บทที่ 19 เทพีแห่งสงครามในอนาคต
บทที่ 19
เทพีแห่งสงครามในอนาคต
พวกเขาไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า รีบเปิดฝากระโปรงหน้ารถ ก่อนถอดหัวเทียนออก แล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น เพื่อรีบซ่อมรถ
หลังจากนั้น ลัวหมิงก็พึมพำขึ้นมาด้วยความโกรธและเกลียดชัง
“ให้ตายเถอะ คนพวกนี้มันต่ำช้าเกินไปแล้ว ทำไมพวกมันถึงทำกับผู้หญิงที่ไม่ทางสู้แบบนี้?”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“ฉันไม่ชินด้วยหรอก ถ้าเจอคนแบบนี้อีกคุณจัดการเลย ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ คุณเป็นคนดีจริง ๆ”
เฉินเทียนเซิงตอบขณะทำงานว่า
“คนดีอายุไม่ยืน แต่คนชั่วอายุยืนหลายพันปี”
ลัวหมิงพูดไม่ออก
“ฉันไม่สนใจแล้ว คุณทำสิ่งที่ถูกต้อง คนพวกนี้สมควรตาย”
หลังจากนั้นลัวหมิงก็พึมพำต่อไปเรื่อย ๆ ขณะซ่อมรถ
ส่วนผู้หญิงที่ได้รับการช่วยเหลือ เธอชื่อหยางเซวี่ย เป็นเจ้าของคลังสินค้าแห่งนี้ และผู้หญิงคนอื่นที่ถูกคุมขังก็เป็นพนักงานหญิงในคลังสินค้า
ในวันที่สามหลังจากวันสิ้นโลกเกิดขึ้น คนงานในคลังสินค้าถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย กลุ่มคนที่ยึดหลักคุณธรรมถูกฆ่าตายทั้งหมด ส่วนกลุ่มคนที่คิดชั่วพากันออกอาละวาด และใช้อำนาจข่มเหงพวกผู้หญิง
หลังจากลัวหมิงพึมพำมาสักพัก ทั้งร่างก็สั่นเทาโดยไม่ตั้งใจ
“จริง ๆ แล้ว วันสิ้นโลกไม่ได้เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้เท่านั้น แต่ยังขยายความชั่วร้ายภายในจิตใจของคนอีกด้วย คนที่เลวอยู่แล้วก็ยิ่งเลวมากขึ้นไปอีก”
เฉินเทียนเซิงตอบกลับเขาไปว่า
“เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนในวันสิ้นโลกเป็นแบบนี้!”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ลัวหมิงถาม
เฉินเทียนเซิงไม่ได้อธิบายอะไร “อีกไม่นานคุณจะเข้าใจเอง”
ลัวหมิงก้มหน้าลง “นี่มันโลกวิปริตชัด ๆ”
ไม่นานลัวหลงก็วิ่งเข้ามาหาทั้งสอง
“คุณลุง เกิดเรื่องแล้ว ผู้หญิงในโกดัง พวกเธอ พวกเธอจะฆ่าตัวตาย!”
ลัวหมิงหันไปมองเฉินเทียนเซิงด้วยสายตาเป็นกังวล
“เราควรทำยังไงดี?”
“โชคชะตาเป็นตัวกำหนดชีวิตและความตาย ถ้าพวกเธออยากตายก็ปล่อยไป เราห้ามไม่ได้หรอก และเราก็ช่วยไม่ได้ด้วย”
ลัวหมิงและหลานชายตกตะลึง พวกเขาคาดไม่ถึงว่า เฉินเทียนเซิงจะให้คำตอบแบบนี้
หลังจากซ่อมหัวเทียนเสร็จ เฉินเทียนเซิงก็ปิดฝากระโปรงรถแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“จำไว้ นี่คือวันสิ้นโลก มันไม่ใช่โลกเดิมที่เรารู้จักอีกต่อไปแล้ว ต่อให้มีโรงพยาบาลจิตเวชเหลืออยู่ หรือเราสามารถช่วยชีวิตพวกเธอได้ จุดจบเดียวสำหรับคนเสียสติก็คือตายและกลายเป็นซอมบี้ สุดท้ายพวกเธอก็จะไปทำร้ายคนอื่น ทีนี้เข้าใจกันรึยัง?”
ลัวหลงถามกลับไปว่า
“เราจะอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย แล้วนั่งดูพวกเธอตาย จริง ๆ เหรอครับ?”
เฉินเทียนเซิงเช็ดมือแล้วตอบกลับขณะเดินว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็มาดูด้วยกันสิ เดินตามมาเลย”
พวกเขาเดินกลับมาที่คลังสินค้าด้วยกัน ขณะนี้ลัวเฟิงกำลังยุ่งวุ่นวายมาก ๆ เพราะไม่สามารถช่วยใครพร้อมกันได้ ตอนนี้ร่างของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“คุณลุง คุณมาช่วยหนูแล้ว!”
