บทที่ 12 ระหว่างกินอาหารไม่ควรพูดคุย
บทที่ 12
ระหว่างกินอาหารไม่ควรพูดคุย
ดีเหมือนกัน นางก็ต้องการถามองค์ชายรัชทายาทให้คลายสงสัยว่าจุดประสงค์ที่ไว้ชีวิตนางคืออะไรแน่
ร่างกายของอวี้ซินหรานดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แม้แต่การขยับเคลื่อนไหวยังดูมีพลังมากขึ้นเล็กน้อย
ทว่าอวี้ซีหยวนยังคงมีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ไปจากเดิมนัก นางอุตส่าห์ทำความสะอาดสิวหนองและจุดกระดำกระด่างตามร่างกายและใบหน้า ทำให้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงกระนั้นก็ยังดูน่ารังเกียจสำหรับผู้อื่นอยู่ดี
อวี้ซีหยวนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องดังกล่าวมากนัก
ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของนาง พินิจมองแล้วรังเกียจก็แค่ละสายตา สำหรับผู้ที่ผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่งเช่นนาง ไม่ต้องการรักษาความสวยสดงดงามของใบหน้าอีกต่อไป
นางต้องการเพียงฟื้นฟูจุดตันเถียนของตนขึ้นมาใหม่ พยายามฝึกฝนให้เก่งกาจ แล้วหวนกลับไปแก้แค้นเท่านั้น
เมื่ออวี้ซีหยวนและอวี้ซินหรานมาถึง ลั่วจ้านชิงก็นั่งคอยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ในมือถือหนังสือไว้เล่มหนึ่งขณะก้มอ่านไปพลาง ไม่ถือสากับการที่พวกนางสองพี่น้องมาพบช้ากว่าเวลาที่เชื้อเชิญ
อวี้ซินหรานมองไปยังลั่วจ้านชิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงแขนเสื้อของอวี้ซีหยวนพร้อมกล่าวกระซิบว่า “พี่สาว องค์ชายรัชทายาทรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว”
อวี้ซีหยวนนิ่งเงียบไม่ตอบคำใด ไม่พ้นวิสัยของสตรีจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม หากพินิจลั่วจ้านชิงโดยปราศจากอคติ การแต่งกายในวันนี้ของเขาค่อนข้างดีทีเดียว วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวราวหิมะ หากอวี้ซีหยวนจำไม่ผิด ด้ายที่ปักลวดลายอยู่บนเสื้อคลุมสีหิมะทั้งหมดล้วนเป็นดิ้นทองคำ บรรยากาศโดยรอบมีความผ่อนคลาย อย่างน้อยผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่เผยสีหน้าราวเป็นเซียนที่ไม่กินอาหารของโลกมนุษย์
อวี้ซีหยวนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ส่วนอวี้ซินหรานก็คอยดึงแขนเสื้อของอวี้ซีหยวนหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้พี่สาวเห็นด้วยกับสิ่งที่นางกล่าว
อวี้ซีหยวนจนปัญญา ได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวตอบ “ใช่ ใช่ ข้าก็คิดเช่นนั้น รูปร่างหน้าตาดี ผิวก็ขาวผ่องเป็นยองใย...” นางจงใจลดระดับเสียงลงขณะกล่าวประโยคท้าย อีกฝ่ายคือเจ้าบ้าน ส่วนพวกเรามีฐานะเป็นแขกรับเชิญ การนินทาในระยะเผาขนเช่นนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก
ทันทีที่นางกล่าวจบ ลั่วจ้านชิงเหลือบมองมาทางพวกนางด้วยสายตาประหนึ่งไม่ได้ตั้งใจมอง จากนั้นจึงปิดหนังสือลง หยิบตะเกียบขึ้นมาถือไว้ โดยไม่เชื้อเชิญให้อวี้ซินหรานและน้องสาวนั่งลงแต่อย่างใด
อวี้ซีหยวนจึงถือวิสาสะนั่งลงโดยตรง
นางเลือกอาหารในจานที่เรียงรายตรงหน้าแล้วใช้ตะเกียบคีบส่งให้อวี้ซินหราน เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ในวัยกำลังโต ไม่ควรปล่อยให้นางหิวโหย
ส่วนนางกำลังรอคอยให้ลั่วจ้านชิงพูดอะไรสักอย่าง...
เจ้าแห่งหยกโลหิต คนในโชคชะตา รวมถึงจุดประสงค์ที่เขาพาตนมาที่นี่ อวี้ซีหยวนต้องการทราบคำตอบทั้งหมด
ถึงแม้นางจะไม่เห็นรายละเอียดของหยกโลหิตอย่างชัดเจน แต่ทุกครั้งที่อวี้ซีหยวนตื่นขึ้น หยกโลหิตก็มักจะปรากฏขึ้นห้วงความคิดเป็นสิ่งแรก คงเป็นเพราะกลิ่นอายเก่าแก่ที่แผ่ออกมาจากหยกโลหิตชิ้นนั้น อย่างน้อยนางก็พอรู้อยู่บ้างว่าหยกโลหิตชิ้นนั้นถูกสร้างให้มีพื้นที่เก็บสมบัติอยู่ภายใน ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับเซียน หากไม่ใช่เพราะนางไม่สามารถฝึกตนได้ในขณะนี้ นางคงส่งกระแสจิตลงไปตรวจสอบภายในหยกโลหิตชิ้นนั้นนานแล้ว
ความคิดดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะกลิ่นอายของหยกโลหิตชิ้นนั้น ให้ความรู้สึกคุ้นเคยสำหรับอวี้ซีหยวนเป็นอย่างยิ่ง
และความรู้สึกคุ้นเคยดังกล่าว ก็เพียงพอแล้วที่จะกลืนกินสติปัญญาทั้งหมด ชวนให้นางเกิดความคิดซ้ำเดิมอยู่เสมอว่าต้อง ‘ช่วงชิงมันมาให้ได้!’
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงตามหาลั่วจ้านชิงทันทีที่นางฟื้นคืนสติ
และตอนนี้นางก็ได้พบหน้าเขาแล้ว ทว่าลั่วจ้านชิงกลับจดจ่ออยู่กับการกินอาหารอย่างจริงจัง และไม่กล่าวอะไรสักคำ
อวี้ซีหยวนรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้านางแปลกประหลาดเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะโพล่งขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท นี่...”
“ระหว่างกินอาหารไม่ควรพูดคุย”
อวี้ซีหยวน “...”
ดีมาก
จนกระทั่งมื้ออาหารเสร็จสิ้น ลั่วจ้านชิงจึงเงยหน้าขึ้นจากอาหารตรงหน้า เหลือบมองอวี้ซีหยวนและอวี้ซินหราน ถึงกระนั้นก็ยังไม่คิดเอื้อนเอ่ย
อวี้ซีหยวนเข้าใจความนัยที่เขาต้องการสื่อ นางเอื้อมมือไปลูบศีรษะอวี้ซินหราน แล้วกล่าวออก “ซินหราน พี่สาวและ องค์ชายรัชทายาทมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกัน เจ้ากลับไปที่ห้องเสียก่อน รอจนกว่าข้าจะกลับไปหาเจ้า เข้าใจหรือไม่?”
อวี้ซินหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จำใจพยักหน้า “พี่สาว ท่านโปรดระวังตัวด้วย” ขณะกล่าวเช่นนั้น สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่ลั่วจ้านชิงอย่างไม่ปล่อยวาง ท่าทางเต็มไปด้วยความหาญกล้า
ช่างเป็นการกล่าวเตือนที่โจ่งแจ้งกระไรเช่นนี้