ตอนที่ 33 ปลอบศิษย์พี่ไป่ 2
พูดตรงๆ เย่อันผิงเองก็ไม่คิดว่าตอนเขาทำงานปลอบศิษย์พี่ไป่ในโลกนี้ ไป่เยวี่ยซินจะนอนข้างคืน
มีห้องนอนแค่ห้องเดียวที่นี่
เวลานี้ การพาไป่เยวี่ยซินไปโรงเตี๊ยมในตลาดเพื่อเช่าห้องต้องทำให้เกิดความเข้าใจผิด เขาเลยได้แต่พานางไปห้องนอนด้านหลัง เขาจะให้นางใช้ห้องนอนนี้ ส่วนเขาจะนอนบนเตียงในห้องกายภาพบำบัด
แต่ก่อนหน้านั้น เขายังต้องมอบของขวัญให้นางสามชิ้น
ถ้าของขวัญสามชิ้นไม่สามารถปลอบนางได้ เขาจะเสียคูปองส่วนลด20% และจะต้องหาศิษย์คนอื่นไว้คอยวิ่งงานให้เขา
“ข้าเพิ่งจัดห้องนอนนี้เมื่อวาน มันเทียบไม่ได้กับที่พักในดาวดำ แต่หวังว่าจะไม่ถือสา”
ไป่เยวี่ยซินตามเด็กหนุ่มที่สูงถึงคางนางเข้าห้องและพยักหน้า
“ข้าจะไปเอาของทานเล่นมาให้”เย่อันผิงประสานมือและไปเอาของสามชิ้นที่เตรียมไว้
หลังเขาไป ไป่เยวี่ยซินก็ตรวจสอบห้องนอน นางอยากดูว่าเย่อันผิงเป็นคนยังไง ถ้าเขาเป็นแบบที่นางคิด เขาจะเป็นคนที่สะอาด
นางนอนหมอบ มองใต้เตียง จากนั้นก็ใต้หมอน พยายามหาว่าเขามีหนังสือโป๊อะไรไหม เด็กหนุ่มส่วนใหญ่จากสำนักดาวดำที่อายุเท่าเขาจะมีนิสัยชอบซ่อนหนังสือภาพไว้ สำนักจะส่งคนไปตรวจสอบห้องทุกครั้ง และนางก็ตรวจสอบมาเยอะแล้ว
เด็กหนุ่มมักซ่อนหนังสือไว้ใต้หมอนหรือใต้เตียง แต่นางไม่เจออะไรที่นี่ ทั้งห้องสะอาด ข้าวของวางเป็นระเบียบ สะอาดกว่าห้องนอนนางอีก
“เขาเป็นเด็กดีจริงๆ”ไป่เยวี่ยซินยิ้ม จากนั้นก็เดินไปตู้เสื้อผ้า เปิดและดูข้างใน
และจากนั้น…
ท่ามกลางชุดเจ็ดหรือแปดตัวที่แขวนในชุด นางเห็นกะโปรงเขียวที่เหมาะกับเด็กสาว
“..”
นางตัวแข็งทื่อ รีบเอากะโปรงออกมา เห็นว่าไม่ใช่แค่กะโปรง ยังมีปิ่นปักผม ลิปมัน และรองเท้าที่มุมตู้
เอี้ยด
“พี่สาว ลองชิมเค้กขาวที่ข้าทำเองเมื่อวานสิ..”เย่อันผิงเพิ่งกลับมาและเห็นฉากนี้
เขากลืนน้ำลาย พยายามทำหน้าตายให้มากที่สุด ใครขยับก่อนจะเป็นคนที่ต้องอึดอัด!
หลังยืนนิ่งอยู่นาน ไป่เยวี่ยซินก็ทนไม่ไหวอีก นางรีบแขวนกะโปรงกลับเข้าตู้ ยิ้มขอโทษ
“ขอโทษ ข้าแค่อยากรู้ เจ้ามีรสนิยมแบบนี้เหรอ?”
