บทที่ 20 หอฮ่วนเยวี่ย
บทที่ 20
หอฮ่วนเยวี่ย
อวี้ซีหยวนมองดูสีหน้าของอีกฝ่ายที่ซีดขาวราวกับกระดาษเช็ดกระจก ก่อนจะนั่งลง ใช้ปลายมีดเชยคางหลิวอวี่ลั่วขึ้นเพื่อพินิศดูครู่หนึ่ง ทันใดนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาจากภายใต้ปีกหมวกกว้าง
“หลิวอวี่ลั่ว ขณะที่เจ้าทำร้ายผู้อื่น เจ้าคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีวันนี้ใช่หรือไม่?”
การที่คนซึ่งถือว่าตนเองสูงส่งนอนสิ้นสภาพอยู่แทบเท้าราวสุนัข เป็นความอัปยศยิ่งใหญ่ที่สุดในความคิดของนาง
แต่สำหรับหลิวอวี่ลั่วแล้ว เกรงว่าอาจรู้สึกอัปยศมากกว่านั้นอีกหลายร้อยพันเท่า
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลิวอวี่ลั่วพลันเงยหน้าขึ้นพร้อมเผยสีหน้าชั่วร้าย จ้องเขม็งมองอวี้ซีหยวนด้วยดวงตาอาฆาตเสมือนอสรพิษ หากดวงตาคู่นั้นสามารถสังหารใครสักคนได้แล้วละก็ อวี้ซีหยวนคิดว่าดวงตาคู่นั้นอาจพ่นพิษทำร้ายนางไปแล้วนับหมื่นครั้ง
อวี้ซินหรานวิ่งเข้าไปหาอวี้ซีหยวน เขย่าแขนของนางพลางกล่าวว่า “พี่สาว เราอย่าได้สนใจผู้หญิงเลวคนนี้เลย เราเดินทางต่อแล้วหาของอร่อยกินกันยังมีประโยชน์กว่า จริงหรือไม่?”
อวี้ซีหยวนเผยรอยยิ้มบางเบา เอื้อมมือออกไปเพื่อเช็ดคราบเลือดบริเวณลำคอของอวี้ซินหราน จากนั้นหยิบขวดโหลบรรจุยาผงออกมาแล้วโรยลงบนบาดแผลของนาง ก่อนจะโยนมีดในมือทิ้งไปพลางหยัดกายลุกขึ้น
“ข้าให้สัญญากับเจ้าแล้ว จะหลงลืมไปได้อย่างไร?”
เมื่อเผชิญหน้ากับอวี้ซินหราน อวี้ซีหยวนไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางโหดเหี้ยมเลยแม้แต่นิด อีกทั้งมุมปากของนางยังโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยภายใต้หมวกไม้ไผ่สาน
อวี้ซีหยวนดึงอวี้ซินหรานให้เดินเลี่ยงจากไป เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น จึงพากันก้าวหลีกทางให้กับพวกนางโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าอวี้ซีหยวนจะไม่พลังทำลายล้างรุนแรงใด ๆ ออกมาอีกต่อไป ทว่าในขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อล้างแค้นให้กับเทพธิดาของพวกเขา ไม่แม้แต่จะเข้าไปช่วยพยุงหลิวอวี่ลั่วให้ลุกขึ้นจากพื้น
ดังนั้นหลิวอวี่ลั่วจึงพยายามหยัดกายลุกขึ้นด้วยตนเอง จับจ้องไปยังแผ่นหลังของอีกฝ่ายราวกับสายตาของตนเคลือบพิษแมงป่องไว้ พลังวิญญาณค่อย ๆ ควบแน่นขึ้นในฝ่ามือทั้งสองข้าง หวังจะเคลื่อนไหวเอาคืนสักกระบวนท่า แต่นางไม่คาดคิดว่าจะมีชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ยืนขวางย่างก้าวของนางไว้
แผ่นหลังของหญิงสาวทั้งสองยังคงเดินรุดต่อไปข้างหน้า ห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายลับสายตาไป หลิวอวี่ลั่วจ้องเขม็งไปยังชายชุดดำที่เข้ามาขวางทางตนเองไว้ด้วยความโกรธ ก่อนกล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงดุร้าย “บังอาจนัก! กล้าเข้ามาขวางทางข้างั้นรึ? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าเป็นใคร?!”
ฉางอี้เพิกเฉยต่อนาง
ภายในชั่วพริบตา จู่ ๆ ชายผู้เข้ามาขวางทางหลิวอวี่ลั่วไว้กลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น เมื่อนางกวาดสายตามองไปโดยรอบก็เห็นอีกฝ่ายแม้แต่เงา
ทันใดนั้น หลิวอวี่ลั่วรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ความสามารถของบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่ ช่างน่ากลัวเสียจริง
“ฉางอี้ เจ้าว่าแม่นางหลิวอวี่ลั่วผู้นั้นเจ็บป่วยทางจิตหรือไม่?”
“ใครจะล่วงรู้ จิตใจสตรียากแท้หยั่งถึง เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูอวี้ ฝูงชน รวมถึงพวกเรา ท่าทีของนางกลับแตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิงอย่างน่ากลัว”
ฉางอี้เฝ้าสังเกตการณ์การต่อสู้ที่เกิดขึ้นครู่นี้อยู่ตลอด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมงานของเขาอีกคนหนึ่งที่ติดตามมาคอยปกป้องอวี้ซีหยวนอย่างลับ ๆ
คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นกับนาง อวี้ซีหยวนยังคงพาอวี้ซินหรานเดินไปตามถนนเพื่อซื้อขนมนานาชนิด ทำให้องครักษ์เงาระดับสูงทั้งสองนายรู้สึกหดหู่ในใจ
พวกเขาคือผู้ที่เคยกระทำคุณงามความดียิ่งใหญ่ คอยอารักขาองค์ชายรัชทายาทไปทุกหนแห่ง ทว่าตอนนี้พวกเขากลับต้องลดตัวลงมาจับจ่ายเงินให้กับหญิงสาวทั้งสอง ช่างผิดแผกไปจากภาระหน้าที่เดิมเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นภายในจิตใจของพวกเขาเพียงไม่นานนัก ก่อนที่พวกเขาจะเดินติดตามเพื่อจับจ่ายเงินค่าขนมให้กับพวกนางต่อไปอย่างจำยอม
“พี่สาว ดูนั่นสิเจ้าคะ พวกเขากำลังมุงดูอะไรกัน?”
สายตาอวี้ซินหรานถูกดึงดูดไปยังทิศทางหนึ่ง อวี้ซีหยวนหันมองตามทิศทางที่อวี้ซินหรานชี้นิ้วออกไป ซึ่งสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาพวกนางคือกลุ่มคนที่มารวมตัวกันอยู่ตรงจุดนั้นเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นหัวไหล่เบียดกระทบกัน
อวี้ซีหยวนไม่สนใจอยากรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ในขณะที่นางกำลังจะพาอวี้ซินหรานเดินเลี่ยงออกไปจากที่นี่ กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นจากกลุ่มฝูงชน...
“ที่หอฮ่วนเยวี่ยมีอะไรกันรึ?”
“ข้าได้ยินมาว่าหอฮ่วนเยวี่ยมีการขายยาอายุวัฒนะ ตราบใดที่เจ้าสามารถระบุชื่อและคุณสมบัติของมันได้ถูกต้อง พวกเขาจะมอบมันให้กับเจ้าโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณแลกเปลี่ยนแม้แต่ก้อนเดียว”