บทที่ 12 : เพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่า (2)
บทที่ 12 : เพิ่มอัตราเติบโตเป็นสองเท่า (2)
เช้าสายๆ ณ ยิมแกร่ง
ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ เทรนเนอร์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้กำลังงีบหลับอยู่
ขณะเดียวกัน มันก็มีสมาชิกเพียงคนเดียวที่ออกกำลังกายอยู่
“ฮึบ- ฮึบ-”
ชายคนนี้กำลังทำท่าสควอทขณะถือบาร์เบลที่หนักกว่า 100 กิโลกรัมบนไหล่ เสียงลมหายใจของเขาดังก้องไปทั่วยิม
บาร์เบลนั้นใหญ่เกินไปสำหรับชายรูปร่างผอมแบบเขา
เมื่อเขาทำไปถึงครั้งที่สาม ต้นขาของชายคนนั้นก็เริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขาจะสามารถล้มลงได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หมายเลข 1 ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้และยังคงออกกำลังกายต่อไป
ร่างของเขาสั่นคลอนราวกับว่าเขาจะไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่แล้วเขาก็ยังคงลุกขึ้นไดและทำต่อไปจนครบห้าครั้ง
เมื่อเขาวางบาร์เบลลงกับพื้น เขาก็มองโทรศัพท์ที่วางอยู่อีกด้านหนึ่ง
มีวิดีโอกำลังเล่นอยู่บนหน้าจอ มันคือวิดีโอชายรูปร่างดีคนหนึ่งที่กำลังทำท่าสควอตเหมือนกับที่หมายเลข 1 ทำ
น้ำหนักบาร์เบลที่ชายคนนั้นยกอยู่ก็คือ 100 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างชายคนนั้นกับหมายเลข 1 ก็คือชายคนนี้มีร่างกายที่ใหญ่เทอะทะ หรือพูดง่ายๆ เขาก็คือนักเพาะกาย
ใช่แล้ว!
หมายเลข 1 ใช้พลังได้เพียง 50% ของความสามารถของซังวู แต่เมื่อซังวูสั่งให้เขาทำตามท่าออกกำลังกายในวิดีโอ หมายเลข 1 ก็ได้ออกกำลังกายในขณะที่มันเกินขีดจำกัดของสิ่งที่เขาสามารถยกได้ไปมาก
ต้องขอบคุณทัศนคติในการทำตามคำสั่งอย่างไม่ปริปากบ่น หมายเลข 1 จึงได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะซังวูไม่ได้คาดคิดถึงสิ่งนี้ และผลที่ตามมาก็คือหมายเลข 1 พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ใช้การเติบโตของกล้ามเนื้อของเขาเองก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก
ไม่นาน ชายในวิดีโอก็หยิบดัมเบลน้ำหนัก 30 กิโลกรัมขึ้นมาสองอันและเริ่มใช้มันออกกำลังกาย
เมื่อชายคนนั้นเริ่มออกกำลังกาย หมายเลข 1 ก็หยิบดัมเบลหนัก 30 กิโลกรัมขึ้นมาและเริ่มทำตาม ร่างกายของเขาสั่นเทาไปหมด ราวกับว่าแม้แต่การถือดัมเบลขนาด 30 กิโลกรัมก็ยังมากเกินไป
เส้นเลือดทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนกับกำลังจะระเบิด
วันนี้เป็นอีกครั้งที่หมายเลข 1 กำลังผลักดันตัวเองจนถึงขีดจำกัดเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายที่รัก..
