บทที่ 23 ผลผลิตของระบบ
บทที่ 23
ผลผลิตของระบบ
ทหารคนหนึ่งถือปืนแล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นแสดงท่าวันทยหัตถ์ให้กับเฉินเทียนเซิง เฉินเทียนเซิงจึงทำท่าวันทยหัตถ์ตอบโดยไม่รู้ตัว ทหารคนนั้นตกใจ ก่อนจะพูดอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้เป็นช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางเราต้องการอาสาสมัครอย่างเร่งด่วน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีคำสั่งเรียกรวมพลทหารกองหนุนรุ่นที่สอง ถ้าคุณเป็นทหาร โปรดปฏิบัติตามคำสั่งของเรา และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่”
แต่เฉินเทียนเซิงกลับตอบคำถามในแบบที่เขาไม่คาดคิด “ผมยินดีให้ความร่วมมือ แต่ขออนุญาตไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง”
ทหารคนนั้นตกตะลึง แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา พูดเสียงขรึม
“นี่ไม่ใช่การขอความร่วมมือแต่เป็นคำสั่ง คุณต้องเชื่อฟังคำสั่งของเรา ไม่งั้นเราจะไม่รับประกันความปลอดภัยของคุณ!”
เฉินเทียนเซิงขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียง จึงโค้งคำนับ “อีกเดี๋ยวคุณคงเข้าใจเอง รีบไปช่วยคนอื่นเถอะ”
นายทหารไม่พอใจกับทัศนคติของเขาสักเท่าไหร่ คนหยิ่งยโสแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลากระชั้นชิด เขาคงสั่งสอนบทเรียนให้ผู้ชายคนนี้เลิกหยิ่งยโสไปนานแล้ว
เฉินเทียนเซิงเปิดประตูแล้วกระโดดเข้าไปในรถ ไม่ลืมหันไปหาคนอื่น ๆ
“รีบขึ้นรถกันเถอะ จะได้ออกเดินทางกัน”
ลัวเฟิงเป็นคนแรกที่ขึ้นรถ พอเห็นว่าเหงื่อเธอไหลเป็นน้ำแบบนั้น เฉินเทียนเซิงก็หยิบน้ำขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้อวกาศในระบบ แล้วส่งให้ลัวเฟิงพลางพูดว่า
“ดื่มน้ำก่อนเถอะ อีกไม่นานก็จะได้ดูการแสดงดี ๆ แล้ว”
ลัวเฟิงหน้าแดง ยื่นมือไปรับขวดน้ำจากเขา พอคลายเกลียวฝาขวดแล้วก็กระดกดื่มทันที
แต่ในวินาทีถัดมา เขาก็ได้ยินเธอหายใจหอบเป็นเสียงกระเส่า
“อ๊า อะ อะ... อร่อย รู้สึกดี... สบายจัง”
เฉินเทียนเซิงถึงกับหันขวับ เธอเพิ่งจะดื่มน้ำไปได้ไม่กี่อึก ทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาประหลาดแบบนี้ ถ้าคนอื่นได้ยิน พวกเขาจะคิดจินตนาการไปถึงขั้นไหน?
“ทำอะไรของเธอเนี่ย แค่ดื่มน้ำทำไมต้องครางด้วย เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันหมด!”
ลัวเฟิงรีบแก้ตัวทั้ง ๆ ที่หน้าแดง “ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นนะ แต่น้ำดื่มขวดนี้มันมีรสชาติดีมากเลยต่างหาก”
เฉินเทียนเซิงรับน้ำขวดนั้นมาจากมือเธอด้วยความประหลาดใจ ยกขึ้นจิบบ้าง และแล้ว...
ความเย็นของน้ำซาบซ่าไปทั่วทั้งปาก ความหวานพวยพุ่งเข้าสู่ลำคอ ไหลผ่านอวัยวะภายใน กระแสน้ำอุ่น ๆ ชะล้างทุกรูขุมขนบนร่างกาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูด สรุปก็คือน้ำเพียงจิบเดียวสามารถขจัดความง่วงนอนและความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันได้เป็นปลิดทิ้ง
ช่วงวันสิ้นโลกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด น่าตื่นเต้น และเข้มข้นแบบนี้ สภาพจิตใจหรือสภาพร่างกายต่างก็ได้รับความทุกข์ทรมานแทบจะทุกวินาที
การจิบน้ำที่หวานฉ่ำและสดชื่น จึงทำให้ผู้ที่ได้ดื่มรู้สึกสบายเนื้อตัวเหมือนกำลังนอนอาบแดด
“ขอจิบเพิ่มหน่อยสิ”
ลัวเฟิงยังไม่สาสมใจ ขมุบขมิบริมฝีปาก แล้วฉวยโอกาสที่เฉินเทียนเซิงกำลังสติหลุดลอยเอื้อมมือไปคว้าน้ำขวดนั้นมาดื่มอีกหลายอึก จนกระทั่งหมดขวด
เมื่อสัมผัสถึงพลังของน้ำขวดนี้ เฉินเทียนเซิงก็ถอนหายใจ
“ระบบนะระบบ ฉันกระหยิ่มยิ้มย่องว่าตัวเองได้ศึกษาแกอย่างถี่ถ้วนแล้วแท้ ๆ ตอนนี้ฉันเพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองมันโง่แค่ไหน!