“พอได้แล้ว ปล่อยพวกเธอไป ถ้าอยากตายก็ปล่อยให้ทำเลย ฆ่าตัวตายวันนี้ ยังดีกว่าถูกซอมบี้กินในวันพรุ่งนี้”
คำพูดของเฉินเทียนเซิงทำให้ลัวเฟิงตกตะลึง
ไม่ทันไรก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ยกมีดขึ้นมากรีดข้อมือของตัวเองทันที เลือดรินไหลออกมาต่อหน้าต่อตาผู้หญิงคนอื่น ทันใดนั้นพวกเธอก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ราวกับถูกกระตุ้นต่อมความกลัวภายในจิตใจ
เฉินเทียนเซิงหันไปมองเจ้าของคลังสินค้าที่นั่งหลบมุมอยู่ เธอนั่งทำหน้าสิ้นหวังอยู่ภายใต้เสื้อกั๊กที่ลัวหมิงห่มให้
เฉินเทียนเซิงเดินเข้าไปถามว่า “คุณอยากตายหรือยังอยากมีชีวิต?”
เธอสำลักแล้วเงยหน้าขึ้นตอบว่า “คุณบอกฉันได้ไหมว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อยังไง?”
“ต่อให้ใครบอกให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อ คุณก็เลือกที่จะตายอยู่ดี!”
หลังจากนั้นเฉินเทียนเซิงก็หยิบมีดบนพื้นขึ้นมา เจ้าของคลังสินค้าคิดว่าเฉินเทียนเซิงจะฆ่าเธอ วินาทีต่อมาเธอจึงเชิดหน้าขึ้นพร้อมให้อีกฝ่ายปลิดชีวิตแต่โดยดี
แต่สุดท้ายแล้วเฉินเทียนเซิงก็หันหลังกลับ ก่อนเดินไปที่ประตูแล้วเผชิญหน้ากับซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาในคลังสินค้า
มีดถูกกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว
หนึ่งหัว สองหัว สามหัว...
ซอมบี้ที่พุ่งเข้ามา พวกมันถูกดึงดูดด้วยเสียงกรีดร้องและกลิ่นเลือด แม้มีจำนวนไม่มาก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อ เฉินเทียนเซิง เขาฆ่าพวกมันทีละตัวอย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวก่อน เหลือให้ผมสักตัวสิ!”
ลัวหลงไม่มีความกลัวใด ๆ เลย เขาวิ่งไปสมทบเพื่อต่อสู้กับซอมบี้
แต่เฉินเทียนเซิงห้ามเขาไว้ แล้วผลักกลับเข้าไป
“มันไม่ง่ายหรอกนะ หลบข้างหลังฉันไปก่อน!”
ลัวหมิงวิ่งเข้ามาโอบหลานชายและหลานสาว ก่อนเฝ้าดูพวกซอมบี้ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีท่าทีจะหมดเลย
หลังฟันหัวซอมบี้อีกตัว เขาหันกลับมาแล้วตะโกน
“คุณไม่กลัวความตาย แต่กลับกลัวการมีชีวิตอยู่ อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่น ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็ตามพวกเรามา!”
ผู้หญิงคนนั้นตะลึงทันที
ไม่ต่างกัน ทั้งลัวหมิง ลัวหลง และลัวเฟิงก็ตกใจเช่นกัน
มีคนปลอบใจกันแบบนี้ด้วยเหรอ?