* * *
ในขณะเดียวกัน ณ 'ไฮเปอร์ยิม' ซึ่งเป็นโรงยิมสอนศิลปะการต่อสู้แบบครบวงจร
ภายในมีห้องออกกำลังกายซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก มันถูกตกแต่งโดยฟูกที่ทำมาจากวัสดุแข็งแต่ก็อ่อนนุ่ม นั่นรวมถึงพื้นและผนังเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
ในมุมหนึ่งของห้องซ้อม ชายวัย 30 กลางกำลังยืนถือกระบองไม้อยู่ในมือแต่ละข้าง ขณะนี้ เขากำลังถูกล้อมรอบโดยชายสี่คนที่ถือดาบไม้ การโจมตีของชายทั้งสี่พุ่งตรงเข้ามาโดยมีเขาเป็นเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถหลบมันได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
ทุกคนประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวที่พริ้วราวกับสายลมของเขา
“ว้าว มันบ้าไปแล้ว”
“สมแล้วที่เป็นฮันเตอร์แรงค์ D”
ในขณะที่ผู้คนกำลังมุ่งความสนใจไปที่เขา ณ มุมหนึ่ง ความร้อนระอุก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ฉากตรงจุดนี้ก็ดูไม่ค่อยน่าอภิรมณ์เท่าไหร่นัก
“เอาล่ะ วิ่งเร็ว! ยังช้าเกินไป! นั่นแหละ! เยี่ยมมาก! คราวนี้ไปทางขวา!”
ซังวูกำลังกลิ้งไปมารอบๆ ตามคำสั่งของโค้ชลีจงฮุน
เขากำลังกลิ้งอย่างแท้จริง!
“ฮะ ฮะ รอเดี๋ยวก่อน!”
เมื่อซังวูยกมือขึ้นและบอกขอหยุดพัก โค้ชก็หยุดเพียงเท่านั้น
“ไม่นะคุณซังวู มอนสเตอร์กำลังวิ่งไล่ตามคุณอยู่ คุณจะบอกให้พวกมันหยุดได้อย่างงั้นหรอ? การฝึกจะไม่มีความหมายหากคุณเอาแต่หยุดพักแบบนี้นะ จงผลักดันตัวเองให้ถึงขีดจำกัดสิ! คุณต้องผลักดันตัวเองให้เติบโตขึ้น!”
ลีจงฮุนพูดพร้อมกับตบกล้ามแขนอันใหญ่โตของเขา เขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสอน
“ผมเข้าใจ แต่โค้ช.. ฉันยังมีงานหนักรอผมอยู่ เราค่อยมาเริ่มกันพรุ่งนี้ได้ไหม? จริงๆ ผมมาวันนี้ก็เพราะอยากทราบว่ามีการฝึกแบบไหนบ้าง”
“ผมยังต้องการจะฝึกอย่างอื่นนอกเหนือจากทักษะการกลิ้งหลบพวกนี้ด้วย”
“ยังมีอย่างอื่นอีกก็จริง แต่คุณซังวูครับ.. แค่เพราะทักษะโจมตีที่คุณเห็นตรงนั้นมันดูฉูดฉาดและเท่ และมันก็ได้รับความนิยมก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าทักษะการหลบหลีกนี้จะไม่จำเป็น สิ่งนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตคุณซังวูในชีวิตจริง ดังนั้นโปรดอย่าละเลยมันเลย...”
ซังวูรู้สึกหงุดหงิดกับความชอบธรรมของโค้ชที่ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของเขา
“ผมรู้แล้ว โอเค งั้นเรามาเริ่มกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเลย แต่ก่อนอื่นเลย วันนี้ช่วยแสดงการฝึกทั้งหมดที่มีให้ผมเห็นหน่อยได้ไหม”
ในที่สุด สีหน้าของลีจงฮุนก็แข็งกระด้างและทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“เอาล่ะ ผมจะบอกคุณตามเท่าที่คุณต้องการเลย ไว้เราค่อยมาเริ่มฝึกกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทำงานหนักให้เหมือนลูกผู้ชาย!”
