บทที่ 20 ระบบบังคับให้รับศิษย์
บทที่ 20
ระบบบังคับให้รับศิษย์
บนถนนที่ทรุดโทรมและรกร้าง ซอมบี้พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยกรงเล็บอย่างหิวกระหาย
รถบรรทุกสินค้าที่เดิมทีต้องส่งสินค้าไปยังทางตะวันออก ตอนนี้ต้องมาวิ่งชนซอมบี้ในวันสิ้นโลก
“หึ ฮ่าๆๆ รถคันนี้เจ๋งชะมัด!”
ลัวหมิงพึมพำคนเดียวขณะขับรถ แม้ว่าปีนี้เขาจะอายุสี่สิบแล้ว แต่ก็สามารถผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาได้ รวมถึงได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
เฉินเทียนเซิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า
“รีบไปต่อกันเถอะ เราต้องหาที่ปลอดภัยข้างหน้าแล้วหยุดพัก”
ลัวหมิงตอบกลับอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีปัญหา คุณอยากให้หยุดพักตรงไหนก็บอกได้เลย”
ขณะเดียวกัน
“ทำไมพวกคุณถึงช่วยฉันล่ะ?” หยางเซวี่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงง
“รถคันนี้เป็นของคุณ ที่บอกว่าจะยกให้มันเป็นแค่สัญญาปากเปล่า คุณต้องให้สัญญากับผมอย่างเป็นทางการ”
สิ่งที่เฉินเทียนเซิงขอก็ไม่ต่างจากเรื่องไร้สาระ นี่คือวันสิ้นโลก สัญญาอย่างเป็นทางการเป็นแค่สิ่งไร้ประโยชน์
แต่คำตอบนี้กลับสร้างความมั่นใจให้กับหยางเซวี่ยเป็น อย่างมาก นอกจากจะผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาได้ ยังได้รับการคุ้มครองอีก
“สัญญาที่ว่า คุณจะให้ฉันทำอะไรเหรอ?”
เฉินเทียนเซิงตอบกลับว่า
“คือว่า ถ้าคุณจะมากับผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น เอาจริงผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ แต่ถ้าไม่สบายใจ อีกไม่กี่วันทีมกู้ภัยของรัฐจะเริ่มออกไปให้ความช่วยเหลือแล้ว ถ้าเจอทีมกู้ภัยเมื่อไหร่ เราจะส่งตัวคุณให้เขาพาไปที่ปลอดภัยทันที”
“ก็ดี”
หยางเซี่ยตอบอย่างไม่ลังเล เนื่องจากเธอไม่มั่นใจว่าเจตนาที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้คืออะไร
ถึงอย่างนั้น ลัวหมิงและหลาน ๆ ของเขาก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนเดิม
การไปที่คลังสินค้าคือความคิดของเฉินเทียนเซิงทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีก 4 คนติดอยู่ที่นั่น แต่เขากลับช่วยเธอเพียงคนเดียว โดยไม่สนว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จะเป็นหรือตาย ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเลย
ขณะที่ตั้งสมาธิขับรถอยู่นั้น ลัวหมิงคาดเดาว่าเฉินเทียนเซิงต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนแน่ ๆ ถึงได้ไปที่คลังสินค้าเพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะ
ไม่นานเฉินเทียนเซิงก็พูดขึ้นมาว่า
“จอดรถ”
“โอเค”
ด้วยน้ำหนักของรถบรรทุก จึงเบรกเลยจากจุดที่ต้องการหยุดไปเล็กน้อย
เฉินเทียนเซิงเปิดประตูแล้วลงจากรถ ก่อนใช้ขวานดับเพลิงชี้ไปที่จุดพักรถริมถนนเจียงซาน
“คุณลัวหมิง รีบเข้าไปที่นั่นกันเถอะ”
ลัวหมิงลงจากรถแล้วถามด้วยสีหน้างุนงงว่า
“จะไปไหน?”
เฉินเทียนเซิงใช้ขวานดับเพลิงชี้ไปข้างหน้าอีกครั้ง
“ร้านเสื้อผ้านั่นไง คุณจะไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ หรือว่าชอบที่เธอเปลือยกาย?”
“อา เข้าใจแล้วน่า”
ลัวหมิงช่วยพยุงหยางเซวี่ยลงจากรถ ก่อนคอยคุ้มกันเธอระหว่างวิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆ นะ เอาล่ะ!”
