ลัวหลงเกาหัวด้วยความลำบากใจ ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นใครอีกคนพยายามจะก้าวผ่านวงล้อมไฟเข้ามา จึงดีดนิ้วด้วยความโกรธ ผลักดันคนคนนั้นให้ถอยกลับไปโดยทันที
ลัวหมิงไม่ทันเห็นฉากน่าตื่นตาดังกล่าว ยังคงพูดด้วยความกระตือรือร้น “พาลุงไปหาอาจารย์ของหลานเร็วเข้า”
ในที่สุดเฉินเทียนเซิงก็ลืมตาขึ้น พอเห็นว่าลัวหมิงอยู่ในเครื่องแบบทหารเต็มยศ ก็ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับถามว่า
“ทำไมคุณถึงเข้าร่วมกับกองทัพเร็วนัก แถมยังกลายเป็นทหารระดับสูงอีกด้วย?”
ลัวหมิงวางท่าเคร่งขรึม ทักทายเฉินเทียนเซิงด้วยท่าวันทยหัตถ์ตามมาตรฐาน
“เดิมทีฉันเป็นทหารปลดประจำการอยู่แล้ว ความจริงต้องเข้าร่วมกับกองทัพในฐานะทหารกองหนุนลำดับสอง แต่เพราะความช่วยเหลือจากคุณ ฉันเลยพลอยได้รับความดีความชอบจากการเผาปั๊มน้ำมันจนทำให้เขตปลอดภัยสามารถก่อตั้งขึ้นได้ ดังนั้น...”
“ผมเข้าใจแล้ว”
ลัวเฟิงไปยกกล่องลังมาอีกกล่องหนึ่ง เพื่อให้ลุงกับอาจารย์ของเธอได้นั่งคุยกัน ระหว่างนั้นลัวหลงกับลัวเฟิงก็ถอยออกไปอยู่ด้านข้าง เฝ้าระวังให้แน่ใจว่าไม่มีใครมารบกวนการพูดคุยรำลึกความหลังของทั้งสอง
“บอกฉันมาเร็วเข้า ลัวหลงกับลัวเฟิง สามารถควบคุมไฟและลมได้จริง ๆ เหรอ?”
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลัวหมิงลงทุนเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง
“ผมขอสรุปสั้น ๆ ก็แล้วกัน เหตุผลง่ายมาก ฝนกรดเมื่อหลายวันก่อนได้เปลี่ยนแปลงยีนของสิ่งมีชีวิต ฝนที่ว่าชะล้างทำลายยีนของมนุษย์ไปจนหมด เปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นซอมบี้ที่ไม่ใช่ทั้งคนหรือผี
“ผลกระทบจากฝนกรดมีมากกว่านั้น เพราะอากาศยังคงมีไวรัสจำนวนมากตกค้างอยู่ พวกมันแทรกซึมเข้าไปในยีนของสิ่งมีชีวิตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเวลาผ่านไป มนุษย์ส่วนใหญ่จะเริ่มเกิดการวิวัฒนาการ บางคนอาจควบคุมพลังที่สามารถทำลายล้างโลกได้ อย่างเช่นหลานชายกับหลานสาวของคุณ”
“เดี๋ยวก่อน ขอเวลาให้ฉันจำแป๊บหนึ่ง”
ลัวหมิงตกตะลึงเมื่อได้รับฟังข้อมูลเหล่านั้น ปากของเขาอ้ากว้างอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหุบลงได้
“นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกไหม?”