“ใช่แล้ว”
น้ำเสียงของซังวูฟังดูเหมือนมันไม่สำคัญอะไรเลย
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คนที่จะมาฝึกที่นี่ก็คือร่างโคลนของเขา
ในวันนั้น ซังวูได้รับประสบการณ์การฝึกส่วนใหญ่ที่มีสอนในยิมแล้ว นั่นรวมถึงยูโด, มวยปล้ำ, ยิมนาสติกศิลป์, ปากัวและอื่นๆ
หลังจากฝึกเสร็จก็เวลา 19.00 น.
ซังวูหมดแรง
' เป็นเพราะฉันใช้กล้ามเนื้อแบบที่ไม่เคยใช้มาก่อนรึเปล่านะ? 'ฉันกำลังจะตายตั้งแต่วันแรกที่ฝึกเลยอย่างงั้นหรอเนี่ย?'
เขาเติมอาหารลงท้องด้วยแฮมเบอร์เกอร์จานด่วนที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปที่สถาบันหายใจมานา
[ สถาบันหายใจมานา ]
ในอดีต เมื่อคุณนึกถึงการหายใจหรือการทำสมาธิ คุณก็อาจนึกถึงภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องของศาสนาหรือไม่ก็ 'คุณรู้จักเต๋าไหม'
แต่สถาบันหายใจมานานั้นแตกต่างออกไป
'ฉันคิดว่ามันเป็นร้านกาแฟซะอีกในตอนที่ฉันมาเมื่อวานนี้'
ที่นี่มีการออกแบบที่ทันสมัยและซับซ้อน มันเป็นการผสมผสานระหว่างสีขาวและสีดำ โซฟาทำมาจากวัสดุที่นุ่ม และห้องส่วนตัวที่แบ่งออกเป็นห้องๆ ก็มีแม้กระทั่งเสียงดนตรีเบาๆ ดังบรรเลงอยู่ภายใน มันสร้างบรรยากาศที่ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น
เมื่อเข้ามาข้างใน เขาก็ได้ทำการตรวจสอบสั้นๆ ว่าเป็นสมาชิกจริงหรือไม่ และได้รับเชิญไปที่ห้องส่วนตัวในทันที
' มันเงียบจริงๆ นี่มันกันเสียงด้วยไหมนะ?'
เราต้องรอประมาณ 10 นาทีในห้องส่วนตัวเล็กๆ แต่มันก็อบอุ่นสบาย มันมีทั้งเตียง โซฟาและโต๊ะตัวเล็ก
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ครูฝึกชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อพัคบงฮุน”
“สวัสดีอาจารย์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เอาล่ะ ดูจากประวัติของคุณแล้ว วันนี้เป็นครั้งแรกของคุณจองซังวูสินะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมจะอธิบายเกี่ยวกับการหายใจมานาอย่างละเอียดให้ฟังตั้งแต่ต้นก็แล้วกันนะครับ”
การบรรยายแบบ 1:1 ดำเนินไปอย่างสบายๆ เช่นเดียวกับสไตล์การพูดของเขา
“ในตอนนี้ ก่อนอื่น โปรดอยู่ในท่าทางที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับคุณ”
“ผมนอนได้ไหมครับ?”
“แน่นอนครับ คุณสามารถนอนลงได้เลย ฮ่าๆ ผ่อนคลายเข้าไว้นะครับ ใช่แล้ว ทำใจให้สบาย แล้วหลับตาลง ประการแรก พื้นฐานคือการรู้สึกถึงมานาที่มีอยู่ในตัวคุณ หากคุณมีสกิล คุณก็สามารถนึกถึงความรู้สึกที่คุณได้รับเมื่อใช้สกิลนั้นก็ได้”
'ความรู้สึกของการใช้สกิล?'
ซังวูพยายามรู้สึกถึงพลังที่หมดลงเมื่อเขาใช้สกิลร่างโคลน มันเป็นความรู้สึกคล้ายๆ กับการถูกจั๊กจี้
“สมาชิกซังวู คุณรู้สึกอะไรไหม?”
