บทที่ 30 ตัดสินเรื่องนี้แทนลูก
บทที่ 30
ตัดสินเรื่องนี้แทนลูก
ฟางอวี้ตกตะลึง “ว่าอย่างไรนะ?!”
“จริงขอรับ! นางหญิงบ้าผู้นั้นหน้าตาน่าเกลียดมาก อีกทั้ง... อีกทั้ง...”
ฟางเหินหัวไม่อาจกล่าวประโยคถัดไปได้อีก ทำได้เพียงมองไปยังลั่วจ้านชิงด้วยดวงตาที่หรี่เล็กราวเมล็ดถั่วเขียว
“อีกทั้งอะไร เจ้า... แค่กๆๆ เจ้าเร่งกล่าวมาโดยเร็ว!”
ฟางเหินหัวกำลังจะอ้าปากตอบกลับ ทว่าลั่วจ้านชิงกลับโพล่งขึ้นเสียก่อน “อีกทั้งหญิงวิกลจริตคนนั้นยังอ้างว่าตนถูกพาเข้ามาที่นี่โดยข้า ใช่หรือไม่?”
องค์ชายเจ็ดได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารัวด้วยสีหน้าจริงจัง
ถูกต้อง องครักษ์เงาขององค์ชายรัชทายาทเป็นผู้ออกหน้าปกป้องหญิงวิกลจริตผู้นั้น และหญิงวิกลจริตผู้นั้นก็ถูกพามาที่นี่โดยองค์ชายรัชทายาท
ลั่วจ้านชิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาทันที ครุ่นคิดกับตนเองว่า ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขารู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเพื่อรักษาหน้าของเขาเป็นแน่
ฟางอวี้เหลือบมองไปที่ลั่วจ้านชิงด้วยความประหลาดใจ ก่อนเอ่ยถาม “จ้านชิง เกิดอะไรขึ้น? หรือหญิงวิกลจริตที่ว่าผู้นั้นคือ...”
ลั่วจ้านชิงโค้งกายทำความเคารพเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หญิงผู้นั้นคือคนที่กระหม่อมพามาที่นี่ด้วยไม่ผิดแน่ แต่เราค่อยกล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อไปถึงที่นั่น”
เขาเชื่อสิ่งที่ฟางเหินหัวกล่าว แต่เขาไม่อยากเชื่ออย่างสนิทใจนักว่าอวี้ซีหยวนจะเป็นฝ่ายริเริ่มสร้างปัญหา
ฟางอวี้พยักหน้า เดินผ่านองค์ชายเจ็ดมุ่งตรงไปข้างหน้าทันที
เมื่อพวกเขามาถึง อวี้ซีหยวนยอมวางร่างอ่อนปวกเปียกของซานหูลงแล้ว นางกำนัลที่หอบหายใจรวยรินมองไปทาง องค์หญิงของตนอย่างอ่อนแรง สายตาเต็มไปด้วยแววแห่งการอ้อนวอน
นางคาดหวังว่าฟางจื่อเซวียนอาจช่วยเหลือตนได้บ้าง เพราะเวลานี้นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง...
ตรงกันข้าม ฟางจื่อเซวียนยังคงตะลึงเพริด ขณะที่ อวี้ซีหยวนยอมวางร่าง ‘ไร้เรี่ยวแรง’ ของซานหูลง นางได้แต่ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว กระทั่งแผ่นหลังของนางชนเข้ากับเสาหนึ่งของศาลา ได้แต่เหยียบย่ำพื้นดินด้วยความโกรธอยู่อย่างนั้น
เมื่อมองไปยังใบหน้าของอวี้ซีหยวน นางรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าผู้ชั่วร้ายที่ผุดออกมาจากนรก และชีวิตของนางอาจได้รับการกำจัดทิ้งภายในชั่วพริบตา
“ชะ... ช่วยด้วย... เร็วเข้า ใครก็ได้ช่วยข้าที...”
ฟางจื่อเซวียนร้องตะโกนด้วยความสยดสยอง เครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้าเลือนหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้นางไม่หลงเหลือท่าทีดุร้ายอีกต่อไป
อวี้ซีหยวนทำเสียงจึกจักในริมฝีปากขณะเอ่ยประชดประชัน “มนุษย์ต่อสู้กับสุนัข!”
“เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?!”
“แล้วองค์หญิงเล่า? ยิ่งใหญ่เพียงใดกัน?”
ดวงตาอวี้ซีหยวนแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างน่ากลัว
“หากท่านกล้าทำร้ายข้าที่เป็นถึงผู้พลิกชะตากรรมแห่งแว่นแคว้น ก็ควรเตรียมพร้อมกับราคาที่ต้องชดใช้ไว้ด้วย”
“หยุด!”
เสียงแผ่วเบาทว่าทรงพลังดังขึ้นจากด้านหลังของ อวี้ซีหยวน อวี้ซีหยวนหยุดชะงักฝีเท้าที่ต้องการเดินเข้าหาฟางจื่อเซวียนแล้วหันขวับกลับไปมอง พบว่าลั่วจ้านชิงกลับมาแล้ว
ดวงตาของอวี้ซีหยวนยังคงเย็นชา นางเผยอริมฝีปากแดงเรื่อเพื่อกล่าวออกเพียงสี่คำ “ข้าเปล่าสร้างปัญหา”
ใช่
นางเปล่าสร้างปัญหา ไม่แม้แต่จะคิดก่อความวุ่นวายใด ๆ ด้วยซ้ำ ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับเดินเข้ามาแล้วก่อปัญหากับนางเอง
ลั่วจ้านชิงเหลือบมองนางเพียงหางตา ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ไม่แม้แต่จะถามไถ่จากฉางอี้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพียงยืนเคียงข้างฟางอวี้อย่างสงบ
“นี่คือแม่นางอวี้ใช่หรือไม่... แค่กๆๆ...”
ฟางอวี้ใช้สายตาสำรวจมองอวี้ซีหยวนเช่นกัน ถึงแม้เขาจะพยายามควบคุมอย่างยิ่ง แต่เมื่อกล่าวยังไม่ทันจบประโยคก็เบือนหน้าหนี ก่อนจะกระแอมไอออกมาสองหน
ทันใดนั้นอวี้ซีหยวนก็สังเกตเห็นว่าข้างกายของลั่วจ้านชิงยังมีผู้อื่นอยู่ด้วย
เจ้าหมูสามชั้นคนเดิม?
ส่วนอีกหนึ่งคน...
สวมเสื้อคลุมมังกรงั้นรึ?
อวี้ซีหยวนคาดเดาได้อย่างไม่ยากเย็นว่าบุคคลผู้นี้ อาจเป็นองค์จักรพรรดิแห่งรัฐจื่ออวิ๋น!
แต่ถึงแม้นางจะคาดเดาได้เช่นนั้น นางกลับทำเพียงเหลือบมองอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องการแม้แต่จะโค้งคำนับ
ฝ่ายฟางจื่อเซวียนซึ่งก่อนหน้านี้ทรุดกายลงกองอยู่กับพื้นด้วยความตื่นตระหนก เมื่อนางเห็นการปรากฏตัวของ ฟางอวี้ ราวกับว่านางพบพานผู้ที่สามารถช่วยให้รอดแล้ว จึงรีบคลานไปหมอบอยู่แทบเท้าของฟางอวี้ สองมือคว้าชายเสื้อคลุมมังกรของเขาไว้และเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ “เสด็จพ่อ... เสด็จพ่อต้องช่วยลูกด้วยนะเพคะ ฮือๆๆ...”
“จื่อเซวียน เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?!”
ฟางอวี้มองไปยังการแสดงออกอันน่าอับอายของฟางจื่อเซวียน พยายามเอื้อมมือออกไปช่วยประคองนางให้ลุกขึ้น ทว่ากลับต้องหยุดชะงักการกระทำเสียก่อน
“เสด็จพ่อ ลูกหญิงไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ เลย ลูกเพียงเดินมาพักผ่อนหย่อนใจที่อุทยานหลวงเท่านั้น ครั้นเห็นเด็กหญิงแปลกหน้าจึงหวังเข้าไปทักทาย ไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายนางกำนัลของลูกจนมีสภาพเช่นนี้ เสด็จพ่อ ลูกหญิงได้รับความคับข้องใจ ท่านต้องตัดสินเรื่องนี้แทนลูกนะเพคะ!”