เย่อันผิงยิ้มและปิดตู้ด้านหลัง เดินเข้ามาพร้อมสุราและเค้กข้าวในมือ”ไม่ นี่แค่เพื่อธุรกิจ’
“หะ?เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“เหมือนครั้งก่อนที่ข้านวดให้ท่าน ชายหญิงโดนเนื้อตัวกันไม่ค่อยได้ ยังไงซะ ข้าก็ดูแลร้านคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รับลูกค้าหญิง”เย่อันผิงอธิบายอย่างสงบ“ดังนั้น ข้าเลยคิดว่าถ้าเป็นลูกค้าหญิง ข้าจะเปลี่ยนเป็นชุดนี้เพื่อต้อนรับ และถ้าเป็นลูกค้าชาย ข้าจะใส่ชุดตามปกติ”
ไป่เยวี่ยซินมองเย่อันผิงขึ้นและลง
เขาผอมจริงๆ และอายุ15 ยังไม่โต เสียงยังม่แตกหนุ่ม อีกสองปีอาจใช้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะว่าเขาเป็นชายปลอมเป็นหญิง
“ทำไมเจ้าถึงทุ่มเทนัก?”
“ก็ ข้าต้องหาเงิน”
ไป่เยวี่ยซินพยักหน้าและนั่งลง“ไม่ใช่ว่าเจ้าคือนายน้อยของสำนักร้อยดอกบัวเหรอ?เจ้าไม่ควรขาดเงินสิ”
ประเด็นคือสำนักร้อยดอกบัวเลี้ยงน้องเขาไม่ไหว
แม้จะไม่ใช่สิ่งที่พูดไม่ได้ แต่ไป่เยวี่ยซินเพิ่งแพ้น้องสาวเขา เขาคิดว่ามันดีกว่าที่จะไม่พูดถึงนาง
“ข้าไม่อยากพึ่งพาพ่อข้า”เย่อันผิงข้ามเรื่องนี้และส่งเค้กข้าวให้นาง”ลองชิมเค้กที่ข้าทำเองสิ’
ไป่เยวี่ยซินตกตะลึง จากนั้นก็ตระหนักว่าเค้กที่เขาเอามาไม่ใช่คุณภาพดีสุด
“อา..เค้กข้าว?”
เย่อันผิงสังเกตสีหน้านางและเห็นว่ามันมึนงงหลังเห็นเค้กข้าว เขาสงสัยว่าทำไมเค้กขาวถึงสามารถใช้เป็นการปลอบนางได้
หลังหยุด เขาก็ถาม“ท่านเคยกินไหม?ใช่..ไม่มีที่ขายของเช่นนี้ในตลาดเซียน ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดาที่ทำกินที่บ้านระหว่างเทศกาล แต่รสชาติก็ไม่เลว..ข้าทำเมื่อวาน”
“ข้า..เคยกิน”
“เคย?”
“ใช่..นานมาแล้ว”ไป่เยวี่ยซินรับมาอย่างเบามือและกัด“พ่อแม่ข้าเคยทำให้ข้าและน้องชายข้า”
“โอ้?พ่อแม่ท่านเป็นคนปกติเหรอ?”
“คือ..บ้านข้าเคยยากจน น้องชายไปโรงเรียนไม่ได้ ข้าเลยร่ายรำกระบี่บนถนนทุกวันเพื่อหาเงิน ต่อมา มีเซียนผ่านมาเห็นว่าข้ามีรากปราณเดี่ยว เขาเลยรับข้าเข้ามา ข้าเกือบลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว..”
“แล้ว ตอนนี้พ่อแม่ท่านทำอะไรอยู่?”
“ข้าไม่รู้”ดวงตาของนางแสดงความโดดเดี่ยว
ไม่ต้องพูดเรื่องช่องว่างระหว่างผู้บ่มเพาะเซียนกับคนทั่วไป
เย่อันผิงไม่พูดอะไร เขาหยิบสุราหอมหมื่นลี้ขึ้นมาและรินให้นาง
“พี่สาวไป่ ลองชิมสิ”
ไป่เยวี่ยซินรับแก้วมาลจิบ จากนั้นก็ลดมันลงและขมวดคิ้ว“เจ้าจงใจงั้นเหรอ?”