“นี่ไม่ใช่น้ำแร่ธรรมดา น้ำแร่บ้าบออะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่ามันคือยาฟื้นฟู!
“ผลผลิตของระบบ มีแต่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจริง ๆ แกนี่สุดยอดไปเลย!”
มียาชนิดนี้อยู่ ไม่ว่าการต่อสู้ในภายภาคหน้าจะเหน็ดเหนื่อยหรือยากเย็นแค่ไหน ตราบใดที่ได้จิบมัน เราก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
แต่ถ้าสิ่งที่ฉันดื่มเมื่อกี้นี้คือยาฟื้นฟู งั้นน้ำแร่ในขวดอื่น ๆ ล่ะ?
เฉินเทียนเซิงหยิบน้ำอีกขวดหนึ่งออกมา คลายเกลียวฝาขวดแล้วยกขึ้นจิบ
รสชาติเหมือนกันเป๊ะ หวานไปทั่วทั้งช่องปาก พอกลืนเข้าสู่ร่างกายแล้ว ดูเหมือนสมองจะรู้สึกโล่งขึ้นไปชั่วขณะ แม้กระทั่งประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก ความรู้สึกสดชื่นทั้งมวลที่ได้รับช่างผ่อนคลายดีจริง ๆ
“พี่เฉียง พี่เฉียง เราเกลี้ยกล่อมให้ทหารพวกนี้ยึดรถบรรทุกคันนี้ดีไหม ระหว่างทางเราจะได้หาโอกาสฆ่าเขาทิ้งซะเลย พี่ว่าไอเดียนี้เป็นไง?”
เฉินเทียนเซิงได้ยินเสียงใครบางคนกำลังวางแผนเล่นไม่ซื่อ สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที หลังสอดส่องสังเกตอย่างระมัดระวัง ถึงรู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าประตูโถงทางเดิน
เจ้าของหอพักหลิวเหล่ยกับหม่าเชี่ยนเชี่ยนอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนี้
แทบไม่ต้องคาดเดาให้ยาก ผู้ชายหัวโล้นที่อยู่ตรงกลาง ต้องเป็นหัวหน้าของพวกเขาแน่ ไอ้หัวโล้นที่พยายามทำทุกทางเพื่อกำจัดฉัน!
เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ยังมีหน้ามาคิดแผนเล่นงานกันอีก!
แววตาเฉินเทียนเซิงเย็นเยือกลงทุกขณะ จ้องเขม็งด้วยสายตาพิฆาต
เว่ยเฉียงเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลิวเหล่ย โบกมือครั้งหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องทั้งหมดออกไปด้วยท่าทางวางก้าม
“ตึง ตึง ตึง”
“โครม!”
พวกนักเลงหาไม้หน้าสามมาทุบรถบรรทุกตรงหน้า ท่าทางเหี้ยมเกรียมไม่สนใจใคร ทำให้หลายคนต่างมองมาตามเสียง
เว่ยเฉียงตะโกนเสียงดังอย่างวางอำนาจ
“นายไม่ได้ยินที่รัฐบาลแจ้งหรือไง? คนที่พอมีกำลังควรให้ความช่วยเหลือคนอื่น นายเอาแต่มุดหัวอยู่ในรถไปทำไมกัน ออกมาจากรถซะ อย่าทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต!”
เว่ยเฉียงเป็นปรมาจารย์ด้านการชี้ถูกให้กลายเป็นผิด ประโยคคำพูดของเขาเหมือนต้องการลากเฉินเทียนเซิงให้ตกลงไปในหล่ม ส่วนตัวเองเป็นคนที่มีศีลธรรมสูงส่ง ยังคงจับปลาในน้ำขุ่น*ต่อไป
*จับปลาในน้ำขุ่น = ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนฉกฉวยผลประโยชน์เข้าตัว
“ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเตรียมการอพยพ แต่แกกลับหลบอยู่ในรถเนี่ยนะ?”
พวกนักเลงทั้งหมดต่างส่งเสียงโวยวาย ตะโกนด่าทอไม่หยุด ไม่คำนึงถึงระดับเสียงของตัวเอง
ด้านข้าง หม่าเชี่ยนเชี่ยนมีสีหน้าเศร้าหมอง ถึงอย่างนั้นก็รอดูเฉินเทียนเซิงหน้าแหกอยู่กับที่อย่างเงียบ ๆ
“พี่เฉียงสั่งให้แกลงจากรถ หูหนวกหรือไง ไม่ได้ยินเหรอ?”