“ไม่เลย ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในตอนนั้น แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ต้องใจร้อน สมาชิกส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มันไม่มีกรณีที่ทำได้ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพราะงั้นทำตัวสบายๆ และรู้สึกถึงมานา ให้ผมช่วยคุณนะ โปรดยื่นมือมาหน่อยครับ”
เมื่อซังวูยื่นมือขวาออกมา พัคบงฮุนก็เปิดฝ่ามือของเขาและวางลงบนมือขวาของซังวู และหลังจากนั้นไม่นาน ซังวูก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างจั๊กจี้บนฝ่ามือของเขา
“โอ้โอ้! ผมรู้สึกได้แล้ว”
“นี่คือมานา อย่าลืมความรู้สึกนี้และไตร่ตรองความรู้สึกนี้อยู่เสมอ หากคุณสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกนี้ภายในตัวเองได้แล้ว นั่นก็แสดงว่าคุณได้เรียนรู้การหายใจมานาถึงครึ่งทางแล้ว หากคุณไม่รู้สึก คุณก็แค่ต้องลองพยายามอย่างช้าๆ”
ในท้ายที่สุด วันนี้ก็จบลงโดยที่ซังวูไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรได้เลย
' โอ้ นี่เป็นเรื่องยากเลยแฮะ'
เขาผิดหวังกับผลลัพธ์ แต่พัคบงฮุนก็ยิ้มและให้กำลังใจเขา
“คุณทำได้ดีแล้ว อย่าใจร้อน ฝึกฝนอย่างมั่นคงแล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ”
“ครับผม ขอบคุณมากครับ”
อ้า
สถาบันหายใจมานาซึ่งมีค่าสอน 500,000 วอนต่อเดือน มีชั้นเรียนแค่ 4 ครั้งต่อสัปดาห์
* * *
เช้าสาย
ซังวูซึ่งนอนหลับสนิทก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและความปรารถนา ราวกับเด็กกำลังจะไปทัศนศึกษา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานะพลังชีวิตของเขา แต่มันก็ยังเป็นเพราะความตื่นเต้นและความคาดหวังที่มีต่อตัวเองด้วย
สิ่งแรกที่เขาทำทันทีที่ลืมตาขึ้นคือคำนวณค่าสถานะของเขา
'หน้าต่างค่าสถานะ'
───────────────
[ จองซังวู ]
[ ค่าสถานะ ]
• ความแข็งแกร่ง: 0.729 → 0.732
• ความว่องไว: 0.517 → 0.518
• แรงกาย: 0.677 → 0.679
• ความอดทน: 0.561 → 0.563
มานา: 0.137
• พลังชีวิต: 0.311 → 0.312
───────────────
' ว้าว ฉันได้รับค่าสถานะกี่ค่าสถานะกันเนี่ยภายในหนึ่งวัน?'
ค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมา 0.003, ความว่องไว 0.001, แรงกาย 0.002, ความอดทน 0.002 และพลังชีวิต 0.001
ฉันเพิ่มค่าสถานะ 0.009 มาได้ภายในวันเดียว!
'อัตราการเติบโตนี่มันบ้าไปแล้ว'
เมื่อวาน ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันโชคดีแล้วสามารถเพิ่มค่าสถานะขึ้นมาได้มากขนาดนั้น แต่ถ้าฉันสามารถเพิ่มได้ 0.009 ต่อวันเหมือนอย่างวันนี้ ฉันก็จะสามารถเพิ่มค่าสถานะของฉันได้ 3.285 แต้มในหนึ่งปี
นี่เป็นอัตราการเติบโตอันมหาศาลที่ท้าทายความเชื่อในโลกของฮันเตอร์โดยตรง
มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะทะลุ 1 ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยของฮันเตอร์แรงค์ E และขีดจำกัดของมนุษย์
“ฮ่าฮ่า รอฉันก่อนนะแรงค์ S”
ซังวูเสร็จสิ้นการตรวจสอบอย่างมีความสุข จากนั้นฉันก็เปิดสมาร์ทโฟน
มีข้อความมากมายพร้อมกับสายที่ไม่ได้รับ
-[คยองโด]: วันนี้นายไม่มาเรียนหรอ?
