บทที่ 12 กล่องเสบียง
บทที่ 12
กล่องเสบียง
ซอมบี้ที่เดินไปมาแถวนั้น ถูกดึงดูดด้วยเสียงตะโกนและกลิ่นของมนุษย์ ทำให้พวกมันวิ่งกรูเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง
เฉินเทียนเซิงทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้ ก่อนฆ่าฝูงซอมบี้ต่อไป จนเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ เขาแหงนหน้ามองไปที่ผู้รอดชีวิตที่อาศัยในอาคารนั้นอย่างน่ากลัว
ผู้รอดชีวิตคนนั้นเห็นก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ เขาจึงหันหน้าหนีไม่กล้าพูด และไม่กล้าหันไปมองอีก
เฉินเทียนเซิงแก้มัดเข็มขัดก่อนกระโดดลงมายังพื้นถนนอีกครั้ง แล้วเข้าไปขุดเอาผลึกกลายพันธุ์
ไม่นานเพื่อนของผู้รอดชีวิตคนนั้นก็ออกมาพูดว่า
“เฮ้ เฮ้ หันมาหน่อย ขอร้องล่ะเพื่อน!”
แม้ว่าครั้งนี้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็ยังดึงดูดซอมบี้มาอยู่ดี
เขายังคงตะโกนขอความช่วยเหลือต่อไป
“จะฝ่าไปเอาเสบียงสินะ ถ้านายสะดวก ช่วยเอามาเผื่อด้วย!”
“เออ เดี๋ยวฉันไปช่วย!”
เฉินเทียนเซิงสบถเสียงดัง แต่สายเกินไปที่เขาจะปีนขึ้นบันได
พวกซอมบี้วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น หลังจากสิ้นเสียงตะโกน พวกมันก็เริ่มจู่โจม
เฉินเทียนเซิงใช้โล่ป้องกันการโจมตี จากนั้นซอมบี้ตัวอื่นก็พุ่งมาโจมตี เขาจึงใช้พลั่วฟันหัวมันกลับ
ร่างของซอมบี้ตัวนั้นล้มลงกับพื้น แต่เขายังคงฟาดฟันต่อไป สู้กับซอมบี้ตัวแล้วตัวเล่า จนกระทั่งพวกมันตายยกฝูง
“เฮ้เพื่อน นายมันฮีโร่ตัวจริง!”
ผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นตะโกนอีกครั้งทำให้พวกมันแห่กันมาเพิ่ม ซึ่งทำให้เฉินเทียนเซิงโกรธมาก เขาจึงรีบเก็บผลึกเท่าที่เก็บได้
“สุดยอดไปเลยเพื่อน ฝากเอาเสบียงมาด้วยนะ พวกเราหวังพึ่งนายอยู่”
จากนั้นเฉินเทียนเซิงก็หยิบหัวซอมบี้ตัวหนึ่งขึ้นมา แล้วขว้างไปให้ผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้น
“นี่ไง ยังอุ่น ๆ อยู่เลย!”
เฉินเทียนเซิงแม่นยำมาก เขาขว้างหัวซอมบี้ไปถึงระเบียงฝั่งนั้นพอดี พวกเขาตะโกนด้วยความตกใจ ก่อนโยนหัวซอมบี้ลงจากระเบียง แล้วตะโกนสาปแช่งเขา แต่เฉินเทียนเซิงก็ไม่อยู่แล้ว
“ถ้าไม่อยากช่วยก็ไม่ต้อง ไอ้คนเห็นแก่ตัว หนีเราเหรอ ขอให้โดนฆ่าตาย!”
เสียงตะโกนสองครั้งก่อนหน้านี้ ต่อให้เป็นเฉินเทียนเซิงก็ลำบากไม่น้อย แม้จะผ่านมาได้ แต่เขาจำเป็นต้องผละจากผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นไปก่อน เพื่อช่วยคนอื่นจากอันตราย
หลังจากที่กลุ่มผู้รอดชีวิตบนอาคารนั้นตะโกนลั่น พวกซอมบี้ที่เดินผ่านมาได้ยินก็ตอบสนอง พวกมันต่างวิ่งมารวมตัวในละแวกนั้น และยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีเฉินเทียนเซิงต้องการลอบเข้าไปเอาเสบียงอย่างเงียบ ๆ แต่ตอนนี้แผนของเขาพังไม่เป็นท่า
กล่องเสบียงลอยตกลงมายังใจกลางสวน แถวอาคารที่เฉินเทียนเซิงอาศัยอยู่ ภายในสวนเต็มไปด้วยภูเขาเทียมและอุปกรณ์ออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีพวกซอมบี้มากกว่าหนึ่งโหล
แต่ไม่มีทางเลือก เขาต้องต่อสู้กับพวกซอมบี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยอาศัยสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยในการกำจัดพวกมัน
พวกซอมบี้พากันปีนขึ้นไปบนภูเขาเทียม ไม่นานเขาก็ถูกล้อมจากทุกทิศทุกทาง เขาจึงทำได้เพียงใช้พลั่วฟาดไปมา เพื่อขวางไม่ให้พวกมันขึ้นมาได้
ขณะที่เขากำลังต่อสู้ ทุกคนในชุมชนต่างยืนดูอย่างใจจดใจจ่อ
นอกจากนี้ยังมีอันธพาลชายสองคนที่จับฉลากได้เสี่ยงออกมาเอาเสบียง
พวกเขาถูกส่งมาจากห้อง 601 ตอนนี้ทั้งสองนั่งตัวสั่นและเอาแต่ซ่อนตัว เพราะไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับพวกซอมบี้
เมื่อพวกเขาชะเง้อมองผ่านหน้าต่างของห้องหนึ่ง ก็เห็นใครบางคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในสวน
“ดูนั่นดูนั่น มีคนเสี่ยงตายออกมาเอาเสบียง แถมเขายังล่อซอมบี้มาเยอะด้วย!”
