ตอนที่แล้วบทที่ 2 การทรยศก่อนวันสิ้นโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ยุคสุดท้ายรอบนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิม

บทที่ 3 ระบบวันสิ้นโลกเปิดแล้ว


บทที่ 3

ระบบวันสิ้นโลกเปิดแล้ว

เจ้าของตึกหลิวเหล่ยโอบไหล่หม่าเชี่ยนเชี่ยนด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง

“อย่ากลัวไปเลย คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก!”

“พี่เหล่ย”

หม่าเชี่ยนเชี่ยนมองหลิวเหล่ยด้วยสายตาเสน่หา

“คุณเคยบอกว่าจะรักฉันตลอดไปใช่ไหมคะ?”

หลิวเหล่ยเชยคางหม่าเชี่ยนเชี่ยนขึ้นมา โปรยอาหารสุนัขตัวต่อตัวแล้วพูดว่า

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่เหมือนใครบางคน ผมเป็นชายชาตรี ส่วนเขาเป็นคนขี้ขลาด คุณคิดผิดจริง ๆ เลยที่หนีตามเขามา”

หม่าเชี่ยนเชี่ยนเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ พูดจาประชดประชัน

“งั้นเหรอคะ? ฉันเองก็เสียใจที่ตอนนั้นหน้ามืดตามัวไปได้ ทำไมฉันถึงยอมหนีตามคนไม่เอาไหนอย่างเขากันนะ”

“เหมือนมีความสามารถแต่ก็ไม่มี ถึงหาเงินได้แต่ก็น้อยนิด ได้แต่กล้ำกลืนความล้มเหลวของตัวเองทุกวัน คนแบบนี้ไม่น่ามีชีวิตรอดมาได้เลยนะ”

ขณะที่คนสองคนพูดคุยกัน ความอดทนของเฉินเทียนเซิงก็หมดลง

ถ้าไม่ใช่เพราะภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา เขาคงฆ่าสุนัขชายหญิงคู่นี้ไปแล้ว

แต่เมื่อคิดทบทวนดูดี ๆ คงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ที่จะฆ่าพวกเขาสองคนในตอนนี้ นอกจากพวกเขาจะไม่ได้ประสบกับความน่าสะพรึงกลัวของวันสิ้นโลกแล้ว ยังกลายเป็นการช่วยพวกเขาล่วงหน้าซะอีก

“เชี่ยนเชี่ยน”

เฉินเทียนเซิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ผมคิดหัวแทบแตกว่าในอนาคตจะดูแลคุณยังไงดี เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความสุขในโลกที่สิ้นหวังใบนี้

“แต่พอเห็นพวกคุณสองคนทำเรื่องอย่างว่าแล้ว สิ่งที่ผมคิดไว้ช่างไร้สาระจริง ๆ ช่างเถอะ”

เขามองดูนาฬิกาแล้วพูดต่อ

“อีกสามชั่วโมงข้างหน้าคุณคงเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกต่อไปแล้ว ออกไปซะ!”

หลิวเหล่ยก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยท่าทางอวดดี

“นายรู้สถานภาพของตัวเองหรือเปล่า ที่นี่คือที่ของฉัน ถ้านายไม่อยากเห็นหน้าพวกฉัน นายนั่นแหละที่ต้องออกไป”

น้ำเสียงและคำพูดว่าเหี้ยมแล้ว เขายังใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของเฉินเทียนเซิงอีก

“วันนี้พี่เหล่ยคนนี้จะสั่งสอนนายเอง ว่าการร่ำรวยและมีอำนาจมันดียังไง ฉันไม่ได้ทำให้แฟนนายนอกใจแค่อย่างเดียว  แต่ยังทำให้นายหนีหัวซุกหัวซุนออกไปได้ด้วย นี่ถึงจะเรียกว่าเหนือกว่า เฮ้ยๆๆ โอ๊ย...”

เฉินเทียนเซิงเริ่มหัวร้อนขึ้นมา เขาหักมืออีกฝ่ายแล้วบิดอย่างรุนแรง

“ฉันทำเป็นนิ่งเฉย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่โมโห นายผิดเองนะที่ก้าวเท้าเข้ามา”

คนหนึ่งรุกคืบทีละก้าว อีกคนถอยกรูดทีละก้าว ออร่าของคนทั้งสองกลับกลายเป็นคนละขั้วกันโดยสิ้นเชิง

“ปล่อยฉันนะ ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน เชื่อไหม ฉันจะพาคนมาฆ่าแกซะ!”

เฉินเทียนเซิงมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะตอบกลับ

“งั้นนายก็ลองดูสิ!”

สิ้นคำพูด เสียงกร๊อบก็ดังลั่น

แขนของหลิวเหล่ยหลุดออกจากสะบักเรียบร้อย ด้วยน้ำมือของเขา

“อ๊าก...”

เสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดของหลิวเหล่ยดังไปทั่วห้อง

หม่าเชี่ยนเชี่ยนเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เธอรู้จักบุคลิกของเฉินเทียนเซิงดี เขาเป็นคนซื่อบื้อ ถึงแม้คนอื่นจะชี้หน้าด่าทอเขายังไงก็ตาม เฉินเทียนเซิงก็ไม่กล้าตอบโต้

วันนี้เขาเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ทำร้ายคนอื่น

“เทียนเซิง ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ คุณจะทำอะไรน่ะ?”

หม่าเชี่ยนเชี่ยนรีบโผเข้าไปกอดคนรวยรุ่นสอง*อย่าง  หลิวเหล่ยไว้ เฉินเทียนเซิงกล้าดียังไงถึงทำร้ายบ่อเงินบ่อทองของเธอ

*คนรวยรุ่นสอง = เป็นคำเสียดสีพวกลูกคนรวยทั้งหลาย

เธอวิ่งไปข้างหน้าเพราะต้องการจะแยกพวกเขาออกจากกัน ก่อนที่เหตุการณ์วันสิ้นโลกจะเกิดขึ้น หม่าเชี่ยนเชี่ยนเอาแต่ใช้ให้เฉินเทียนเซิงรินชาและยกน้ำมาเสิร์ฟ แต่ทำไมวันนี้ทุกอย่างถึงกลับหัวกลับหางไปซะได้?

ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งกลับพุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อของ    หม่าเชี่ยนเชี่ยนไว้แน่น

สายตาของเฉินเทียนเซิงเย็นชา เสียงของเขาฟังดูเหมือนเสียงของปีศาจนรก

“อย่าบีบบังคับให้ผมต้องฆ่าพวกคุณทั้งสองคน กลัวว่าถึงตอนนั้นผมอาจควบคุมตัวเองไม่ได้!”

“ออกไป เดี๋ยวนี้!”

พอเขาออกแรงขว้างจนสุดแขน ร่างทั้งสองก็ถูกโยนออกจากประตูเป็นรายคน

“ปัง!”

ประตูห้องปิดลงอย่างแรง

“ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกกล้าทำแบบนี้กับฉัน สักวันแกต้องไม่ตายดี!”

หม่าเชี่ยนเชี่ยนทั้งโกรธและอับอายมาก เอาแต่ทุบประตูห้องไม่หยุด

หลิวเหล่ยกุมแขนข้างที่หักของตัวเองพลางทำสีหน้าบิดเบี้ยว ปากก็พ่นคำสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยม

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันจะฆ่าแกซะ ฉันต้องฆ่าแกให้ได้!”

หลังจากนั้นหม่าเชี่ยนเชี่ยนถึงได้รู้สึกตัว รีบเข้าไปช่วยประคองหลิวเหล่ย

“พี่เหล่ย ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”

หลังเฉินเทียนเซิงปิดประตู เขาก็พยายามปรับจูนความคิด เหลือเวลาอีกแค่สามชั่วโมงก่อนที่เชื้อไวรัสจะระบาด แสดงว่าตอนนี้ยังมีเวลาเตรียมตัว

เขาเอาสก๊อตเทปในบ้านมาปิดช่องว่างระหว่างประตูและหน้าต่าง โดยเฉพาะหน้าต่างตรงระเบียง

จากนั้นก็ยกโต๊ะกับเก้าอี้ออก แล้วผนึกประตูห้องอีกชั้นหนึ่งโดยใช้ค้อนตอกตะปูลงไป

หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ภายในห้องก็มืดสนิท

18 นาฬิกา 50 นาที

ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนที่วันสิ้นโลกจะปะทุขึ้น

แสงสว่างหลากสีสันในยามค่ำคืนสว่างขึ้น การจราจรบนถนนคลาคล่ำไร้ที่สิ้นสุด

เมื่อรถแล่นเข้ามาในเขตชุมชน หลิวเหล่ยซึ่งสวมเฝือกปลาสเตอร์ที่แขนก็ก้าวลงจากรถอย่างโกรธเกรี้ยว โดยมี               หม่าเชี่ยนเชี่ยนคอยประกบไม่ห่าง

หลิวเหล่ยยืนอยู่ต่อหน้าชายหัวโล้นคนหนึ่งด้วยท่าทีนอบน้อม พยักหน้าแล้วโค้งคำนับ จากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสาม

“เขาอยู่บนนั้น พี่เฉียง พี่ต้องช่วยผมล้างแค้นเขานะครับ!”

“ฮึ่ม กล้าดียังไงมารังแกน้องชายฉัน ฉันจะฆ่ามันซะ!”

ชายหัวล้านถ่มน้ำลายอย่างแรง ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้น ก่อนจะโบกมือด้วยท่าทีชั่วร้าย

“ขึ้นไปลากตัวมันออกมาซะ ฉันจะหักขามันให้ดู!”

“ครับ!”

พวกนักเลงพุ่งตัวเข้าไปตามทางเดินของตัวอาคารทันที โดยถือไม้เบสบอลและท่อเหล็กชุบสังกะสีไว้ในมือ

เก้านาทีสุดท้าย

เฉินเทียนเซิงยืนอยู่ตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ รอคอยให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายของวันสิ้นโลก ทันทีที่เห็นว่าหลิวเหล่ยพาพรรคพวกมาแก้แค้น แววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่าห์ไว้ชีวิตนาย คราวนี้รอดูซิว่าอีกเดี๋ยวนายจะตายยังไง!”

