บทที่ 18 กู้คลังสินค้ากลับมา
บทที่ 18
กู้คลังสินค้ากลับมา
ชานเมืองทางตอนเหนือของเจียงเฉิง เป็นพื้นที่คลังสินค้าและลานบรรทุกสินค้า ก่อนหน้านี้เฉินเทียนเซิงเป็นคนบอกให้เขาขับมาเองแหละ
แต่เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมาที่นี่ เฉินเทียนเซิงไม่ได้พูดอะไร ส่วนลัวหมิงเองก็ไม่กล้าถาม
รถตำรวจค่อย ๆ ขับเข้ามายังกลางลานบรรทุกสินค้าที่ว่างเปล่า
“จอดล่ะนะ”
ลัวหมิงเบรกและดับเครื่อง
ประตูรถเปิดออก หลังจากเฉินเทียนเซิงก้าวลงจากรถ ก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างใจเย็น ก่อนเหลือบไปเห็นรถบรรทุกที่จะส่งของไปยังทางตะวันออก
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูม้วนของคลังสินค้าในลานบรรทุกสินค้าเปิดขึ้น ชายสามคนเดินออกมาจากข้างใน ทุกคนมีสีหน้าดุร้ายและถือขวานไว้ในมือ
ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่รู้เลยว่าเป็นเลือดซอมบี้หรือคน พูดอีกอย่างคืออาจรับมือได้ยากทีเดียว
คลังสินค้ามีการขนส่งสินค้าเข้าออกตลอดเวลาในแต่ละวัน แถมยังมีพื้นที่กว้างขวางอีกด้วย แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีการขาดแคลนอาหารและน้ำเลย ดังนั้นในช่วงวันสิ้นโลก ผู้รอดชีวิตที่มาปักหลักในคลังสินค้าจะมีอาหารดี ๆ กินไม่อดอยาก
เฉินเทียนเซิงไม่ได้หยิบพลั่วหรือโล่มาด้วย มีเพียงแค่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษเท่านั้น
“พวกแกน่ะ มีธุระอะไรถึงเข้ามาที่นี่?”
เฉินเทียนเซิงจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันอยากยืมอะไรบางอย่างจากพวกนายหน่อย”
“ที่นี่ไม่มีอะไรให้ยืมหรอก ถ้าแกฉลาดพอ ก็ไปให้พ้นซะ อย่าหาว่าพวกเราหยาบคาย!”
คนที่พูดสวมเสื้อกั๊กลายมังกร มีรอยสักรูปเสือ ใบหน้าดุร้าย แค่มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี
“ขอโทษพี่ชายคนนั้นเถอะ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ ผูกมิตรกันจะดีกว่านะ”
ลัวหมิงรีบลงจากรถ ก่อนทำตัวเป็นชายชราที่ดี พยายามพูดให้ทั้งสองฝ่ายไม่มีเรื่องกัน
ชายที่มีรอยสักตะโกนอย่างหยาบคายว่า
“ใครพี่แกไม่ทราบ ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะสับหัวพวกแกทีละคน!”
ในขณะที่ลัวหมิงหันกลับมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เฉินเทียนเซิงถอยกลับ สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันที
“เอาเลย นี่แหละที่ฉันต้องการ!”
มีประกายแสงวาบขึ้นมา จู่ ๆ เฉินเทียนเซิงก็หายวับไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชายที่มีรอยสัก
ซูเปอร์สปีด!
ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะทันได้โต้ตอบ ชายที่มีรอยสักก็ถูกชกเข้าที่หน้าอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองคือ 20 เมตร แต่ เฉินเทียนเซิงวาร์ปเข้ามาใกล้ภายในไม่ถึงวินาที
นี่ใช่ความเร็วของมนุษย์แน่เหรอ?