“เจ้าหมอนั่นต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ ฆ่าตัวตายชัด ๆ ต่อให้พวกเรามีอาวุธก็ไม่เข้าไปช่วยหรอก!”
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มปริศนาตรงหน้าต่อสู้กับพวกซอมบี้อย่างกล้าหาญ ทั้งสองก็นิ่งเงียบไป
“มีโล่ แล้วก็พลั่ว และสวมหน้ากากกันแก๊สอีก หรือว่าเจ้านั่นเป็นทหารรบหน่วยพิเศษ? หรือว่าเป็นหนึ่งในทีมกู้ภัย?”
“โทรศัพท์มีแบตเหลือนี่ รีบเอาออกมาอัดวิดีโอเร็วเข้า”
เมื่อทั้งสองได้ดูชายหนุ่มปริศนาฆ่าพวกซอมบี้ในขณะอัดวิดีโออยู่สักพัก ไม่นานพวกเขาก็เริ่มมีแรงบันดาลใจ
“พวกซอมบี้ไม่เห็นเท่าไหร่เลย รับมือง่ายจะตาย แบบนี้พวกเราก็ฆ่าซอมบี้ได้เหมือนกัน!”
บางทีพวกเขาอาจลืมไปว่าบางสิ่งดูง่าย แต่เวลาทำนั้นยาก ไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นทำได้ตัวเองจะทำได้
และสิ่งสำคัญที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ในแง่ของสมรรถภาพทางกายของเฉินเทียนเซิงในตอนนี้ รวมถึงความสามารถพิเศษ เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างจากเศษขยะ
พวกเขากำท่อเหล็กในมือให้มั่นคง ก่อนปลุกความกล้าหาญในหัวใจ
“มาเถอะ ออกไปฆ่าซอมบี้กัน”
ทั้งสองแสดงสีหน้ามั่นใจ ก่อนเดินออกประตูห้อง แล้วเดินไปเตะประตูที่เชื่อมกับสวนของชุมชน
“พวกเราจะช่วยนายเอง!”
เสียงตะโกนของพวกเขาดังมาก เฉินเทียนเซิงหันไปดูด้วยความตกใจ
เมื่อซอมบี้สองสามตัวได้ยิน ก็พุ่งเข้าไปหาพวกเขาทันที
ทั้งสองมีเพียงท่อเหล็กเท่านั้น คงยากที่จะใช้ป้องกันตัว
“พวกนายสองคนรีบหนีไปซะ!”
เฉินเทียนเซิงเตือนพวกเขาช้าไป เมื่อซอมบี้พุ่งเข้าไปก็ถูกท่อเหล็กฟาดเข้าที่หัว แต่หัวของมันแค่เอียงไปด้านข้างเล็กน้อย เพราะแรงของคนธรรมดา ไม่อาจฆ่าซอมบี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้
ส่วนอันธพาลอีกคนช้าไปครึ่งจังหวะ เมื่อเห็นเพื่อนล้มลงต่อหน้าต่อตา เขาก็สูญเสียความกล้าหาญทั้งหมด ก่อนหันหลังกลับเพื่อวิ่งหนี แต่ซอมบี้เคลื่อนไหวเร็วกว่า สุดท้ายเขาถูกมันกระโจนเข้ามาฉีกกระชากร่างจนเลือดนองพื้น
เฉินเทียนเซิงทำได้เพียงฟันซอมบี้ต่อไป ขณะที่สาปแช่งในใจ หลังจากเห็นชายสองคนตายไปต่อหน้าต่อตา
คนธรรมดาควรใช้ขวานในการสู้กับซอมบี้ หรือไม่ก็ใช้มีดทำครัว อย่างน้อยควรหาไม้ปลายแหลมมาป้องกันตัว คิดว่านี่เป็นการตีกันตามท้องถนนรึไง?
พวกซอมบี้ไม่รู้สึกเจ็บปวด ถ้าฆ่าพวกมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวไม่ได้ ก็มีแต่เปิดโอกาสให้ตัวเองถูกกินเท่านั้นแหละ!