-[คยองโด]: นายมีแฟนแล้วหรอ?
-[คยองโด]: ฉันจะกินข้าวกับใคร?
-[คยองโด]: เฮ้ ตื่นมากินข้าวเที่ยงด้วยกันเถอะ
ดูเหมือนว่าซังวูจะต้องจัดตารางเรียนใหม่ในวันนี้
' อ่า มันน่ารำคาญจริงที่ต้องไปโรงเรียน’
เนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะเป็นฮันเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์จึงไม่ได้อยู่ในใจของเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ซังวูก็ยังตั้งใจที่จะไปเรียน
' สำหรับการล่า ฉันก็แค่ต้องส่งร่างโคลนไป ฉันสามารถสนุกกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยและได้รับปริญญามาได้ เหนือสิ่งอื่นใด ฉันต้องการจัดระบบวิธีการควบคุมร่างโคลนโดยประยุกค์ใช้จากการเขียนโค้ด'
ในความเป็นจริง เมื่อเขาออกคำสั่งให้กับร่างโคลนทั้งในใจและทางวาจา เขาก็มักจะพบว่าพวกมันไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างถูกต้อง ราวกับว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในขณะที่โปรแกรมกำลังทำงานอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป
' ฉันยังอยู่ปีสองเท่านั้น ดังนั้นฉันควรศึกษาการเขียนโปรแกรม อัลกอริธึมและการเขียนโค้ดอย่างหนักต่อไป'
หากระบบคำสั่งถูกสร้างขึ้นตามที่ซังวูจินตนาการ จำนวนข้อผิดพลาดที่ 'ร่างโคลน' จะทำก็จะลดลงอย่างมาก
' หรือเมื่อเลเวลสกิลเพิ่มขึ้นแล้ว แล้วพวกมันจะฉลาดขึ้นมาเอง?’
ขณะที่เขากำลังดูสมาร์ทโฟนและคิดถึงแผนการต่างๆ สำหรับอนาคต เขาก็เห็นข้อความใหม่ปรากฎขึ้นมา
-[ฮายอน]: สวัสดีค่ะครู ?⌒???⌒?
-[ฮายอน]: หนูขอโทษที่จู่ๆ ก็ตะคอกใส่ครูนะ ㅜㅜ
-[ฮายอน]: วันนี้หนูไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งหมดนี้ก็เพราะหนูยังทำการบ้านไม่เสร็จ...
-[ฮายอน]: ครูช่วยลดการบ้านลงหน่อยได้ไหมคะ??? ฮ่าๆ..
มันคือจางฮายอน
ซังวูประหลาดใจและดีใจมากที่เห็นว่าฮายอนส่งข้อความมาถึงเขา
ซังวูรีบตอบ
-[ซังวู]: สวัสดีฮายอน
-[ซังวู]: แน่นอนว่าไม่ได้ ทำการบ้านของเธอให้เสร็จนะ^^
ซังวูตอบกลับไปแบบขำๆ
แต่ทันทีที่เจาส่งไป มันก็มีเครื่องหมายอ่านปรากฏขึ้นในทันที และเจาก็ได้รับการตอบกลับ
-[ฮายอน]: ครูเป็นปีศาจหรอ????????
ซังวูขำกับคำตอบของอีกฝ่าย
-[ซังวู]: เธออยากโดนปีศาจตีไหม?
-[ฮายอน]: ห้ะ นี่ผู้ชายจะตีผู้หญิงหรอ??
-[ฮายอน]: น่าผิดหวังจัง...
