บทที่ 15 อย่าให้ถูกจับได้
บทที่ 15
อย่าให้ถูกจับได้
ท้ายที่สุด อวี้ซีหยวนตัดใจนำหยกโลหิตคืนกลับให้ ลั่วจ้านชิงโดยตรง ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหยกโลหิตชิ้นนั้นดูเหมือนจะถือกำเนิดขึ้นพร้อมด้วยปัญญาในตน มันลอยวนอยู่กลางอากาศเช่นนั้น แล้วย้อนกลับไปอยู่ในฝ่ามือของอวี้ซีหยวนตามเดิม
“นี่...”
ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองตื่นตระหนก
ในไม่ช้า ลั่วจ้านชิงก็ตอบสนองกับเหตุการณ์นั้น ก่อนแค่นเสียงเป็นเชิงเยาะเย้ย “แม่นางอวี้ หยกโลหิตชิ้นนี้คงจดจำได้กระมังว่าเจ้าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน เช่นนั้นรบกวนแม่นางอวี้กอบกู้สถานการณ์ทั้งหมดด้วย”
หลังจากนั้น ลั่วจ้านชิงสะบัดชายแขนเสื้อของเขา แล้ววางขวดโหลขนาดเล็กไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินจากไป
อวี้ซีหยวนเดินไปเปิดจุกขวดออกเพื่อดมกลิ่น พบว่าสารที่อยู่ภายในคือน้ำค้างมวลบุปผา
นี่คือ... การบีบบังคับนางให้ตกอยู่ในสภาวะจำยอมสินะ
จุ๊ๆๆ องค์ชายรัชทายาทผู้นี้ช่างมากเล่ห์กลเสียจริง ถึงกระนั้นน้ำค้างมวลบุปผาเป็นสิ่งที่เสาะหาได้ยากยิ่งนัก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมุนไพรหลักในการขับล้างพิษ หากพลาดโอกาสนี้ไป ภายภาคหน้าเห็นทีอาจไม่สามารถเสาะหาพบได้อีก
เช่นนั้น ยอมตกปากรับคำก็ได้
หากฐานการฝึกตนของนางได้รับการฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาพเดิม ไม่แน่ว่านางอาจพลิกชะตากรรมของแว่นแคว้นก็เป็นได้
ครั้นคิดได้เช่นนั้น อวี้ซีหยวนจึงเก็บขวดบรรลุน้ำค้างมวลบุปผาลงในกระเป๋าเสื้อของตนแล้วเดินจากไป
และเมื่อนางปรากฏตัวอีกครั้ง องครักษ์เงาก็รีบรายงานความเคลื่อนไหวให้ลั่วจ้านชิงทราบโดยตรง “คุณหนูอวี้และคุณหนูรองอวี้ลอบปลอมตัวออกไปจากเขตพระตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าจงติดตามพวกนางไปอย่างใกล้ชิด หากพวกนางได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย...”
ไม่จำเป็นต้องรอให้ลั่วจ้านชิงกล่าวไปมากกว่านี้ พวกเขาล้วนรู้ดีว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร จึงคำนับรับคำสั่งจากเขาทันที แล้วอันตรธานหายตัวไปจากตรงหน้าของลั่วจ้านชิง
ชีวิตของอวี้ซีหยวนอาจไม่มีค่ามากมายถึงเพียงนั้น แต่ตราบใดที่นางเกี่ยวพันกับองค์ชาย ย่อมต้องปกป้องไว้ยิ่งชีพ...
เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่อวี้ซีหยวนมาเกิดใหม่ในโลกนี้ ก่อนหน้านี้นางดั้นด้นเอาชีวิตรอดอยู่ในป่า และตอนนี้นางพำนักอยู่ภายในวัดเซียวเหยา นางช่วยเหลืออวี้ซินหรานพัฒนาร่างกายอยู่เสมอ ทว่าร่างกายของนางเองกลับไม่ได้รับการใส่ใจดูแลเท่าที่ควร
ไม่ใช่ว่าตัวนางไม่สนใจไยดี ทว่าสภาพร่างกายของนางนับว่าอยู่ในขั้นรุนแรง มีพิษสะสมอยู่ในจุดตันเถียนของนางมาตั้งแต่แรกเกิด ทำให้สมุนไพรหรือตัวยาที่นางต้องการใช้ขับพิษยิ่งเสาะหาได้ยากเข้าไปใหญ่
ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมรับความล่าช้าเท่านั้น
อวี้ซีหยวนสวมหมวกไม้ไผ่ ให้ส่วนปลายของปีกหมวกตกลงมาปิดบังใบหน้าเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครจดจำนางได้เมื่อนางต้องการหลบหนีออกไปด้านนอก
“พี่สาว เหตุใดพวกเราจึงต้องหลบหนีออกมาเช่นนี้ด้วยเจ้าคะ?”
อวี้ซีหยวนเลิกคิ้ว ย่นจมูกพร้อมกล่าวว่า “หากเจ้าไม่หาสิ่งใดมาปิดบังใบหน้าของเจ้าไว้จนมีใครมาพบเข้า เจ้าต้องการให้ไป๋ตู้รั่วพาตัวเจ้ากลับไปยังจวนท่านแม่ทัพงั้นรึ?”
เมื่ออวี้ซินหรานได้ยินสิ่งนี้ นางรีบส่ายหน้ารัวทันที
“ข้าไม่อยากถูกจับ หากข้าถูกคนเหล่านั้นจับไปอีกครั้ง นับจากนี้ข้าจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร” อวี้ซินหรานหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวกับอวี้ซีหยวนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่สาว ข้าว่าองค์ชายรัชทายาทเป็นคนดีทีเดียว อย่างน้อยเขาก็ไม่ดุด่าหรือทุบตีพวกเราเพียงเพราะฐานการฝึกตนของพวกเราไม่ดี!”
มุมปากของอวี้ซีหยวนกระตุกเล็กน้อย นางไม่ตอบกลับแต่อย่างใด
อวี้ซินหรานยังเป็นเด็กไร้เดียงสา คิดเพียงว่าตราบใดที่มีคนมาคอยทำดีกับตน ก็นับคนผู้นั้นว่าเป็นคนดี
ตรงข้ามกับมุมมองแห่งความเป็นจริง องค์ชายรัชทายาทยินดีให้ที่พักอาศัย รวมถึงอาหารการกินแก่พวกนางไม่ได้ขาด ทว่าอวี้ซีหยวนสัมผัสได้ถึงความชิงชังรังเกียจจากลั่วจ้านชิงที่มีต่อนาง การที่เขายังรักษาชีวิตของนางไว้นั่นก็เพราะผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง เป็นเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมดหรืออย่างไร?
“ซินหราน เจ้าเคยออกจากจวนไปเที่ยวเล่นมาก่อนหรือไม่?”
“ไม่ คนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยให้ข้าออกไป”
“เช่นนั้นพี่สาวจะพาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย เจ้าอยากไปไหนล่ะ?”
“อืม... พี่สาว ข้าอยากกินขนมกุ้ยฮวา*”
(*ขนมกุ้ยฮวา = จีนเรียก กุ้ยหัวเกา (桂花糕) ขนมดอกกุ้ย หรือ ขนมดอกหอมหมื่นลี้ เป็นขนมดั้งเดิมประเภทหนึ่งของจีน ทำจากแป้งข้าวเหนียว ดอกหอมหมื่นลี้ และน้ำตาล ลักษณะคล้ายๆ กับเจลลี่ นิยมทานพร้อมชาร้อน)
อวี้ซีหยวนมองตามการชี้นิ้วของอวี้ซินหราน แน่นอนว่ามีขนมนานาชนิดเรียงรายอยู่เต็มแผง อวี้ซีหยวนจึงเดินปรี่เข้าไปเลือกพร้อมกับหยิบออกมาหลายชิ้น แล้วนำมาให้กับอวี้ซินหราน
แต่นางกลับไม่ยอมจ่ายเงิน หันหลังเดินออกจากแผงร้านค้าไปทันที