“การวิวัฒนาการคือการเปลี่ยนแปลงลำดับยีนในร่างกาย ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโอกาสเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นทักษะจำพวกความแข็งแกร่งและความเร็วถูกปลดล็อก ประเภทนี้เป็นการเสริมระดับยีน ส่วนทักษะเช่นการควบคุมและโจมตีทางจิต ประเภทนี้คือความสามารถเหนือธรรมชาติ
“สองประเภทนี้ก็ถือเป็นการวิวัฒนาการเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามลำดับ ขีดจำกัด การวิวัฒนาการของร่างกายมนุษย์สูงสุดคือระดับ 10 การวิวัฒนาการในแต่ละครั้งคือการเลื่อนขั้นในเชิงคุณภาพ ตอนนี้ลัวหลงกับลัวเฟิงเป็นมนุษย์ยุคใหม่ระยะแรก”
ในขณะที่เฉินเทียนเซิงกำลังอธิบายอย่างฉะฉาน เสียงระบบก็คอยแจ้งเตือนเขา
ลัวหมิง ค่าบูชา 10
ลัวหมิง ค่าบูชา 10
ลัวหมิง ค่าบูชา 10
ไม่นานหลังจากนั้น ค่าบูชาของลัวหมิงก็เพิ่มทบไป เรื่อย ๆ จนสูงถึง 80%
“ขอขัดจังหวะนิดหนึ่ง คุณรู้ได้ยังไงว่าลัวหลงกับลัวเฟิงได้รับการวิวัฒนาการแล้ว แล้วคุณรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการวิวัฒนาการละเอียดขนาดนี้ได้ยังไง”
พอถูกถามถึงเรื่องนี้ เฉินเทียนเซิงก็ยืดอกขึ้น พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“ผมต้องรู้อยู่แล้ว ในเมื่อผมยอมรับพวกเขาทั้งสองเป็นศิษย์ เป็นธรรมดาที่ผมต้องแสดงความจริงใจต่อเขา ไม่งั้นผมจะเป็นอาจารย์ได้ยังไง”
ลัวหมิงไม่สามารถยับยั้งไขมันบนใบหน้าให้หยุดกระตุกได้
“จริงด้วย การที่ผมตัดสินใจฝากพวกเขาให้เป็นศิษย์ของคุณ ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดในชีวิต”
จากนั้นเขาก็พูดต่อไปด้วยความตื่นเต้น
“คุณรู้ไหมว่าหลานสองคนของผมทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงตกใจแค่ไหน ก่อนหน้านี้หัวหน้าของผมก็โทรมา ยังบอกด้วยว่าต่อให้ทุ่มงบมากเท่าไหร่ไม่เกี่ยง แต่ต้องชักชวนให้พวกเขาเข้าร่วมกับองค์กรให้ได้
“พี่เฉิน คุณเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อตระกูลลัวของเราจริง ๆ ผมติดหนี้คุณจนไม่รู้จะชดเชยยังไงแล้ว”
เฉินเทียนเซิงโบกมือพลางพูดด้วยท่าทางไม่ถือสา
“อย่ารีบร้อนขอบคุณผมไปเลย เพราะถ้าผมเป็นคุณ ผมคงไม่พาหลาน ๆ ทั้งสองคนเข้าร่วมองค์กรนั่นแน่”
“ทำไมล่ะ?” ลัวหมิงถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “คุณรู้ไหมว่าหัวหน้าผมเสนอเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเขา? ตำแหน่งพลเอก นี่เป็นตำแหน่งที่ต่อให้คนคนหนึ่งพยายามแทบทั้งชีวิตก็ไม่มีทางเอื้อมถึงง่าย ๆ เชียวนะ!”
“เฮ้อ”
เฉินเทียนเซิงถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เหตุผลแบ่งออกเป็นสองประเด็นใหญ่ ๆ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง
“หนึ่ง จุดเริ่มต้นของวันสิ้นโลกแบบนี้ กลับมีมนุษย์ที่ได้รับการวิวัฒนาการในรุ่นบุกเบิกแค่สองคนในโลก ถ้าพวกนักวิทยาศาสตร์อยากไขรหัสลับของวันสิ้นโลกขึ้นมา นั่นหมายความว่าหลาน ๆ ของคุณจะต้องอุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และอารยธรรมใหม่ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลัวหลงและลัวเฟิงหลังจากนั้นล่ะ?”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ใบหน้าลัวหมิงก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด นิ่งงันเหมือนเป็นใบ้ ก่อนจะตอบกลับทั้ง ๆ ที่ใบหน้าแดงก่ำ
“ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ต่อให้นักวิทยาศาสตร์บ้าเลือดจะต้องการแบบนั้น ตราบใดที่คนไม่ยินยอมซะอย่างก็ไร้ผล นี่เป็นเรื่องของหลักการ คนที่มีความสามารถทรงพลังอย่างพวกเขาจะถูกส่งตัวเข้าห้องแล็บโง่ ๆ ได้ยังไง”
เฉินเทียนเซิงได้ยินแบบนั้นก็พูดต่อไป “งั้นข้อสอง หน้าที่ของทหารคือเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เท่าที่ผมรู้ในตอนนี้ ถ้าหัวหน้าของคุณนึกอุตริส่งลัวหลงกับลัวเฟิงไปทำภารกิจเสี่ยงตายขึ้นมาจะทำยังไง?”
หลังจากเขาพูดจบ ไม่ใช่แค่ลัวหมิงเท่านั้น แม้แต่ลัวหลงกับลัวเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ต่างก็หันขวับกลับมาแล้วมองไปทาง เฉินเทียนเซิง
“วันสิ้นโลกคืบคลานเข้ามาอยู่รอมร่อ ซอมบี้ออกอาละวาด มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผู้บัญชาการทหารสามารถชี้นิ้วสั่งให้ทำสงครามในวันสิ้นโลกโดยไม่คำนึงถึงจิตสำนึกแห่งสันติภาพอีกต่อไป เทียบเท่ากับการโยนเรือเด็กเล่นลงในมหาสมุทร นี่ไม่ใช่การทำลายคนอื่นและตัวเองไปพร้อมกันหรอกเหรอ?”
“คุณพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ในเขตสงครามมีทั้งปืนเล็กและปืนใหญ่...”
“เหอะ”
เฉินเทียนเซิงเอื้อมมือไปตบไหล่ลัวหมิง แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“คุณยังเชื่อมั่นว่าในวันสิ้นโลกแบบนี้ ปืนเล็กกับปืนใหญ่ยังใช้งานได้อยู่สินะ เข้าใจซะใหม่เถอะว่าถ้าคุณเผชิญหน้ากับซอมบี้ระดับสูงขึ้นมา พวกมันแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย!
“สำหรับสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3 หรือซอมบี้ระดับ 3 กระสุนปืนไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ คุณรู้เรื่องพวกนี้หรือ เปล่า?”
คำถามเชิงวาทศิลป์ของเฉินเทียนเซิง ทำให้ลัวหมิงถึงกับพูดไม่ออก พอทบทวนเรื่องนี้แล้วเขาก็ถามอีกครั้ง
“ถ้าคุณรู้ งั้นเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
เฉินเทียนเซิงขยับตัวเปลี่ยนท่าเล็กน้อย ระหว่างนั้นก็พูดไปด้วย
“อย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ฝนกรดคือกุญแจสำคัญใน การวิวัฒนาการทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตแต่ละประเภทมีโอกาสวิวัฒนาการได้ 10 ครั้ง”
“มนุษย์สามารถวิวัฒนาการได้ 10 ครั้ง ซอมบี้วิวัฒนาการได้ 10 ครั้ง หรือแม้แต่สัตว์และพืชก็สามารถวิวัฒนาการได้ 10 ครั้งเหมือนกัน
“ฝนกรดปรับเปลี่ยนลำดับยีนทางชีวภาพ นี่คือหลักสำคัญที่เชื่อมโยงกับการวิวัฒนาการข้างต้น และเป็นเหตุผลที่ทำให้ลัวหลงกับลัวเฟิงมีความสามารถ
“แต่เมื่อเปรียบเทียบการวิวัฒนาการของมนุษย์และ ซอมบี้ ซอมบี้วิวัฒนาการได้ง่ายกว่ามาก
“ส่วนลึกในสมองของมนุษย์มีอยู่สิ่งหนึ่ง เรียกว่าต่อมไพเนียล ก่อนวันสิ้นโลกนักวิทยาศาสตร์ยังบอกว่ามันเป็นเขตหวงห้ามของพระเจ้า ไม่มีใครสามารถไขรหัสลับภายในต่อมไพเนียลได้
“หลังวันสิ้นโลกเกิดขึ้น ฝนกรดได้ทำลายพันธนาการของต่อมไพเนียล ยีนทั้งหลายภายในร่างกายถูกปลดล็อก ต่อมไพเนียลจึงเริ่มดูดซับพลังงานมากขึ้น จนต่อมไพเนียลในสมองมนุษย์กลายเป็นอาหารของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ ถ้าซอมบี้ระดับแรกกินเข้าไป 10 ก้อน มันจะวิวัฒนาการจนกลายเป็นซอมบี้ระดับ 2 ทันที
“และถ้าพวกระดับ 2 กินต่อมไพเนียลของมนุษย์ธรรมดาเข้าไป 100 ก้อน มันก็จะวิวัฒนาการเป็นระดับ 3 เป็นแบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
“นั่นหมายความว่าต่อมไพเนียลของมนุษย์ยุคใหม่และมนุษย์ที่ได้รับการเสริมลำดับยีน จะมีประสิทธิภาพที่สูงมากต่อการวิวัฒนาการของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ คุณรู้หรือเปล่าว่าหลานสองคนของคุณน่าอร่อยแค่ไหนในสายตาพวกมัน?
“นี่คือสิ่งที่คุณไม่รู้ ตอนนี้แม้แต่หัวหน้าของคุณในเขตสงครามก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังดึงดันจะให้ลัวหลงกับลัวเฟิงเข้าร่วมองค์กรอีก ภายในสามวัน พวกเขาสองคนตายซี้แหงแก๋อย่างไม่ต้องสงสัย!”
ทันทีที่เฉินเทียนเซิงพูดจบ ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือนอีกครั้ง
ลัวหมิง ค่าบูชา 100% ความภักดี 100%
ลัวเฟิง ค่าบูชา 100% ความภักดี 100%