พวกนักเลงเริ่มแผดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ผู้คนที่รวมตัวอยู่ในโถงทางเดินเริ่มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนอกตัวอาคารแล้ว
สีหน้าทหารคนเดิมเปลี่ยนไปมาก เขารีบวิ่งออกไปแล้วตำหนิคนกลุ่มนี้ทันที
“พวกคุณตะโกนกันทำบ้าอะไร หุบปากซะ!”
พวกนักเลงเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม ก้มหน้าและโค้งตัวเพื่อเป็นการขอโทษ
เว่ยเฉียงอธิบายในระหว่างที่กำลังขอโทษ
“คุณทหาร พวกผมก็แค่อยากช่วย รถกู้ภัยของพวกคุณออกจะคับแคบไปหน่อย ไม่สามารถจุคนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในตึกนี้ได้ทั้งหมดแน่ ผมเลยอยากใช้รถคันนี้เพื่อที่จะได้จุคนได้มากขึ้น”
ทหารคนนั้นฟังแล้วเห็นด้วยว่ามีเหตุผล จึงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ และทำท่าวันทยหัตถ์ผ่านกระจกรถ
“สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางเราต้องการขอใช้รถบรรทุกของคุณ โปรดให้ความร่วมมือด้วย!”
เปลือกตาเฉินเทียนเซิงกระตุก เขาลดกระจกลง แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วถ้าผมไม่ให้ความร่วมมือล่ะ?”
“นี่เป็นคำสั่งจากกองบัญชาการ ในสภาวะฉุกเฉินแบบนี้ เรามีสิทธิ์ยึดรถของคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือหรือขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เรามีสิทธิ์แม้แต่จะกำจัดคุณทิ้ง!”
“ใช่ ฆ่ามันซะ!”
“คนอย่างมันสมควรโดนยิงตาย!”
“คุณทหารคงไม่รู้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ซอมบี้ออกอาละวาด เขาคนนี้เป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยม ขณะที่กองกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือนำคนเข้าไปจับกุมเขา เหตุซอมบี้ระบาดก็เกิดขึ้นพอดี”
“คนแบบเขาไม่สมควรมีชีวิตอยู่”
เว่ยเฉียงและคนอื่น ๆ รวมหัวกันพูดจาใส่ร้ายป้ายสีอีกฝ่ายต่อหน้าสาธารณชน ทุกคนเอาแต่ก่นด่าว่าเฉินเทียนเซิงเป็นคนเลว
นายทหารคนนั้นขมวดคิ้ว ยกปืนขึ้นเล็ง แล้วออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด
“ผมสั่งให้คุณลงจากรถทันที และยอมรับการทำงานร่วมกันกับเรา ไม่อย่างนั้นผมจะยิงเดี๋ยวนี้”
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต จู่ ๆ ร่างที่ไม่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ยื้อปืนไรเฟิลของนายทหารคนนั้นไว้
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนค่ะ ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แน่ ๆ!”
คนที่กระโจนออกไปขวางอย่างทันท่วงทีไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสวี่หว่านชิงที่เฉินเทียนเซิงเคยให้ความช่วยเหลือ
เธอกำลังช่วยทุกคนอพยพ แต่เมื่อเห็นว่าการทะเลาะวิวาทรุนแรงขึ้นถึงเล็งปืน เธอก็รีบวิ่งเข้ามาขัดขวางโดยไม่คิดอะไร
“คุณหน้ากากเป็นคนดี เขาไม่ใช่ฆาตกรแบบที่คนพวกนี้ใส่ร้ายแน่ ต้องเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอนค่ะ!”
ในที่สุดก็มีคนช่วยแก้ต่างให้กับเฉินเทียนเซิง ทำลายคำพูดฝ่ายเดียวของเว่ยเฉียงจนสั่นคลอน
“แต่ผมเห็นกับตาว่าผู้กองหวังนำกองกำลังเข้าจับกุมเขา แล้วผมก็มีหมายจับของเขาอยู่ในมือด้วย”
เว่ยเฉียงแสดงไพ่ตายของตัวเองออกมา ชูหมายค้นและหมายจับขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็น
เรื่องบานปลายมาถึงขั้นนี้ ถึงเธอพยายามอธิบายต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ “ไม่จริง ต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ หลังจากเกิดวันสิ้นโลก คุณหน้ากากพยายามช่วยพวกเราไว้ เขาจะกลายเป็นอาชญากรค่าหัวไปได้ยังไง!”
นายทหารยกปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง พูดอย่างเฉียบขาด
“ผมขอเตือนอีกครั้งให้คุณลงจากรถโดยทันที และยอมรับการทำงานร่วมกับเรา ไม่งั้นคราวนี้ผมยิงจริงแน่!”