-[ซังวู]: โอ้ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย 555
-[ซังวู]: ยังไงก็ตาม การสอบก็ใกล้จะถึงแล้ว สู้ๆ นะฮายอน
-[ฮายอน]: โอ้ไม่รู้สิ แรงบันดาลใจของหนูยังเป็นศูนย์อยู่เลย
-[ซังวู]: โอเค ถ้าอย่างนั้น หากเธอทำคะแนนสอบจำลองในครั้งนี้ได้ดี ฉันจะพาเธอไปกินเนื้อย่างก็ได้
ซังวูแนะนำการออกเดตอย่างละเอียด
'จุดประสงค์ของมันก็เพื่อจูงใจนักเรียน มันไม่ใช่เพื่อตอบสนองความชั่วร้ายในใจอะไรสักหน่อย'
ขณะที่เขากำลังรอฟังคำตอบและหัวใจเต้นแรง ฮายอนก็ตอบกลับมา
-[ฮายอน]: เนื้อหรอ? ถ้าเป็นเนื้อย่างเกาหลีก็เอาเลย!
-[ซังวู]: แน่นอน ทำคะแนนสอบให้ดีล่ะ...
ซังวูจีบฮายอนและพูดคุยกันอยู่สักพัก
เขาสนุกกับทุกช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับฮายอน
'เธอน่ารักเป็นบ้า ฉันจะตายอยู่แล้ว โอ้ ยังไงก็เถอะ ตอนนี้มันกี่โมงแล้วกัน?'
พอเขานึกได้ มันก็เลยเวลา 11 โมงไปแล้ว
วันนี้ฉันมีกำหนดจะไปล่ากระต่ายเขาเดียวกับคังจุนโมเวลา 12.00 น.
“เวรกรรม!”
เขารีบจบการสนทนากับฮายอนโดยบอกว่าเขาจะติดต่อเธอในภายหลัง จากนั้นเขาก็ทำกิจวัตรในตอนเช้า
ในครั้งนี้ ร่างโคลนที่เขาพาไปด้วยก็คือหมายเลข 2 ขณะที่หมายเลข 1 นั้นยังคงไปออกกำลังกาย
หลังจากนั้น ซังวูกับหมายเลข 2 ซึ่งสวมหมวก หน้ากากและแว่นกันแดดก็เก็บกระเป๋าอุปกรณ์ที่เขาซื้อมาเมื่อครั้งที่แล้วแล้วออกจากบ้าน
เหตุผลที่เขาพาหมายเลข 2 ไปยังพื้นที่ล่ากระต่ายเขาเดียวและเรียนรู้วิธีการล่าจากคังจุนโมนั้นก็เพราะหลังจากนี้เขาจะให้หมายเลข 2 เป็นคนออกล่า
สักพักก็มีรถคันเก่ามาจอดหน้าบ้าน
“สวัสดีครับ”
“ฮันเตอร์ซังวูอยู่ที่นี่เองหรอครับ ส่วนนั่นก็ร่างโคลนของคุณใช่ไหม?”
“ถูกต้องเลย วันนี้ผมจะพาเขาไปเรียนรู้วิธีการล่าด้วย”
“อ้อเข้าใจแล้วครับ งั้นมาเริ่มกันเลยนะครับ”
ซังวู, หมายเลข 2 และคังจุนโมขึ้นรถพร้อมกระเป๋าเดินทางและมุ่งหน้าไปทางภูเขา
กำแพงใหญ่ล้อมรอบภูเขาทั้งหมด
และสถานีรักษาความปลอดภัยที่นี่ก็ใหญ่กว่าที่ๆ เขาเคยไป
กล้องวงจรปิดและทหารลาดตระเวนถูกพบเห็นอยู่เป็นระยะๆ
“เรามาถึงแล้วครับ”
“ว้าว มันใหญ่มากเลย แต่ทำไมการรักษาความปลอดภัยถึงเข้มงวดขนาดนี้กัน?”
“ผมเดาว่าคงเป็นเพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องมอนสเตอร์หลุดน่ะครับ”
“โอ้? มอนสเตอร์หลุดหรอครับ?”