บทที่ 18 สาวงามอันดับหนึ่งแห่งรัฐจื่ออวิ๋น
บทที่ 18
สาวงามอันดับหนึ่งแห่งรัฐจื่ออวิ๋น
“ฮึ่ม! คุณหนูอวี่ลั่วของเราเป็นสตรีผู้งดงามที่สุดแห่ง รัฐจื่ออวิ๋น! บนโลกนี้คงยากจะเสาะหาสตรีใดที่งดงามได้เทียบเท่านางอีก อีกทั้งคุณหนูอวี่ลั่วยังเป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นสร้างรากฐานอีกด้วย เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เจ้าหวาดกลัวนางหรือยังล่ะ?”
บ่าวรับใช้แสดงท่าทีหยิ่งผยองขณะที่เขาสาธยายอย่างละเอียด พร้อมกันกับใบหน้าของหลิวอวี่ลั่วที่แปรเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อเล็กน้อย พยายามห้ามปรามบ่าวรับใช้ไม่ให้กล่าวต่อไปเพราะความเขินอาย
สิ่งที่เขากล่าวออก ทำให้ผู้คนที่สังเกตการณ์อยู่โดยรอบต่างเกิดความประทับใจในตัวหลิวอวี่ลั่วเป็นที่ยิ่ง
อาจกล่าวได้ว่าสตรีในบรรดาผู้ฝึกตนนั้นนับว่าพบเจอได้ยาก เพราะโดยทั่วไปแล้วฐานการฝึกตนของพวกนางสูงสุดเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ฝึกตนชายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่คิดพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อให้ชีวิตของตนอยู่รอด และยังคงยึดถือแนวความคิดดั้งเดิมว่าสตรีควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยอบรมสั่งสอนบุตรและปรนนิบัติสามีให้ดีก็เพียงพอแล้ว
จึงเป็นธรรมดาที่สตรีส่วนน้อยเหล่านี้ จะเป็นที่นิยมชมชอบจากบรรดาคนทั่วไป
อวี้ซีหยวนเคยได้ยินแนวคิดดังกล่าวมาบ้าง แต่กลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ใช่ว่านางดูถูกผู้คนที่มีระดับขั้นการฝึกตนต่ำ ทว่าความคิดเหล่านั้นยังมีความล้าหลังอยู่มาก
“ต่อให้บรรลุขั้นสร้างรากฐาน ทว่านางก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ไม่รู้ว่าควรค่าแก่การโอ้อวดอย่างไรกัน ด้วยฐานการฝึกตนระดับนี้ เจ้าควรกลับบ้านไปฝึกฝนให้ก้าวหน้าแล้วค่อยออกมาเดินเที่ยวเตร่ด้านนอกดีกว่า”
ทันทีที่อวี้ซีหยวนเปล่งวาจาออกมา บรรดาฝูงชนพลันเงียบกริบ การแสดงออกของหลิวอวี่ลั่วไม่น่ามองยิ่งกว่าเก่า
ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตน นางพอรับรู้อยู่บ้างว่าผู้ที่มีระดับขั้นการฝึกฝนต่ำกว่า จะถูกมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งโดยผู้ที่มีระดับขั้นการฝึกตนสูงกว่า
ดังนั้นนางจึงไม่สามารถมองเห็นระดับขั้นการฝึกตนของสตรีตรงหน้าได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับมองเห็นระดับการฝึกตนของนางได้อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามนั้นกลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
หลิวอวี่ลั่วทำเสียงจึกจักในริมฝีปาก ในครั้งนี้นางไม่สามารถเสแสร้งเผยรอยยิ้มหวานหยดย้อยได้อีก นางยอมพ่ายแพ้ แล้วรีบก้าวตรงไปหาหญิงสาวผู้สวมหมวกไม้ไผ่สานตรงหน้า ก่อนจะต่อปากต่อคำ “เจ้าเป็นใครกัน?!”
“ข้าจะเป็นใคร” อวี้ซีหยวนเอ่ย “ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรเก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด ไปกันเถอะ…”
อวี้ซินหรานรีบก้าวเดินตามอวี้ซีหยวนไปทันที สีหน้าภายใต้หมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่คอยกลั่นแกล้งพี่สาวของตนบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ถูกตอกกลับจนหน้าเสียเช่นนั้น นางก็มีความสุขมาก ทุกย่างก้าวแทบจะกระโดดโลดเต้น
ทว่าระหว่างที่นางกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่นั้น อวี้ซินหรานกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาจ่ออยู่ตรงลำคอของตนเอง
สัมผัสนั้นเย็นเยียบ ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าเล็กน้อย
“พวกเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้ไป!”
อวี้ซีหยวนหันหลังกลับทันที เห็นว่าดาบยาวกำลังวางพาดอยู่บนบ่าของอวี้ซินหราน รูม่านตาของนางหดเล็กลงอย่างฉับพลัน รัศมีแห่งจิตสังหารของนางค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
“ปล่อยนางซะ”
อวี้ซีหยวนแค่นเสียงเย็นชาเพื่อกล่าวเตือน
นางไม่ต้องการให้อวี้ซินหรานได้รับบาดเจ็บใด ๆ แม้แต่ปลายเล็บ
“ปล่อยงั้นรึ? ย่อมได้! เว้นแต่เจ้าจะกล่าวขอโทษคุณหนูของข้าเสียก่อน!” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น คมดาบขยับเคลื่อนเข้าหาลำคอของอวี้ซินหรานเพิ่มอีกเล็กน้อย
อวี้ซินหรานผู้มีไหวพริบเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางยังคงสดใสเป็นประกายขณะส่งยิ้มให้กับอวี้ซีหยวนผ่านปีกหมวกกว้าง ก่อนกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วต่ำแทบไม่ได้ยินว่า “พี่สาว ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
นางเชื่อว่าอวี้ซีหยวนจะต้องได้ยิน
ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้ยินจริง ๆ
หลังจากที่อวี้ซีหยวนแน่ใจแล้วว่าอวี้ซินหรานไม่ได้หวาดกลัวถึงเพียงนั้น นางจึงรวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่กับชายที่ใช้กำลังเข้าข่มขู่ตน
“เจ้า! ขอโทษคุณหนูอวี่ลั่วเดี๋ยวนี้!”
อวี้ซีหยวนทำหน้าบึ้ง “ข้าต้องขอโทษเรื่องใดกัน ในเมื่อสิ่งที่ข้ากล่าวเป็นความจริง?” ขณะกล่าวเช่นนั้น อวี้ซีหยวนชายตามองไปยังหลิวอวี่ลั่วอย่างเงียบเชียบ
หลิวอวี่ลั่วแปรเปลี่ยนสีหน้าทันที นางก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับออกปากห้ามปรามชายผู้นั้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“พี่ชาย เป็นความจริงที่ข้าไม่ได้เก่งกาจถึงเพียงนั้น จึงทำให้พี่สาวท่านนี้ปรามาสเอาได้ เราอย่าได้ถือสาเอาความกับนางเลย...”
“คุณหนูอวี่ลั่ว ท่านไม่จำเป็นต้องออกหน้ารับผิดแทนนาง ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนหญิง นับว่าคุณหนูอวี่ลั่วมีความสามารถเหนือกว่าสตรีอื่นมากนัก การที่นางปฏิบัติต่อท่านอย่างหยาบคายเช่นนี้ ถือเป็นการดูถูกอย่างไม่สมควรให้อภัย!”