ชายสองคนที่ออกมาพร้อมกับชายที่มีรอยสัก เตรียมเหวี่ยงขวานเพื่อตอบโต้ แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็กระเด็นลอยไปข้างหลัง
ผ่านไป 10 วินาที ผลของสกิลซูเปอร์สปีดหายไป
หลังจากปั๊มน้ำมันถูกระเบิด ค่าพลังโดยรวมและความสามารถพิเศษของเฉินเทียนเซิงนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก
พลังกาย : 34.6 (สกิลพื้นฐาน : ฟื้นฟูความเร็วสูง ฟื้นฟูความแข็งแกร่งทั้งหมดหลังจากเปิดใช้งาน)
ความแข็งแกร่ง : 31.3 (สกิลพื้นฐาน : ระเบิดพลังคูณ 2 เพิ่มความแข็งแกร่งสองเท่าหลังจากเปิดใช้งาน)
ความเร็ว : 37.25 (สกิลพื้นฐาน : ซูเปอร์สปีด เพิ่มความเร็วสองเท่าหลังจากเปิดใช้งาน)
พลังใจ : 30.11 (สกิลพื้นฐาน : เสียงสะท้อนแห่งจิตวิญญาณ สร้างแรงสั่นสะเทือนที่มีผลต่อจิตใจของศัตรู)
นอกจากการเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าแล้ว การวิ่ง 100 เมตรภายใน 5 วินาทีด้วยค่าความเร็ว 37 หน่วยก็ไม่ใช่ปัญหา
การต่อสู้เริ่มต้นโดยไม่ทันได้หายใจ และจบลงอย่างรวดเร็ว
ลัวหมิงตกตะลึง ก่อนหันไปถามว่า
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะ ทั้งที่มีทางอื่นเพื่อหาทางออกร่วมกันแท้ ๆ ทำร้ายพวกเขาไปเพื่ออะไร?”
เฉินเทียนเซิงมองไปที่คลังสินค้าอย่างไม่แยแส ก่อนส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“ถ้าอยากรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ก็เข้าไปดูสิ แล้วคุณจะเข้าใจว่าผมทำไปทำไม”
เนื่องจากลัวหมิงไม่เคยมีประสบการณ์กับวันสิ้นโลกมาก่อน เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเทียนเซิงถึงโหดร้ายนัก
เฉินเทียนเซิงมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียว
นั่นคือช่วยชีวิตคน
เมื่อเขาและลัวหมิงเดินมาถึงหน้าคลังสินค้า พบว่าประตูม้วนถูกอีกฝ่ายดึงลงมาปิด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จะเข้าไปอยู่ดี
ต่อให้ปิดประตูไปก็เปล่าประโยชน์ เฉินเทียนเซิงถูกำปั้นแล้วพึมพำว่า
“มีความแข็งแกร่งมากถึง 30 หน่วย ประตูแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ต่อยหมัดเดียวก็ร่วงแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ต่อยประตูม้วนจนพังยับเยินในหมัดเดียว
“ปัง โครม โครม”
ฉากภายในคลังสินค้าชัดเจนทันที
แม้ว่าแสงไฟด้านในจะมืดสลัว แต่ก็ยังมองเห็นสภาพข้างในได้อย่างชัดเจน ใกล้ ๆ ประตูมีขวดไวน์เปล่า กล่องอาหารที่กินหมดแล้ว ขยะ รวมถึงอุจจาระกระจัดกระจายเต็มพื้น
มีกลุ่มคนยืนอยู่ในเงามืด เป็นผู้ชายกับผู้หญิงเฉลี่ยเท่า ๆ กัน
ชายสองคนยกมีดขึ้นขู่ ในขณะที่จิกหัวผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่าจะใช้ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวประกัน
สภาพของผู้หญิงคนนั้นน่าสังเวชมาก ร่างกายเปลือยเปล่า มีรอยฟกช้ำและฝุ่นเกาะเต็มตัว
ห่างไปไม่ไกลยังมีชายอีกคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่ชุดของเขาเละเทะขาดวิ่น ร่างกายโชกไปด้วยเลือด
ลึกเข้าไปข้างใน ยังมีผู้หญิงหลายคนนอนอยู่บนพื้น ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน ดวงตาหมองคล้ำ ตามตัวมีรอยฟกช้ำและฝุ่นเกาะจนดูสกปรก
ใบหน้าของพวกเธอไร้ชีวิตชีวา ริมฝีปากสั่นระริก แววตาหม่นหมอง และมีกลิ่นกายเหม็นอับ
“กะ แกคิด แกคิดจะทำบ้าอะไร?”
