บทที่ 1 ระเบิดตันเถียนด้วยตนเอง
บทที่ 1
ระเบิดตันเถียนด้วยตนเอง
ค่ำคืนอันวิปลาส ดวงจันทร์บนฟากฟ้ากลายเป็นสีแดงเลือด อวี้ซีหยวนเอนพิงกายกับต้นไม้ หอบหายใจ พลังวิญญาณในกายนางไม่มากพอให้ใช้ดาบโบยบิน
หลังหยุดพักหายใจชั่วครู่ นางค่อยใช้กำลังเท่าที่มี ออกวิ่งไปอย่างเร่งรีบ
แต่แล้ว บุคคลหนึ่งพลันโบยบินปรากฏตัวจากเบื้องบน หยุดตรงหน้านางเพียงห้าเมตร สายตาจับจ้องอวี้ซีหยวนอย่างดูแคลน
“เจ้ากำลังหนี!”
บุคคลที่ปรากฏอีกฟากฝั่ง มองยังบุคคลตรงหน้าที่มีสภาพชุดขาดวิ่นพร้อมเส้นผมยุ่งเหยิง ทั้งกายปรากฏแต่คราบเลือด เป็นคราบเลือนที่ราวกับอยู่บนกายนางยาวนาน จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
กลุ่มคนเริ่มไล่ตามทางด้านหลัง เป็นกลุ่มบุรุษกำยำมาพร้อมสตรี ไล่ตามทันพร้อมตั้งวงล้อม สายตามองอวี้ซีหยวนประหนึ่งพบเห็นวานร
“โฮ่โฮ่โฮ่ อดีตศิษย์พี่หญิงผู้สูงส่ง ผู้เป็นที่โปรดปรานของท่านบรรพชน ไฉนตอนนี้เป็นเช่นนี้เสียได้?”
ได้ยินคนหนึ่งเอ่ยปาก ผู้คนที่เหลือต่างเย้ยหยันยังหญิงสาวที่อยู่กลางวงล้อม
ยามนึกคิดแล้ว ในอดีตนั้นเกิดเรื่องเช่นนี้ไม่บ่อยนัก
อวี้ซีหยวนมีสถานะอันสูงส่ง มากด้วยพรสวรรค์ เพราะตัวตนของนาง บรรพชนแห่งสำนักผนึกสวรรค์จึงโปรดปรานในตัวนาง รับตัวนางเป็นศิษย์ อาจเป็นเพราะบรรพชนเข้าสู่ห้วงการเก็บตัว ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นอวี้ซีหยวนที่เป็นเช่นตอนนี้
หากมองให้ดี คราบเลือดบนชุดของอวี้ซีหยวน ก็เหมือนดังคราบเลือดบนชุดผู้อื่นรอบกายนาง
อวี้ซีหยวนกัดริมฝีปาก “เป็นข้าไม่ทราบมาก่อน สำนักผนึกสวรรค์ พวกเจ้ามันสารเลว!” และเป็นโชคดี ที่ตอนนี้นางได้ทราบ
“เจ้า...”
หญิงสาวที่อยู่กลางวงล้อมได้ยิน สายตานางกราดเกรี้ยว พร้อมชักกระบี่ออก
บุรุษแกร่งข้างเคียงพลันคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ พร้อมกล่าวคำปลอบ “ศิษย์น้อง อย่าได้หลงกล ฝีปากอวี้ซีหยวน ยังทำบรรพชนเกิดความสับสน อย่าได้ถูกนางยั่วยุไป ให้นางได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ดีเช่นตอนนี้”
สถานการณ์เวลานี้ กลุ่มคนคิดมอบช่วงเวลาอันโหดร้าย อย่างที่ไม่มีทางปล่อยให้อวี้ซีหยวนได้ตกตายโดยง่ายดาย แต่จะเป็นการทรมานทีละน้อยให้ตกตาย เพื่อเป็นการหยามเหยียด
พรสวรรค์เลิศล้ำแล้วอย่างไร? บรรพชนโปรดปรานแล้วอย่างไร? หากยืนขวางเส้นทาง ย่อมไม่อาจยืนต่อ กับชนชั้นล่างจากพื้นแผ่นดิน ถือว่าเชิดหน้าชูตาได้นานเกินพอแล้ว
“คิดดูถูกกัน?” หญิงสาวชักดาบออกพร้อมแค่นเสียง “จัดการได้แล้ว ถูกไล่ล่ามาแล้วเจ็ดวัน ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม นางแพศยาผู้นี้อึดถึกไม่ใช่น้อย ในเมื่อใกล้ตาย ข้าไม่ขอมีส่วนร่วม ที่เหลือยกให้พวกเจ้า จัดการ!”
หญิงสาวผู้นั้นหันกลับและเดินจากไป พร้อมกับสตรีอีกราวห้าถึงหกคน เหลือไว้เพียงบุรุษแกร่งที่ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับมีประกายทอจากนัยน์ตา
อวี้ซีหยวนคือผู้ใด รูปโฉมสามารถทัดเทียมหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนเทพ ผู้เกี้ยวพาทั้งหลายต่างเฝ้าฝัน บางส่วนกระทั่งคอยไล่ตามอวี้ซีหยวน
น่าเสียดายที่โลกหล้าตกต่ำ
ผ่านชุดที่ขาดวิ่น จึงได้เห็นผิวกายขาวราวหิมะนวลเนียน กระทั่งทำกลุ่มคนน้ำลายไหลย้อย
ย่ำยี? เหอะเหอะเหอะ พวกเขาอาจมีชีวิตเพื่อสิ่งนี้ด้วยซ้ำ
กลุ่มคนถูไม้ถูมือตื่นเต้น พร้อมก้าวเดินเข้าใกล้อวี้ซีหยวน
นางกวาดตามองกลุ่มคนรอบด้าน ผู้ซึ่งแทบไม่อาจยับยั้งตน ประหนึ่งคิดจดจำใบหน้าตัวตนเหล่านี้เอาไว้ให้ชัดแจ้ง
“ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ?”
บุรุษร่างใหญ่รอบด้านชะงักงัน เกิดสงสัยว่านางพูดกับตนเอง หรือว่าถามต่อพวกเขา
“ถูกต้องแล้ว เจ้ากำลังจะตาย แต่ก่อนเจ้าตาย ต้องทำพี่น้องทั้งหลายได้อิ่มเอม”
แน่นอนว่าอวี้ซีหยวนได้ยิน ดวงตานางมองไป บุคคลที่พูดกล่าว ฉับพลันตระหนักได้ถึงความเย็นเยือกทางด้านหลังของนาง
นัยน์ตาอันเป็นประกาย มันทำพวกเขาเกิดรู้สึกหวาดเกรง
“ข้ากำลังจะตาย? งั้นก็ดี ลากพวกเจ้าตกตายด้วยจึงดีกว่า!”
แสงปะทุออกจากตันเถียนของนาง มันแผ่พุ่งรุนแรง กลุ่มคนรอบด้านนางนึกคิดอะไรขึ้นได้ ขณะคิดกล่าวอะไรออก กระนั้นโชคร้ายที่ไม่มีเวลาได้เอื้อนเอ่ย ด้วยท่าทีหวาดกลัวปรากฏ พวกเขากลับหายไปจากฟ้าดินแล้ว
พวกเขาไม่นึกคิด ว่าในช่วงเวลาสุดท้าย อวี้ซีหยวนจะถึงขั้นกระตุ้นตันเถียนตนเองระเบิดทำลาย ยอมแหลกสลายเป็นชิ้นเนื้อ ดีกว่ายอมถูกย่ำยี