“แม่ง!”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ และฟาดฟันต่อไป ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมในการกำจัดซอมบี้ ราวกับเล่นเกมตีตัวตุ่น เมื่อซอมบี้ปีนขึ้นมา เขาก็ฟาดและทุบให้พวกมันตกลงไป
หลังจากนั้นไม่นาน ซอมบี้ทั้งหมดในสวนถูกกำจัด เหลือเพียงซอมบี้สามตัวที่ยังคงกินร่างอันธพาลทั้งสอง
ตอนนี้ทั้งสองยังคงทนทุกข์ทรมาน เพราะพวกเขาต้องนอนดูตัวเองถูกกินถึง 5 นาทีเต็ม
เฉินเทียนเซิงรีบกระโดดลงจากหินแล้วรีบวิ่งไปหา ในขณะที่ซอมบี้กำลังกินเนื้อพวกเขา หนึ่งในนั้นส่งเสียงขึ้นมา
“ช่วย ฉัน ด้วย...”
“ฆ่าฉันที!”
พลั่วฟาดลงไปที่หัวคนนั้น ก่อนจะฟาดไปที่หัวอีกคน ตามด้วยซอมบี้ที่เหลือ เฉินเทียนเซิงยืนมองร่างไร้วิญญาณของทั้งสองบนพื้นที่ถูกกินจนเละไปทั้งร่างอย่างเย็นชา
“ขอให้พวกนายไปสู่สุคติ!”
พูดจบเขา ก็ใช้พลั่วฟาดซ้ำไปที่หัวพวกเขาอีกครั้ง
เนื่องจากเขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ในช่วงสิบปีเมื่อชาติที่แล้ว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันจนเขาชินชากับมันเสียแล้ว
ไม่นานเฉินเทียนเซิงหันกลับมา แล้วเริ่มรวบรวมผลึกกลายพันธุ์ ขณะเดียวกันผู้รอดชีวิตในชุมชนตามอาคารละแวกนี้ที่ยืนดูและคิดว่าเขาเป็นฮีโร่ในตอนแรก เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่เขาฆ่าคนด้วยพลั่ว ทุกคนก็เปลี่ยนความคิดไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะการฆ่าคนกันเองเป็นเรื่องที่บ้ามาก
เขาไม่ได้ฆ่าซอมบี้อย่างเดียว แต่เขายังฆ่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย!
“ไอ้เลว แกฆ่าคนของฉัน! ฉันจะฆ่าแก!”
ภายในห้อง 601 เว่ยเฉียงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างใกล้ระเบียงห้อง เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่างทั้งหมด ทั้งตกใจและหวาดกลัว แต่อีกใจหนึ่งเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ที่ต้องเสียคนของตัวเองไป
ไม่ว่าคนที่สวมหน้ากากจะเป็นใคร แต่แกกล้าฆ่าคนของฉัน ฉันจะฝังแกไปพร้อมกับพวกเขา!
...
เฉินเทียนเซิงไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ เขาจึงรวบรวมผลึกต่อไปโดยไม่เอะใจ ก่อนเดินไปที่กล่องเสบียง เขางัดกล่องด้วยพลั่ว แล้วพบว่าข้างในกล่องมีของใช้ประจำวันอยู่หลายอย่าง
“ปืนล่ะ ในสถานการณ์แบบนี้ ยังมัวงกของอยู่ได้!”
แม้จะแอบเสียดาย แต่เขาต้องทดสอบอะไรบางอย่างกับกระเป๋าเป้อวกาศ เพื่อให้รู้ว่าจะใส่ของได้มากสุดกี่ช่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่องานถัดไป
ทันทีที่เอาของทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋าเป้อวกาศ เฉินเทียนเซิงรู้สึกเหมือนกำลังแบกภูเขา จนต้องทรุดนั่งลงกับพื้น และไม่สามารถฝืนลุกขึ้นยืนได้เลย
เมื่อเอาเสบียงบางส่วนออก ร่างกายของเขาก็คล่องตัวขึ้นทันที
“ไม่ได้ผลจริง ๆ ด้วย เอาเป็นว่าอย่าโลภจนเกินไป”
หลังจากนั้นเขาเลือกเอาสิ่งที่จำเป็นอย่างละ 100 ใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้อวกาศ
เมื่อใส่เข้าไปในเป้แล้ว เขารู้สึกไม่หนักมาก จึงไม่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว
สิ่งที่เขานำเข้าไปในกระเป๋าเป้อวกาศมีอาหารกระป๋อง 100 กระป๋อง และน้ำแร่ 100 ขวด โดยคิดเป็น 3% จากของทั้งหมด ซึ่งถือว่าไม่หนักจนเกินไป จากการทดลอง เขาพบว่าควรขนของในปริมาณที่ไม่เกิน 10% ถึงจะไม่ส่งผลต่อความเร็วในการเคลื่อนไหว และของที่แบกหนักกำลังพอดี
ยังใส่ของได้อีกหน่อย!
ในขณะที่เฉินเทียนเซิงคิดว่าจะใส่ของเข้าไปเพิ่ม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างจากรอบ ๆ
เมื่อเริ่มรู้สึกไม่ดี มือข้างหนึ่งก็ยกโล่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยกพลั่วขึ้นมา ก่อนจะเข้าสู่สภาวะตื่นตัว