เฉินเทียนเซิงถือขวานดับเพลิงขึ้นมา ก่อนตะโกนล่อ ซอมบี้ไปทางอื่น
เมื่อลัวหมิงและหยางเซวี่ยเข้ามาในร้านเสื้อผ้า หลังจากเช็กให้แน่ใจแล้วว่าข้างในปลอดภัย ก็เริ่มหาเสื้อผ้าเปลี่ยนทันที
“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวเราคอยคุ้มกันให้”
ลัวหมิงเดินไปนั่งยอง ๆ ที่หน้าประตูพร้อมถือพลั่วไว้ คอยนั่งสังเกตสถานการณ์ผ่านช่องกระจกที่แตก
ที่นี่คือร้านขายเสื้อผ้าริมถนนธรรมดา เธอจึงหาอะไรที่พอหาได้มาใส่ก่อน
ตอนนี้หยางเซวี่ยมีเพียงเสื้อกั๊กตัวเดียว ซึ่งปกปิดร่างกายไม่ได้ทั้งหมด เธอจึงรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมทันที เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็วิ่งไปหารองเท้าผ้าใบมาสวม หลังจากนั้นเธอเผอิญเหลือบไปเห็นกรรไกรตกอยู่บนพื้น
เธอเลยนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา
อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิง!
เมื่อนึกถึงประโยคนี้อีกครั้ง เธอหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตัดเส้นผมที่ยาวสลวยอย่างไม่ลังเล
ลาก่อนนะตัวฉันเมื่อก่อน หลังจากนี้จะไม่อ่อนแออีกแล้ว!
...
เฉินเทียนเซิงใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถจัดการซอมบี้ทุกตัวในละแวกนี้จนหมด
หลังจากนั้น ขณะที่เขากำลังขุดหาเอาผลึกกลายพันธุ์
ลัวหมิงก็เดินเข้ามาเพื่อถามอะไรบางอย่าง
“นี่คุณเฉิน ฉันขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม?”
เฉินเทียนเซิงไม่ได้ใส่ใจอะไร จึงตอบอย่างติดตลกกลับไปว่า
“ถ้าจะพูด ไปยืนตดดีกว่า!”
ลัวหมิงถูมือไปมา ก่อนกัดฟันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว คุณเก่งมากจริง ๆ แถมยังใจดี แล้วก็รอบรู้ด้วย!”
เฉินเทียนเซิงเงยหน้าขึ้นก่อนมองตาลัวหมิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อย่าพูดประจบประแจงผมเลย พูดมาตรง ๆ”
“หึหึหึ”
ลัวหมิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนตัดสินใจพูดออกมาว่า
“ฉันแค่คิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอยู่จริง หรือสักวันหนึ่งฉันตายขึ้นมา แถมหลานทั้งสองคนยังก็เด็กมาก คุณพอจะรับพวกเขาเป็นศิษย์ได้ไหม ถึงฉันไม่อยู่ แต่พวกเขายังได้อยู่กับคุณและได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้าคุณรับปากฉันก็ตายตาหลับแล้ว”
“ศิษย์!”
เฉินเทียนเซิงตกตะลึงทันที
ไม่ใช่คำขอของลัวหมิงที่ทำให้ตกใจ แต่เป็นสิ่งใหม่ที่ปรากฏขึ้นในระบบ
เมื่อได้ยินประโยคของเขา ระบบจึงมีการแจ้งเตือนขึ้นมา พร้อมกับหน้าสถานะใหม่
“หน้าสถานะลูกศิษย์เปิดแล้ว!”
ล้อเล่นน่า!
เฉินเทียนเซิงรู้สึกงุนงง เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าสถานะลูกศิษย์มาก่อน และระบบก็เด้งหน้านี้ขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคำว่าศิษย์
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมระบบถึงมีหน้าสถานะที่ยังไม่ปลดล็อกอีกมากมาย
แค่คำคำเดียวก็เด้งขึ้นมาเฉยเลย!
ระบบ นี่นายซ่อนฟังก์ชันนี้มาตลอดเลยเหรอ?
เฉินเทียนเซิงบ่นในใจ
เมื่อเห็นว่าเฉินเทียนเซิงเงียบไป ลัวหมิงจึงพูดอย่างประหม่าว่า “คุณเฉิน?”
“อืม รอเดี๋ยวนะ ขอเวลาผมตัดสินใจก่อน!”
