บทที่ 28 เจ้าหมูสามชั้น แขกไม่ได้รับเชิญ
บทที่ 28
เจ้าหมูสามชั้น แขกไม่ได้รับเชิญ
เมื่ออยู่ภายในพระราชวังไม่สามารถทำตัวอิสระได้เหมือนตอนอยู่ด้านนอก
อวี้ซีหยวนตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวโดยสัญชาตญาณ ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ ก่อนจับจูงมือเล็กของอวี้ซินหรานเพื่อพานางลงจากรถม้า
ลั่วจ้านชิงต้องการปลีกตัวเข้าไปข้างในเพื่อบอกกล่าวแจ้งข่าวคราวเกี่ยวกับนาง ดังนั้นเขาจึงสั่งให้อวี้ซีหยวนคอยอยู่ที่ศาลาเล็กในอุทยานขององค์จักรพรรดิ พร้อมกับตระเตรียมขนมหวานต่าง ๆ ไว้ให้พร้อมสรรพ ทั้งยังสั่งให้ฉางอี้คอยเฝ้าอยู่ข้าง อวี้ซีหยวนตลอดเวลา เป็นเพราะเขากลัวว่าอวี้ซีหยวนอาจกระทำเรื่องบางอย่างที่จะทำลายภาพลักษณ์ของเขา ในฐานะที่เป็นถึงองค์ชายรัชทายาท
หลังจากกำชับอย่างหนักแน่นแล้ว ลั่วจ้านชิงจึงสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไปในไม่ช้า
ต้องเท้าความก่อนว่า ทุกคนรับรู้เรื่องการเข้ามาในเขตพระราชวังของอวี้ซีหยวนอยู่แล้ว ดังนั้นใครบ้างจะไม่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสตรีซึ่งองค์ชายรัชทายาทพาเข้าวังมาด้วยตนเองเช่นนี้?
อวี้ซีหยวนกลอกตา พวกเขาจะอยากรู้อยากเห็นไปด้วยเหตุใดกัน ไม่ว่าเขาจะพาใครเข้าวังก็ตาม ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม นางยังคงนั่งสงบต่อไปอยู่ภายในศาลา รอคอยลั่วจ้านชิงอย่างเชื่อฟัง
ต่อให้นางเบาปัญญาเพียงใด คงไม่เบาปัญญาถึงขั้นเที่ยวเดินเตร็ดเตร่ไปรอบพระราชวัง ในเมื่อยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ นางไม่มีทางทำให้เสียเรื่องอย่างเด็ดขาด
แต่ถึงแม้อวี้ซีหยวนไม่คิดจะสร้างปัญหา ก็ใช่ว่าปัญหาจะไม่เดินมาหานางด้วยตนเอง... “พี่สาว องค์ชายรัชทายาทพึงใจในตัวท่านหรือ?”
อวี้ซีหยวน “...”