เฉินเทียนเซิงตัดเคลียร์เส้นทางตรงหน้าประตู เพื่อให้ลัวหมิงพาทุกคนหนีไป
“ไม่ต้องกลัว ไปกับเราเถอะ”
ลัวหมิงปกป้องหลานของตัวเองและคนอื่นโดยไม่ให้คลาดสายตา
หลังจากต่อสู้อยู่พักหนึ่ง มีดเกิดสึกขึ้นมา เขาจึงหันไปคว้าขวานดับเพลิงที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนหาท่าที่จับถนัดมือ แล้วเหวี่ยงฟันซอมบี้เป็นวงกว้าง
ความจริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือจุดประสงค์ที่สองของ เฉินเทียนเซิงที่ทำให้เขามายังคลังสินค้านี้
เพราะเฉินเทียนเซิงรู้จักผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว หรืออีกนัยหนึ่ง เขาต้องการช่วยเหลือเทพีแห่งสงครามผู้มีฝีมือเก่งกาจในอนาคต
หยางเซวี่ยมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ เมื่อชาติที่แล้วของ เฉินเทียนเซิง เธอได้รับการช่วยเหลือจากฐานผู้รอดชีวิต ก่อนเข้าร่วมกับฐานผู้รอดชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนายาเสริม ความแข็งแกร่ง โดยหยางเซวี่ยเป็นอาสาสมัครกลุ่มแรก ที่ยอมเป็นหนูทดลอง
แน่นอนว่าอัตราการเสียชีวิตของอาสาสมัครกลุ่มแรกนั้นสูงมาก
แต่หยางเซวี่ยประสบความสำเร็จในการทดลอง เธอกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่ถูกเสริมความแข็งแกร่งในช่วงแรก
พอเข้าสู่ปีที่ 3 ของวันสิ้นโลก เธอได้ฆ่าฝูงซอมบี้ด้วยตัวคนเดียวบนภูเขาเขตเจียงเฉิงนาน เป็นเวลาถึงสามวันสามคืน จนที่นั่นถูกทุกคนเรียกขานกันว่าทะเลเลือด นอกจากนี้เธอยังถูกเรียกว่าเทพีแห่งสงครามอีกด้วย
ในชาติที่แล้วเฉินเทียนเซิงไม่มีโอกาสได้พบผู้หญิงคนนี้ แต่ตำนานของเธอกลายเป็นที่พูดถึงของผู้รอดชีวิตหลายกลุ่ม
เพราะได้พบเจอกับประสบการณ์อันเลวร้ายหลังวันสิ้นโลกเกิดขึ้น บุคลิกของเธอจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผู้หญิงผมสั้น ถือดาบยาวคมกริบ เมื่อไหร่ที่เธอเคลื่อนไหวจะเห็นเพียงประกายแสงจากดาบ กับร่างของซอมบี้ที่ขาดเป็นสองท่อน
นอกจากนี้ คำพูดของเฉินเทียนเซิงที่บอกว่า อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่น ความจริงแล้วเป็นคำพูดติดปากของ หยางเซวี่ยเองต่างหาก
โชคดีที่ในชาตินี้ เขายังอยู่ในจุดที่สามารถพูดจาเหน็บแนมเธอได้ และนี่ก็เป็นนิสัยเสียของเขาที่แก้ไม่หาย
หยางเซวี่ยเดินตามลัวหมิงอย่างเฉื่อยชา ขณะหันไปดูเฉินเทียนเซิงที่กำลังเหวี่ยงขวานดับเพลิงอย่างบ้าคลั่ง ฟาดฟันซอมบี้ราวกับหั่นผัก
ไม่นานหยางเซวี่ยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
“ฉันอยากมีชีวิตที่กล้าหาญแบบเขา!”
ขณะเดียวกันลัวเฟิงก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“เดี๋ยวก่อน แล้วผู้หญิงคนอื่นในโกดังล่ะ?”
“ไม่ทันการแล้ว เราช่วยไม่ได้หรอก รีบหนีเถอะ ตอนนี้ต้องปกป้องตัวเองก่อน กลิ่นเลือดจะดึงดูดซอมบี้เข้ามาอีก ถ้าไม่รีบหนี เราจะไปไหนไม่ได้อีกเลย”
จริงอย่างที่เฉินเทียนเซิงพูด แม้ว่าจะมีซอมบี้ไม่กี่ตัวพุ่งเข้ามา แต่กลิ่นเลือดที่แรงจัดนั้นไม่ต่างจากแสงไฟท่ามกลางความมืด ไม่นานซอมบี้แถวนี้จะแห่เข้ามากันเรื่อย ๆ
เฉินเทียนเซิงพาทุกคนมาถึงรถบรรทุกในที่สุด ลัวหมิงฝากให้ลัวเฟิงดูแลหยางเซวี่ยไปก่อน หลังจากปิดประตูรถ เขาก็สตาร์ทรถทันที แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก เมื่อหันไปมองประตูทางออกแล้วพบว่ามีซอมบี้ยืนขวางเต็มไปหมด
ลัวหมิงถามด้วยความตื่นตระหนก
“ทำไงดี?”
“หัวจะปวด นี่คุณกลัวว่ารถบรรทุกจะเอาซอมบี้ไม่อยู่เหรอ?”
“บรื้น”
ลัวหมิงเหยียบคันเร่งสุดแรง รถบรรทุกออกตัวอย่างรวดเร็ว ชนฝูงซอมบี้กระจายในคราวเดียว
“โครม โครม โครม”
ซอมบี้กระเด็นไปข้างหลังหลายตัว
ทุกคนไม่เคยเห็นฉากบ้าระห่ำแบบนี้มาก่อน แม้ว่าซอมบี้ที่น่ากลัวถูกบดขยี้จนร่างขาดเหลือครึ่งท่อน บางตัวที่จับรถไว้ได้ก็เกาะติดไม่ยอมปล่อย
นอกจากนี้ยังมีซอมบี้ครึ่งตัวห้อยอยู่ที่ด้านหน้าของรถอีกด้วย บางตัวใช้กรงเล็บตบกระจกหน้ารถไม่หยุด เกิดเป็นภาพเหตุการณ์บ้าคลั่งในระดับที่ฉุดไม่อยู่