“หะ?จงใจ?”
“เจ้าจงใจมอบของพวกนี้ให้ข้ากิน เพื่อพยายามโน้มน้าวข้าให้กลับไปดาวดำสินะ”ไป่เยวี่ยซินกัดริมฝีปาก“ตอนข้าออกจากบ้าน พ่อแม่บอกข้าว่าการบ่มเพาะเป็นเซียนคือเส้นทางที่ยากลำบากมาก แต่เพราะข้าถูกเซียนสังเกต มันเลยหมายความว่าข้ามีชะตาจะเดินตามบนวิถีเซียนและพวกเขาก็ภาคภูมิใจข้า..”
เย่อันผิงเงียบไปสักพัก จากนั้นก็เบือนหน้าหนีและตอบ“พี่สาวไป่ ข้าจะไปรู้ได้ไงว่าตอนนั้นพ่อแม่ท่านพูดอะไร?แต่..ถ้าของสองสิ่งนี้สามารถโน้มน้าวท่านให้กลับไปสำนักดาวดำได้ นั่นคงดี วิถีเซียนยากลำบาก อย่ายอมแพ้แค่เพราะเรื่องนี้เลย”
“เจ้าก็แค่เด็ก”ไป่เยวี่ยซินพองแก้มและบ่น“แต่เจ้าพูดเหมือนอาจารย์ข้าเลย”
หลังพูดจบ นางก็หลับตา หยิบเค้กข้าวขึ้นมายัดเข้าปากด้วยรอยยิ้ม
พอเห็นสีหน้านาง เย่อันผิงก็ถอนหายใจโล่งอก
ดูเหมือนคูปองส่วนลดจะได้รับแล้ว ฮี่ๆ
ในเมื่อเขากำลังจะเปิดร้านพรุ่งนี้ เขาก็พร้อมจะเก็บเกี่ยว เขาเลยลุก ประสานมือ“ราตรีสวัสดิ์ พี่สาว ข้าขอตัวไปนอนในห้องบำบัด”
ไป่เยวี่ยซินจ้องเขาและพยัหกน้า แต่จากนั้นก็มีแสงแวบผ่านตานางราวกับนางคิดอะไรได้
และพอเย่อันผิงกำลังจะเปิดประตูออกไป นางก็พลันดีดตัว คว้าไหล่เขา
“หะ?”
โดยไม่รอให้เขาตอบสนอง นางสะบัดแขนเสื้อ เทียนในห้องนอนพลันดับและเย่อันผิงก็โดนนางลากไปนอนบนเตียง
เย่อันผิงผงะ แต่พบว่ามือของนางรัดรอบอกเขาแน่น เขาขยับตัวไม่ได้เลย และพลันรู้สึกถึงแตงโมน้อยสองลูกที่กดหลังเขา
“พี่..พี่สาว?!ท่านทำอะไรนะ?”
ไป่เยวี่ยซินกอดแน่นกว่าเดิม ถูคางบนหัวเขาและกระซิบ“ข้าบอกเจ้าว่าข้ามีน้องชายที่บ้าน”
“อา..อืม”
“งั้น..คืนนี้เจ้าช่วยเป็นน้องชายข้าได้ไหม?ข้าเคยนอนแบบนี้ตอนข้าเด็ก กอดเขาไว้แบบนี้และนอนเบียดบนเตียงเดียวกับพ่อแม่”
เย่อันผิงผงะ คิดถึงตุ๊กตาที่ต้องมอบให้ไป่เยวี่ยซินในเกม
และตอนนี้มันดูเหมือนว่าตุ๊กตาที่เขาเตรียมไว้จะไม่มีประโยชน์แล้ว
เขากลายเป็นตุ๊กตาไปซะเอง
“พี่สาวไป่..”
“ไม่ได้เหรอ?”
เพื่อส่วนลด ข้าต้องทน!เย่อันผิงกัดฟัน รู้สึกถึงลมหายใจอ่อนข้างหู ผ่อนคลายและพูด“ก็ได้..ถ้ามันจะทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น..”
“เรียกข้าว่าพี่สิ”
“..พี่”