บทที่ 14 ตบหัวแล้วลูบหลัง
บทที่ 14
ตบหัวแล้วลูบหลัง
ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวจบ ก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่วางลงบนฝ่ามือของตนเองคือหยกโลหิตซึ่งเต็มไปด้วยสีแดงฉาน
อวี้ซีหยวนมองไปที่จี้หยกซึ่งอยู่ตรงหน้า โลหิตสีแดงสดภายในจี้หยกนั้นหมุนวนเร็วขึ้นทุกขณะภายใต้สายตาของนางที่กำลังจับจ้อง พร้อมกันกับลวดลายบนจี้หยกที่เรืองแสงเป็นแสงสีทองจาง ๆ ดูศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยิ่ง
อวี้ซีหยวนสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนของนางกับหยกโลหิตนั้น ในเวลานี้การหมุนวนของมันยิ่งเข้มข้นขึ้น กระแสจิตแทรกซึมเข้าไปในหยกโลหิต กระทั่งสัมผัสได้ถึงหมอกหนาทึบไร้ที่สิ้นสุด พื้นที่ภายในมีขนาดใหญ่มาก ทว่านางไม่สามารถมองทะลุหมอกเข้าไปได้ มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น
อวี้ซีหยวนถอนกระแสจิตของตนกลับคืน ก่อนหยิบมันขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ของเจ้า”
“โอ้? องค์ชายรัชทายาท นี่คือการคืนสิ่งของให้กับเจ้าของเดิม หรือว่า... มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกันแน่?”
ลั่วจ้านชิงเชิดปลายคางขึ้น มองไปที่อวี้ซีหยวน เห็นได้ชัดว่าสีหน้าและท่าทางของเขาปราศจากการแสดงออกใด ๆ แต่กลับทำให้อวี้ซีหยวนรู้สึกกดดันยิ่ง
ฉับพลันนางจดจำสิ่งที่ตนกระทำกับเขาก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที พร้อมกันกับที่นางเบือนหน้าหลบสายตาของเขา อวี้ซีหยวนเหลือบมองหยกโลหิตในมืออีกครั้ง แล้วขว้างกลับไปหาเขาในลักษณะเดียวกันโดยไม่มีร่องรอยของความอาลัยอาวรณ์แม้สักนิด
“ไม่สนใจ”
หลังจากเอ่ยออกสามคำแล้ว อวี้ซีหยวนก็ขยับเท้าไปทางซ้าย เตรียมจะเดินจากไปอีกครั้ง
ถึงอย่างไรธุระส่วนตัวของนางย่อมสำคัญกว่า เป้าหมายหลักคือนางต้องฝึกฝนจนบรรลุไปสู่แดนเทพให้จงได้ แล้วสังหารฆาตกรทั้งหมดที่ยังลอยนวลอยู่ในสำนักผนึกสวรรค์เสีย!
หากหยกโลหิตถ่วงเวลาทำให้แผนการเดิมของนางล่าช้า อวี้ซีหยวนยอมสละหยกโลหิตไปเสียดีกว่าจมลงสู่บ่อโคลน
การเปรียบเทียบข้อดีและเสียเป็นนิสัยของอวี้ซีหยวนมาโดยตลอด การตายโดยไม่ให้เป็นที่จดจำก็เป็นนิสัยของอวี้ซีหยวนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทุกย่างก้าวที่นางจะเดินจากไป มี ลั่วจ้านชิงคอยดักขวางอยู่ข้างหน้าตลอดเวลา ทำให้นางไม่สามารถผ่านออกไปได้โดยง่าย
ความเร็วของคนทั้งสองนับว่าไล่เลี่ยกัน เป็นการยากที่จะตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ
“องค์ชายรัชทายาท ท่านต้องการอะไรกันแน่?!”
ลั่วจ้านชิงเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเขาสดใสน่ามองประหนึ่งสายลมฤดูใบไม้ผลิ ท่าทางเหมือนองค์ชายที่สง่างามเฉกเช่นที่ควรเป็น ทว่าถ้อยคำที่ออกจากปากเขานั้นน่ารำคาญนัก
“พระตำหนักแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแห่งเดียวสำหรับแม่นางอวี้ในรัฐจื่ออวิ๋น ข้ารู้ว่าแม่นางอวี้มีความสามารถ แต่... น้องสาวของเจ้าล่ะ?”
สีหน้าของอวี้ซีหยวนแข็งกระด้างทันที
ชายผู้นี้ไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างแท้จริง ถึงขั้นหยิบยก ซินหรานมาข่มขู่ข้าเชียวรึ
ทว่าสิ่งที่เขากล่าวมาก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว ร่างกายของ อวี้ซินหรานยังคงอ่อนแอ หลังจากที่อวี้ซีหยวนช่วยนางขับพิษออกจากเส้นลมปราณแล้ว อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่นางจะฟื้นตัว ซึ่งนางไม่ควรเผชิญกับข้อผิดพลาดใด ๆ ก็ตามในช่วงเวลานี้
“ความจริงแล้วข้าเองก็ไม่ต้องการรับรองเจ้าให้อยู่ในตำหนักแห่งนี้นานนัก แต่จำต้องยึดถือสถานการณ์โดยรวมเป็นสำคัญ เจ้าแห่งหยกโลหิต ข้ายินดีขับล้างสารพิษในกายของเจ้า เผื่อว่าใบหน้าของเจ้าจะดูน่ามองขึ้นมาหน่อย!”
อวี้ซีหยวนจึงกลับมามีสติอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้น มองไปยังลั่วจ้านชิงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ปรากฏว่าเขารู้ว่าร่างกายของนางถูกวางยาพิษหรือนี่?
แต่ว่า...
ลั่วจ้านชิงสามารถมองเห็นข้อบกพร่องในชั้นนี้ หมายความว่าเขาคิดไปอีกทางว่าอวี้ซีหยวนเพียงต้องการล้างพิษและขจัดพิษบนใบหน้าให้หมดจด แต่เขายังไม่รู้ว่าพิษนั้นปิดกั้นอยู่ภายในจุดตันเถียนของนางต่างหาก ตราบใดที่ขับพิษสำเร็จ นางก็จะทำการฝึกตนได้
ถึงกระนั้น... นั่นก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ?
ไม่ว่าเขาจะคาดเดาไปในทางใด ถึงอย่างไรอวี้ซีหยวนก็สามารถบรรลุจุดประสงค์ของตนได้เช่นเดียวกัน
อวี้ซีหยวนเลิกคิ้ว “แล้วองค์ชายรัชทายาทต้องการสิ่งใด? ตบหัวข้าแล้วลูบหลังปลอบใจ หวังให้ข้ายอมอยู่กับท่านแต่โดยดีอย่างนั้นรึ?”
ลั่วจ้านชิงไม่ตอบ เขายืนหลังตรง ไพล่มือไว้ข้างหลังข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหยิบจี้หยกออกมาแล้วยื่นให้กับอวี้ซีหยวน
“ข้าต้องการให้เจ้าแห่งหยกโลหิตรับผิดชอบกับผลพวงเกี่ยวข้องที่อาจตามมา ข้ายินดีมอบสิ่งตอบแทนให้กับเจ้าแห่งหยกโลหิต หากเจ้าแห่งหยกโลหิตเต็มใจช่วยเหลือเรา”
ควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่นา?
อวี้ซีหยวนขมวดคิ้ว นางไม่สามารถทำเรื่องพรรค์นั้นได้จริง ๆ
“ท่านหลอกล่อข้าไม่สำเร็จ นำหยกโลหิตชิ้นนี้คืนไปเถิด”