ตอนที่แล้ว1308 - ศิษย์คนที่สอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1310 - ตัวตนของผังป๋อ

1309 - ความเศร้าของคนที่ยังมีชีวิตอยู่


1309 - ความเศร้าของคนที่ยังมีชีวิตอยู่

นี่เป็นอักขระที่เก่าแก่มาก เป็นยันต์ในโบราณ และเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบความหมายที่แท้จริงได้

หยางเซียวขอให้นักวิจัยที่เป็นเพื่อนของเขาตรวจสอบอย่างละเอียดจนได้คำตอบที่แน่ชัด

นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประเภทที่สามที่สามารถเปิดทางสู่สวรรค์!

เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าพระพุทธหินที่นำมานั้นจะมีความลึกลับมากมายถึงขนาดนี้ แต่เหตุใดมันจึงถูกทิ้งไว้ในดินแดนรกร้างไร้ผู้คนเช่นนั้น

สมบัติประเภทนี้แม้กระทั่งในประเทศอินเดียยังหาได้ยากยิ่ง ว่ากันว่าสมบัติที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคพุทธกาลนั้นเหลือเพียงสองสามชิ้นและพวกมันได้รับการดูแลจากรัฐบาลของอินเดียอย่างเคร่งครัด

หยางเซียวตรวจสอบสมบัตินี้แล้วและเขามั่นใจว่ามันเป็นสมบัติจากยุคของพุทธกาลที่มีอายุไม่ต่ำกว่าสองพันปี

ซูฉงมอบโทรศัพท์ให้เย่ฟ่านและบันทึกเบอร์ของอีกฝ่ายไว้ เย่ฟ่านงุงงงและต้องทำความเข้าใจต่อโทรศัพท์มือถือชั่วขณะจึงสามารถใช้งานมันได้

เทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อนโดยสิ้นเชิง

แน่นอนว่าในโลกนี้ ชีวิตไม่สามารถแยกออกจากเงินได้ไม่ว่าจะทำะไรก็ตาม

ดังนั้นเย่ฟ่านจึงหยิบขวดเหล้าโบราณที่มีอายุหลายพันปีออกมา เขามอบให้ซูฉง และขอให้เธอใช้เส้นสายของเธอช่วยประมูลให้ได้เงินมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ซูฉงเตรียมใจไว้แล้ว แต่เธอยังแปลกใจที่ได้เห็น ก่อนหน้านี้เย่ฟ่านเผาสมบัติล้ำค่าไปไม่น้อยในตอนที่อยู่ในสุสาน เหตุการณ์นั้นทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก

สมบัติที่เย่ฟ่านเผาทิ้งนั้นมีมูลค่าหลายล้านหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

เย่ฟ่านบอกว่าเขายังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ เขาไปเยี่ยมสมาชิกในครอบครัวเพื่อนเก่าของเขา หากใครต้องการความช่วยเหลือเขาจะใช้เงินเหล่านี้โดยไม่ลังเล

เมื่อยี่สิบกว่าปีทีแล้วเพื่อนร่วมชั้นของเขาสูญหายไปในดินแดนเป่ยโต่ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่กลับมายังโลกได้อีกครั้ง หลังจากผ่านมาหลายปีไม่รู้ว่าครอบครัวของเพื่อนๆ ที่จากไปนั้นยังมีใครเหลืออยู่บ้าง

เย่ฟ่านถอนหายใจกับโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะครอบครัวเขาเท่านั้น ในบรรดาสิบเอ็ดครอบครัวที่เขาพบ มีหลายครอบครัวที่พ่อแม่ล้วนเสียชีวิตไปแล้ว

แต่ในปัจจุบันยุคการแพทย์นั้นมีความก้าวหน้าอย่างมาก โชคดีที่ยังมีพ่อแม่ของเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่

หลินอวินจื่ออยู่ที่เป่ยโต่วเป็นศัตรูตัวฉกาจของเย่ฟ่าน แต่ครอบครัวของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

หลังจากที่เย่ฟ่านไปบ้านของหลิวอวิ๋นจื่อ เขาก็พบภรรยาหม้ายของอีกฝ่ายที่ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เย่ฟ่านจึงให้เงินช่วยเหลือไปบางส่วน

สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ดี มีเพียงบางครอบครัวที่ประสบปัญหา

สำหรับบางคนนั้นหากรู้ว่าสมาชิกในครอบครัวของตัวเองตายไปยังจะดีเสียกว่า พวกเขาจะค่อยๆ ฟื้นฟูความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักและเดินหน้าต่อไป

อย่างไรก็ตามการที่สมาชิกในครอบครัวหายสาบสูญไปโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรมันทำให้คนที่รอคอยจมอยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างมาก

บาดแผลในใจที่มีมานานหลายปีไม่ใช่ว่าจะลบเลือนกันไปได้ง่ายๆ

เย่ฟ่านเองก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถชุบชีวิตคนเหล่านั้นได้ สิ่งที่เขาทำได้คือเติมน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ลงไปในอาหาร เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกทำให้ทุกคนมีสุขภาพยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น

เขาไม่รู้ควรทำแบบนั้นหรือไม่ แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุขัยที่ยืนยาว แต่หัวใจของคนเหล่านั้นกลับไม่มีความสุขแม้แต่น้อย

“มีไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ และมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กลับมาได้” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง แล้วถอนหายใจเบาๆ

แท่นบูชาห้าสีที่อยู่ลึกเข้าไปในวิหารบรรพชนของราชวงศ์อวี้หัว เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อโลกภายนอก ดังนั้นในบรรดาเพื่อนทั้งหมดจึงมีเขาเพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับศัตรูเพื่อแย่งชิงโอกาสกลับบ้านได้