หน้าสถานะลูกศิษย์เพิ่งเปิดขึ้นมา และเขายังไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย จึงด่วนตัดสินใจไม่ได้
เขาจึงอ่านคำอธิบายในหน้าสถานะอย่างละเอียด
คำอธิบายจากระบบมีอยู่ว่า
หลังจากเปิดหน้านี้ แล้วผู้ใช้มีการรับคนเข้ามาเป็นศิษย์ ผู้ใช้จะมีสถานะเป็นอาจารย์ และอาจารย์จะได้รับคะแนนครึ่งหนึ่งจากซอมบี้ที่ศิษย์ฆ่า
“กว่าจะรู้เรื่องนี้!”
เฉินเทียนเซิงรู้สึกหงุดหงิดกับระบบจริง ๆ ปรากฏว่าระบบได้คิดแทนเขาทุกอย่างแล้ว จึงทำให้เขาแลกแพ็กของขวัญจนรับยาปรับเปลี่ยนลำดับยีนมาสองขวด อย่างน้อยศิษย์ในอนาคตของเขาก็ไม่ได้รับผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว
โชคดีที่ระบบยังมีจิตสำนึก ถ้าศิษย์ฆ่าซอมบี้ได้ อาจารย์ก็ได้คะแนนด้วย อย่างน้อยก็ไม่สูญเปล่า
ก่อนหน้านี้ เขากังวลมากที่จะให้ยาปรับเปลี่ยนลำดับยีนแก่สองพี่น้องตระกูลลัว และตัดสินใจจะเก็บไว้ใช้เอง แต่ตอนนี้เขาไม่กังวลและไม่คิดแบบนั้นแล้ว
หลังจากไตร่ตรองทุกอย่าง เฉินเทียนเซิงก็วางท่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทันที
“ศิษย์เหรอ จะรับหรือไม่รับดี!”
ลัวหมิงตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดเสริม เฉินเทียนเซิงก็ชิงพูดก่อนว่า
“ผมคิดเรื่องนี้อยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
ขณะเดียวกันหยางเซวี่ยเดินออกมาจากร้านพอดี แล้วเดินเข้ามาพูดว่า
“เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ”
ทั้งสองตกใจจนตาค้าง เมื่อเห็นลุคล่าสุดของเธอ จากที่ไว้ผมยาวพลิ้วไสว ตอนนี้เหลือเพียงผมสั้นที่ยุ่งเหยิง แถมผมหน้าม้ายังดูกระเซอะกระเซิงบดบังวิสัยทัศน์ไปหมด
แต่เฉินเทียนเซิงกลับรู้สึกว่าแบบนี้น่ามองกว่ามาก เพราะลุคของเธอในตอนนี้ใกล้เคียงกับเทพีแห่งสงครามในชาติก่อนไม่มีผิด
“มีอะไรแปลกรึเปล่า?”
หยางเซวี่ยถามพร้อมกับแสดงแววตาแน่วแน่
“ไม่มี ผมสั้นเหมาะกับคุณมาก”
เฉินเทียนเซิงตอบกลับแล้วสั่งทุกคนว่า
“งั้นเดินทางต่อกันเถอะ ใกล้มืดแล้ว ต้องรีบหน่อย!”
ทุกคนกระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ก่อนสตาร์ทรถแล้วไปตามทางที่เฉินเทียนเซิงบอก หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงเขตพัฒนาก่อนค่ำพอดี
ตอนนี้สภาพแวดล้อมภายในสวนและชุมชน ต่างจากตอนที่เฉินเทียนเซิงจากมาอย่างลิบลับ
เมื่อเข้ามาถึง เขาก็ลงจากรถไปจัดการซอมบี้ในละแวกนี้ เนื่องจากเวลาเหลือน้อย ทำให้ฆ่าซอมบี้ไม่ได้ทั้งหมด จึงเหลือซอมบี้เดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกและตามบริเวณใกล้เคียงอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
“ไม่ทันแฮะ จะทำยังไงต่อดี?”
เฉินเทียนเซิงหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง
ถ้าฝืนขับรถไปต่อข้างหน้าตอนนี้ก็มีแต่ผลาญเสบียงไปวัน ๆ สู้รอให้ทีมกู้ภัยมาเจอเราในวันพรุ่งนี้ แล้วตามกลับไปที่กองกำลังคงดีกว่า
ในสถานการณ์แบบนี้ หรือจะสละเสบียงบางส่วนกับคนอื่นทิ้งไว้ที่นี่ดี
จริงด้วย...
เมื่อคิดแผนดี ๆ ออก เขาก็หันไปมองลัวหมิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