ฉางอี้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง “...” อันที่จริง เขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
แม้ว่าท่านอ๋องของเขาจะดูเป็นคนเย็นชาในสายตาของผู้อื่น แต่การที่เขายอมพาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมชายคาพระตำหนัก ทั้งยังสั่งให้เขาเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่น่าเชื่อว่าเพียงคนเดียวที่ได้รับความเมตตาจากท่านอ๋องคือหญิงสาวที่มีใบหน้าไม่สะสวยซ้ำยังไร้ประโยชน์นางนี้
แน่นอน หากไม่ใช่เพราะอวี้ซีหยวนและลั่วจ้านชิงมีเหตุผลอื่นให้ต้องผูกสัมพันธไมตรีต่อกัน เขาคงคิดเช่นนั้นไปนานแล้ว
อวี้ซีหยวนปฏิเสธโดยไม่คิดอะไร อธิบายให้น้องสาวเข้าใจเพียงว่า “ซินหราน เจ้ายังเด็กนัก อาจไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวหมายถึงอะไร ระหว่างข้าและลั่วจ้านชิงไม่มีความสัมพันธ์ใดควรค่าแก่การสนใจทั้งนั้น”
เขามอบหยกโลหิตคืนให้กับข้า ส่วนพระตำหนักของ องค์ชายรัชทายาทก็นับว่าเป็นสถานลี้ภัยชั้นดี ข้ามีหน้าที่ช่วยเหลือเขากอบกู้ความเป็นไปของรัฐจื่ออวิ๋น
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นเช่นนี้ และคงเป็นได้เพียงเท่านี้ตลอดไป
อวี้ซินหรานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากเปล่งเสียง “โอ้” นางก็ก้มลงจดจ่ออยู่กับการกินขนมหวานตรงหน้า
ครั้งนี้ฉางอี้ไม่ได้กำบังกาย... เพราะต่อให้ทำเช่นนั้นก็ยังไร้ประโยชน์สำหรับอวี้ซีหยวน
ส่วนอวี้ซีหยวนซึ่งคอยอยู่นานก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นจึงนั่งรวบรวมสมาธิอยู่ที่เดิม
“เผียะ...”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากระยะไม่ไกลนัก ฉางอี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ชักดาบออกมาทันทีพร้อมกับออกมายืนขวางหน้าอวี้ซีหยวนไว้
อวี้ซีหยวนกล่าว “เขายังอยู่ไกล”
ถึงกระนั้นก็ตาม เห็นหรือไม่ อวี้ซีหยวนไม่ได้สร้างปัญหาด้วยซ้ำ แต่ปัญหากลับตามมาหานางถึงที่นี่
ฉางอี้เก็บดาบเข้าฝัก แล้วเอนหลังพิงเสาศาลาอีกครั้ง
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากนั้น คราวนี้ทั้งสองคนตระหนักได้เช่นเดียวกันว่าเสียงนั้นอยู่ใกล้ ๆ
อวี้ซีหยวนลุกขึ้นยืน กำชับให้อวี้ซินหรานนั่งอยู่ที่เดิม ขณะที่นางก้าวขาออกจากศาลา
“สัตว์อสูรตนนี้มาจากไหนกัน? มานี่เร็วเข้า ไปจับมันมาให้ข้าแล้วตัดหัวมันเสีย!”
อวี้ซีหยวนหันมองไปตามเสียง เห็นว่าเด็กชายผู้หนึ่งที่มีพุงป่องราวหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งเท้าสะโพกไว้ ส่วนมืออีกข้างถือแส้พร้อมยกมันชี้ตรงมายังนาง ขณะที่กล่าวเสียงดังเช่นนั้น เนื้อสองก้อนข้างแก้มก็ขยับกระเพื่อมราวมีชีวิต
ชายอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง ๆ มีบาดแผลเลือดซิบอยู่เต็มตัว ทว่าอวี้ซีหยวนผู้มีสายตาเฉียบคมกว่าผู้อื่น สามารถมองเห็นว่าบาดแผลบนร่างของชายคนนั้นเกิดจากแส้
ไม่ผิดแน่ เป้าหมายต่อไปของเจ้าหมูสามชั้นคือนาง
สิ้นคำสั่ง ชายสามคนก้าวออกมาจากด้านหลังของเจ้าหมูสามชั้น พวกเขาเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็นจับกุมอวี้ซีหยวนไว้
ยังไม่ทันที่อวี้ซีหยวนจะป้องกันตัว ฉางอี้พลันก้าวออกมาขวางหน้านางไว้แล้ว สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเจ้าหมูสามชั้นอย่างไม่เป็นมิตร ก่อนจะประสานหมัดโค้งคำนับพร้อมกล่าวออก “องค์ชายเจ็ด พระองค์พาตัวแม่นางผู้นี้ไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ใบหน้าของเจ้าหมูสามชั้นยับย่นเป็นลูกบอลทันที ก่อนที่เขาจะตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดันใส่ฉางอี้ “เหอะ เจ้าเป็นใครกันจึงบังอาจมาขวางทางข้า?! หลีกไปให้พ้น มิฉะนั้นข้าจะจัดการกับเจ้าด้วย!”