ชายที่ชักมีดขึ้นมาขู่ถามเสียงสั่น
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนถูกคุกคามมานาน เธอดิ้นรนและกรีดร้อง “ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย...”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นแหบแห้งจากการร้องไห้ แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเธอถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมมากแค่ไหน
หลังจากลัวหมิงเห็นทุกอย่างในคลังสินค้า เขาก็หันกลับมาโดยไม่รู้ตัวแล้วยกมือขึ้น เพื่อส่งสัญญาณให้หลานทั้งสองรออยู่ในรถ ไม่ต้องลงมา หลังจากนั้นก็หันกลับมาแล้วพูดด้วยความโกรธว่า
“พวกแก พวกแกมันต่ำช้าที่สุด!”
“พวกแกมันเลวยันสันดาน”
ชายถือมีดตอบกลับด้วยความโกรธเช่นกัน
“นี่มันวันสิ้นโลก วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ ถ้าจะโกรธก็โกรธโลกเฮงซวยใบนี้ซะ! ไม่ต้องมาด่าพวกเรา!”
“เอาล่ะ!”
เฉินเทียนเซิงขี้เกียจฟังเรื่องไร้สาระของคนพวกนี้แล้ว
ในชั่วพริบตา เขาก็วาร์ปไปอยู่ตรงหน้าชายคนนั้น ก่อนจับข้อมือของเขาแล้วบีบอย่างแรง
“โอ๊ย!”
“กึก ป๊อก”
กระดูกข้อมือของเขาแตกละเอียด มีดในมือร่วงหล่นลงบนพื้น
ชายที่อยู่ข้าง ๆ ตื่นตระหนกจนแทบไร้สติ ก่อนหันหน้าไปมาเพื่อหาทางหนี แต่เฉินเทียนเซิงไม่ปล่อยไว้ รีบคว้ามีดที่หล่นอยู่ แล้วขว้างออกไป จนปลายมีดแทงเข้าตรงกลางหลังของชายคนนั้นและล้มลง
“แก แกมันไม่ใช่คน แกมัน... โอ๊ย!”
ขณะที่ชายคนนั้นกัดฟันพูดด้วยความเจ็บปวด เฉินเทียนเซิงก็เข้าไปเหยียบหลังของเขา
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หนีไปไหนหลังจากได้รับการช่วยเหลือ เธอยังคงกรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้งต่อไป
“ฉันเป็นคนดูแลคลังสินค้าที่นี่ ถ้าคุณช่วยจัดการคนพวกนี้ ฉันจะยกคลังสินค้านี้ให้”
“เยี่ยม!”
ต่อยอีกครั้ง
ด้วยการชกเพียงครั้งเดียว จมูกของชายคนนั้นยุบลงทันที แต่กะโหลกภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่นานเลือดก็ไหลออกมาจากจมูกและปาก ก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นคนที่ขืนใจตัวเองจบชีวิตลง เธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นแล้วร้องไห้
ลัวหมิงรีบวิ่งเข้ามา ก่อนถอดชุดเอี๊ยมของตัวเองออก แล้วสวมให้ผู้หญิงคนนั้น
“ไม่เป็นไรแล้วนะแม่หนู ทุกอย่างจบลงแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ดังกว่าเดิม คร่ำครวญด้วยเสียงแหบแห้ง แสดงถึงความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับ
ลัวหลงและลัวเฟิงตกใจมากเมื่อเห็นสภาพด้านใน ไม่เพียงแต่ผู้หญิงจำนวนมากที่ถูกคุมขัง แต่ยังมีศพถึง 7 หรือ 8 ศพกองอยู่ตรงมุมห้อง คาดว่าทุกศพน่าจะถูกขวานสับจนตาย
“คนพวกนี้สมควรตายแล้วจริง ๆ”
ลัวหลงตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ขณะที่ลัวเฟิงเข้าไปช่วยผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ข้างใน
เฉินเทียนเซิงสัมผัสได้ถึงความขมขื่นที่ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับ เขารู้ดีว่ามันสิ้นหวังมากแค่ไหน
สำหรับลัวหมิงแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ชอบภาพอะไรแบบนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในวันสิ้นโลกมากยิ่งขึ้น
เขาหันหลังกลับแล้วเดินออกไป เดินมาถึงรถบรรทุกที่จะส่งของไปยังทางตะวันออก ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่