ภายในอาคารหลังใหม่มีโถงทางเดินแค่ทางเดียว คนมากกว่าสิบกรูกันขึ้นไปชั้นบนด้วยแรงฮึกเหิม พอพวกเขามาถึงหน้าประตูห้อง 301 ก็พากันกระแทกประตูจนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งอาคาร

“เปิดประตู เรารู้ว่านายหลบอยู่ในนั้น รีบมาเปิดประตูซะ ไม่งั้นเราจะถีบประตูเข้าไป!”

“ปัง ปัง ปัง”

เฉินเทียนเซิงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสีหน้าเฉยเมย มองลงไปข้างล่าง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ยังเหลืออีกแปดนาทีก่อนจะถึงวันสิ้นโลก

ถ้าเขามัวสนใจปลาสวะพวกนี้ แล้วเกิดติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง คุ้มค่ากับการสูญเสียหรือเปล่า?

ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงไซเรนที่ดังขึ้นจากระยะไกลก็เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงชั้นล่างหน้าเขตชุมชน

หลิวเหล่ยกับชายหัวล้านเฉียงที่เคยหยิ่งผยอง เมื่อรถตำรวจขับมาจอดใกล้ ๆ พวกเขากลับทำท่าทางเหมือนหนูเห็นแมว ร่างกายลีบเล็กลงทันที

“เว่ยเฉียง นายมาทำอะไรที่นี่?”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดประตู ก้าวลงจากรถ ถามคำถามนี้เป็นอันดับแรก

เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ในทีมต่างก็ก้าวลงจากรถทีละคน มีมากกว่าสิบคนที่สวมชุดเกราะพร้อมอาวุธครบมือ

ชายหัวล้านเฉียงทำท่าทางพินอบพิเทาทันที พยักหน้าพร้อมตอบกลับ

“ผู้กองหวังนั่นเอง ลมอะไรหอบพวกคุณมาที่เขตพัฒนาเหรอครับ?”

“ผมคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ดี คงไม่ต้องรอให้นายเชิญหรอกมั้งถึงจะมาได้”

ผู้กองหวังไม่สนใจ จากนั้นก็พูดต่อด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ผมมาที่นี่เพื่อตามหาคน อาคารนี้มีคนชื่อเฉินเทียนเซิง อาศัยอยู่ในห้อง 301 ไหม?”

ทันทีที่ได้ยินชื่อเฉินเทียนเซิง หลิวเหล่ยที่กำลังยิ้มแหะ ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว รีบหาทางพลิกสถานการณ์จากถูกเป็นผิด

“คุณอาตำรวจ ผมรู้ครับ ผมเป็นเจ้าของห้องเช่า 301 ผู้เช่าของผมคือเฉินเทียนเซิง วันนี้ผมขึ้นไปชั้นบนเพื่อเรียกเก็บค่าเช่า นอกจากเขาจะไม่ยอมจ่ายให้แล้วยังหักแขนผมด้วย ดูหลักฐานการบาดเจ็บของผมสิ...”

หลิวเหล่ยคิดกลอุบายคนร้ายเป็นฝ่ายฟ้องผิดก่อน เพราะกลัวว่าในภายหลังเขาอาจไม่สามารถอธิบายต้นสายปลายเหตุได้อย่างชัดเจน

สีหน้าผู้กองหวังเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ พูดเสียงขรึม

“ตอนนี้เขายังอยู่ในห้อง 301 ใช่ไหม?”

“ใช่ๆๆ เขาถูกพรรคพวกของเราปิดกั้นทางเข้าออกอยู่ เดี๋ยวผมจะบอกทางให้คุณเอง”

หลิวเหล่ยมีทักษะเป็นเลิศด้านการสังเกตคำพูดและ     การแสดงออก พอเห็นว่าปฏิกิริยาผู้กองหวังดูเหมือนจะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา หลิวเหล่ยก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

ผู้กองหวังซะอีกที่ทำท่าเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม รีบหันกลับมาและตะโกน

“รีบโทรแจ้งสำนักงานใหญ่ ให้ส่งกองกำลังมาสนับสนุนทันที คนร้ายคนนี้มีนิสัยดุร้ายมาก ทุกคนควรระวังตัวให้ดี!”

ในขณะนั้นเอง ท้องฟ้ายามค่ำคืนกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

เฉินเทียนเซิงที่อยู่ภายในห้องมองดูกลุ่มเมฆดำทะมึนมืดครึ้ม หัวใจของเขาจมดิ่งลง

“มาแล้ว!”

“นับถอยหลังสู่วันสิ้นโลก 3… 2… 1!”

“ขอต้อนรับสู่วันสิ้นโลก ระบบเปิดแล้ว!”

ขณะที่เฉินเทียนเซิงกำลังจะสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งสุดตัว ประหลาดใจระคนตื่นเต้น

“ที่แท้เสียงนับถอยหลังก็มาจากระบบเองเหรอ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด