บทที่ 26 บัวเหมันต์
บทที่ 26
บัวเหมันต์
ผู้เฒ่าซุนหยิบกระดาษขึ้นมาดู พบว่าล้วนเป็นรายชื่อยาอายุวัฒนะหลายสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาพยักหน้าเป็นการตอบตกลง
“ข้าจะซื้อยาอายุวัฒนะเหล่านี้ไว้ในนามของหอฮ่วนเยวี่ย และจะแจ้งให้เจ้าทราบทันทีเมื่อมีข่าวคราว”
อวี้ซีหยวนพยักหน้ารับ แววแห่งความกตัญญูฉายชัดอยู่ในดวงตาอันนิ่งสงบ
นางและผู้เฒ่าซุนเพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ทว่ามิตรภาพที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่นานทำให้พวกเขาเชื่อใจซึ่งกันและกัน
หลังจากสนทนากันต่อไปอีกหลายประโยค บ่าวรับใช้ก็นำยาอายุวัฒนะทั้งหมดซึ่งอวี้ซีหยวนต้องการมามอบให้ หลังจากได้รับถุงยาแล้ว อวี้ซีหยวนก็รีบออกจากหอฮ่วนเยวี่ยไปอย่างรวดเร็ว
“พี่สาว ท่านดูมีความสุขมากเลยนะเจ้าคะ!”
อวี้ซินหรานเงยหน้าขึ้นมองผ่านหมวกไม้ไผ่สานของ อวี้ซีหยวน พลางกล่าวด้วยความมั่นใจ
อวี้ซีหยวนเลิกคิ้ว “มองเห็นชัดเจนถึงเพียงนั้นเชียวรึ?”
“เจ้าค่ะ พี่สาว ข้าไม่เห็นท่านมีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว ต่อจากนี้พี่สาวควรพบเจอแต่ความสุขให้มากขึ้น”
หลังจากที่อวี้ซินหรานกล่าวจบ อวี้ซีหยวนพลันรู้สึกซาบซึ้งเสียจนน้ำตาคลอเบ้าด้วยไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด
พวกนางสองพี่น้องต้องทนทุกข์ทรมานมานานเหลือเกิน กระทั่งความสุขกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย บรรดาคนเหล่านั้นในจวนท่านแม่ทัพ... นางจะทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานเฉกเช่นเดียวกัน!
จวนท่านแม่ทัพ...
เห็นได้ชัดว่าขณะนั้นเป็นช่วงเวลากลางวัน ทว่าไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่านอยู่ภายในจวนท่านแม่ทัพเลย มีเพียงห้องเดียวที่มีผู้คนพูดคุยกันเสียงดัง อีกทั้งสุ้มเสียงเหล่านั้นยังแปลกประหลาดมาก
“เบาเสียงลงหน่อย ใคร่ให้ผู้อื่นมาพบเข้ารึ?”
“ข้าขับไล่บ่าวและสาวรับใช้เหล่านั้นออกไปแล้ว จะหวาดระแวงไปไย? เจ้าเป็นถึงนายหญิงแห่งจวนท่านแม่ทัพแล้ว ยังต้องกลัวผู้ใดอีก?”
“กลัวหรือ? ฮิฮิฮิ ข้าเพียงเกรงว่าเจ้าจะอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะเท่านั้น…”
ฉับพลันบทสนทนาระหว่างชายและหญิงกลับสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน สุ้มเสียงที่ดังเล็ดลอดต่อมาคงเหลือเพียงเสียงหอบและครางกระเส่าของชายหญิง เป็นเสียงที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้
ไม่นานหลังจากที่อวี้ซีหยวนกลับมายังพระตำหนัก นางได้ยินองครักษ์เงาแจ้งว่าลั่วจ้านชิงเรียกหา จึงทิ้งอวี้ซินหรานให้อยู่ในแต่ห้อง ก่อนจะออกไปพบเขาตามลำพัง
“วันพรุ่งนี้ เจ้าต้องเข้าวังไปพร้อมข้า”
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาภายในห้องตำรา เสียงเอ่ยของ ลั่วจ้านชิงพลันดังขึ้น
ประโยคดังกล่าวปราศจากช่องว่างให้ต่อรอง เป็นคำสั่งโดยตรง
อวี้ซีหยวนลงน้ำหนักฝ่าเท้าเพียงแผ่วเบา เลิกคิ้วขึ้นขณะมองไปที่ลั่วจ้านชิง แล้วกล่าวปฏิเสธ “ข้าไม่ไป!”
นางครุ่นคิดในใจ ‘หากเจ้าบอกสั่งให้ข้าเข้าวังจริง ข้าต้องเผชิญความอับอายเช่นไรบ้าง?!’
ลั่วจ้านชิงที่กำลังตรวจสอบเอกสารบนโต๊ะลดมือลง ขนตายาวเป็นแพหนาค่อย ๆ กะพริบขณะช้อนตามอง ลั่วจ้านชิงเพียงใช้สายตาสำรวจนางครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย “หืม? ไม่อยากไปรึ?”
ประโยคท้ายตวัดหางเสียงขึ้นสูงประหนึ่งเพิ่มเครื่องหมายคำถาม กอปรกับน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ของลั่วจ้านชิง หากเป็นผู้อื่นก็คงอ่อนระทวยไปนานแล้ว ทว่าอวี้ซีหยวนไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่นิด
“ความจริงแล้วพระราชวังไม่ใช้สถานที่ซึ่งสตรีสามัญชนจะสามารถเข้าออกได้โดยพลการ”
ลั่วจ้านชิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วกล่าวต่อไป “เช่นนั้นหากข้าบอกว่าในวังมีบัวเหมันต์ แม่นางอวี้จะไปหรือไม่?”
ว่าอย่างไรนะ?
อวี้ซีหยวนรีบเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายสดใส ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไป ไปสิเพคะ องค์ชายรัชทายาททรงอนุญาตให้ข้าน้อยเข้าวังทั้งที ข้าน้อยจะไม่ไปได้อย่างไร?”
ทิฐิ? ศักดิ์ศรี? หรืออะไรก็เถอะ ข้าขอโยนพวกมันทิ้งไปเป็นการชั่วคราว
อวี้ซีหยวนกล่าวกับตนเองด้วยความตั้งใจแน่วแน่ มีของล้ำค่ามาเสนอเช่นนี้ นางต้องกอบโกยเอาไว้ก่อน
บัวเหมันต์เป็นสมุนไพรหลักสำหรับการล้างพิษชนิดหนึ่ง การเพาะพันธุ์กระทำได้ยากยิ่ง ต้องใช้เวลาในการปลูกนานกว่าร้อยปี และจะเจริญเติบโตได้ดีเฉพาะบริเวณที่มีอุณหภูมิเย็นจัดเท่านั้น แล้วภายในพระราชวังจะมีมันอยู่ได้อย่างไร
ภายในแดนเทพไม่มีพระราชวัง แต่ขณะที่นางอยู่บนโลกมนุษย์ ใช่ว่านางไม่เคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันเสียหน่อย พระราชวังเป็นสถานที่ที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ถึงกระนั้นก็เป็นเสมือนคุกอันงามวิจิตร แม้ว่าอวี้ซีหยวนจะมีมุมมองเกี่ยวกับพระราชวังที่ไม่ดีนัก ทว่าตราบใดที่มีบัวเหมันต์มาหลอกล่อ นางอาจฝืนใจไปยังที่แห่งนั้นสักชั่วขณะหนึ่งได้
“วันพรุ่งนี้เราจะไปกันแต่เช้าตรู่ ออกไปได้แล้ว”
หลังจากลั่วจ้านชิงบรรลุจุดประสงค์ของตน เขาเริ่มขับไล่ผู้คนไปให้พ้นสายตา
อวี้ซีหยวนอดกลอกตาไม่ได้
นางเพิ่งเหยียบเท้าเข้าไปแท้ ๆ ชายคนนี้กลับขับไล่นางเสียแล้ว น่ารังเกียจเสียจริง!
ช่างเถอะ อย่าเสวนากับเขานานนักเลย