หากเย่ฟ่านนำทุกคนออกเดินทางไปพร้อมกัน เกรงว่าเพื่อนๆ ที่เหลือคงยากที่จะมีชีวิตรอดจากสภาพอันเลวร้ายภายในวิหารบรรพชนแห่งจงโจวได้

เย่ฟ่านยังไม่รู้ว่าในตอนที่เขาจากมานั้นแท่นบูชา 5 สีในดินแดนต้องห้ามรกร้างโบราณได้ถูกทำลายไปแล้ว

การที่ผังป๋อจากไปอย่างกระทันหันยังคงติดอยู่ในใจเย่ฟ่าน เขาไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาเชื่อว่าต้อมีเหตุผลบางอย่าง

ตอนนี้เขาได้เจอครอบครัวเพื่อนร่วมชั้นเกือบจะครบแล้ว เขาทำทุกอย่างที่ทำได้อย่างไม่ลังเล

เมื่อเย่ฟ่านไปหาครอบครัวจางเหวินชาง ความรู้สึกของเขานั้นผสมปนเปกันไป เขายังจำความเศร้าโศกของจางเหวินชางที่อยู่อีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้

ชายวัยยี่สิบที่ดูเหมือนชายชราในอายุหกสิบหรือเจ็ดสิบ เขามักจะถูกรังแกบ่อยครั้งโดยศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสํานัก เขาถูกไล่ออกจากเขาและทำได้เพียงเปิดร้านสุราเล็กๆ ประทังชีวิต

เย่ฟ่านสังหารผู้คนเหล่านั้นด้วยความโกรธ สุดท้ายจางเหวินชางก็ถูกส่งไปที่นิกายไท่ซวนเขาจึงมีความหวังในชีวิตต่อไป

อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านรู้ว่าจางเหวินชางกำลังหดหู่เพราะคิดถึงพ่อกับแม่ ภรรยา และบุตรชายของเขา

“ภรรยาของฉันกำลังตั้งท้อง ในช่วงที่เธอต้องการฉันมากที่สุด ฉันกลับหายตัวไป” คำพูดที่เศร้าโศกนั้นยังดังอยู่ในหูเย่ฟ่าน

ในยี่สิบปีต่อมาเย่ฟ่านได้ไปพบพ่อกับแม่และลูกชายของจางเหวิน พวกเขามีความคล้ายคลึงกันมาก เย่ฟ่านอดคิดไม่ได้จะดีแค่ไหนหากพวกเขาได้อยู่ด้วยกัน

“ผมเคยเห็นรูปของคุณที่ถ่ายกับพ่อตอนเรียนมหาลัย เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” จางอี้บุตรชายของจางเหวินชางสอบถาม

เย่ฟ่านพยักหน้าและดีใจกับจางเหวินชาง ภรรยาของจางเวินชางยังรักเขามาก แม้ว่าเธอจะแต่งงานใหม่แล้วแต่ก็ยังดูแลพ่อแม่ของอดีตสามีอยู่เสมอ

“พ่อเลี้ยงของผมเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน แม่ผมแต่งงานกับเขาเพื่อต้องการจะเลี้ยงผมให้ดีที่สุด แต่พ่อเลี้ยงก็ไม่เคยตำหนิเรื่องนี้เลย”

ความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันเมื่อเย่ฟ่านได้ยินเช่นนั้น

จางเหวินชางได้จากโลกี้ไป สิ่งเดียวที่ทำได้คือขอให้ทุกคนมีความสุขและปลอดภัย

จางอี้บุตรชายของจางเหวินชางร้องไห้ถามซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับพ่อของเขาในโลกนั้น เมื่อได้ยินที่เย่ฟ่านพูดเขาก็ร้องไห้อออกมาอย่างหนัก

“ผมไม่เคยโกรธเคืองพ่อที่ไม่ได้เลี้ยงดูผม เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น ผมอยากเจอเขามาก แม่ของผมบอกว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ แต่โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว”

เย่ฟ่านตบไหล่เขาและไม่ได้กล่าวอะไร สิ่งเดียวที่ทำได้คือการบอกความจริง

“คุณเป็นเซียนใช่ไหม พาผมไปพบพ่อได้หรือเปล่า?” จางอี้ถามอย่างมีความหวัง

เย่ฟ่านส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่กลับไปแล้ว แต่เชื่อมั่นเถอะว่าเขามีชีวิตที่ดีจริงๆ อย่างไรก็ตามฉันต้องลบความทรงจำของเธอออก เธอไม่ควรมีความทรงจำเรื่องนี้อยู่”

“ไม่ คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้!” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ

นี่คือภรรยาของจาเหวินชาง เย่ฟ่านรู้ดีว่าเธอมาถึงแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

“คุณไม่มีสิทธ์ทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะรับผิดชอบเอง นี่คือความทรงจำอันล้ำค่าของเรา!” ภรรยาของจางเหวินชางพูดทั้งน้ำตา

“เย่ฟ่านคุณและเหวินชางเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณจะทำเรื่องเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเราได้อย่างไร นี่เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุดของเรา!”

“ตกลง ผมจะไม่ลบความทรงจำของคุณกับลูก”

เย่ฟ่านไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่เดินจากไปอย่างเงียบๆ ตลอดทาง

ก่อนเขาจากไป เขาทิ้งบางสิ่งไว้ มันคือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์สองขวดที่จะช่วยทำให้พวกเขามีสุขภาพดีขึ้นอย่างมาก

ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากซูฉง

เย่ฟ่านกดรับสายและสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง “คุณหมายถึงผังป๋อ…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด