บทที่ 9 : ออกล่าครั้งแรก
บทที่ 9 : ออกล่าครั้งแรก
ในถ้ำมืด ที่นั่นมีผู้ชายหลายคนกำลังทุบตีอะไรบางอย่างอย่างแรงอยู่ขณะที่สวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ
ในกลุ่มนี้ มีชายคนหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากพวก มือขวาของเขากำลังถือค้อนขนาดใหญ่และกำลังฟาดกระแทกอะไรบางอย่างอยู่
โป้ะ! โป้ะ! โป้ะ!
หลังจากใช้ค้อนทุบอยู่หลายครั้ง ก้อนเมือกเหลวสีใสก็ระเบิดออก
ของเหลวพุ่งกระจายออกมาและขณะเดียวกันมันก็ปล่อยพลังงานที่จับต้องไม่ได้ออกมา
ของเหลวในร่างเมือกบางส่วนกระเด็นมาติดอยู่ที่ชายเสื้อผ้าของชายคนนั้นขณะที่เขาฟาดค้อนต่อไม่หยุด
ของเหลวที่กระเด็นออกมานี้ส่งเสียงฟู่ราวกับมันกำลังกัดกร่อนชุดของเขาอยู่ แต่กระนั้นมันก็โชคดีที่ชุดป้องกันไม่มีรูและมีเพียงรอยสึกเล็กน้อยเท่านั้น
แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีก๊าซพิษพุ่งออกมาเมื่อสไลม์ตาย ก๊าซพิษนี้ทำให้บรรยากาศที่อบอ้าวและเหม็นอับยิ่งขึ้นในถ้ำ
อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าก๊าซพิษจะไม่สามารถเจาะทะลุหน้ากากป้องกันแก๊สพิษของชายคนนั้นได้ ด้วยเหตุนี้เอง ชายคนนั้นจึงไม่ได้สนใจและชี้ท่อโลหะในมือซ้ายไปทางซากสไลม์ที่ตายแล้ว
ซูบ~ ซูบ~
ของเหลวในร่างกายของสไลม์ถูกดูดผ่านท่อโลหะพร้อมกับเสียงดูด พวกมันถูกดูดเข้าไปกองรวมกันอยู่ในถังเก็บของเหลวขนาดใหญ่ที่ถูกแบกไว้อยู่บนหลังของชายคนนั้น
ชายคนนั้นยังคงทำซ้ำการกระทำนั้นต่อไป
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว?
เมื่อภาชนะเก็บเมือกเต็ม ชายคนนั้นก็เดินออกมาจากถ้ำ เมื่อเขาไปถึงทางเข้าถ้ำและเดินผ่านประตูพอร์ทัลไป เขาก็มาปรากฎตัวอีกครั้งในอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่
อาคารแห่งนี้เป็นสถานีรักษาความปลอดภัยที่สร้างขึ้นมาล้อมรอบประตูพอร์ทัล
ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้ามองดูชายคนนั้นและเดินเข้ามาหาเขา
“หยุดก่อน โปรดระบุตัวตนของคุณด้วยครับ”
“ฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวู”
“ฮันเตอร์จองซังวูสินะครับ”
หลังจากทราบชื่อ นายทหารก็ตรวจสอบรายชื่อเป็นระยะเวลาสั้นๆ และให้สัญญาณว่า “ผ่านได้”
ซังวูหรือหมายเลข 1 ทำตามที่ทหารบอก และเมื่อเขาเดินผ่านทหารไป ทหารคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่ก็ส่ายหัว
“ฮันเตอร์จองซังวูอีกแล้วหรอ? เขาไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ?”
“ถูกต้อง เขาทำงานหนักมากแม้แต่ในดันเจี้ยนเล็กๆ แบบนี้”
“นายบอกว่าหน้ากากกันก๊าซพิษมันกันได้ไม่หมดไม่ใช่หรอ? แบบนี้แล้วเราควรหยุดเขาหน่อยดีไหม?”
“ปล่อยเขาไปเถอะ เขาดูแลตัวเองได้”
มันมีเพียงข้อมูลประจำตัวเท่านั้นที่ลงทะเบียนไว้ในพื้นที่ล่า ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่สามารถทราบได้ว่าคุณมีสกิลอะไรบ้าง
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่กำลังออกล่าอยู่นั้นไม่ใช่ซังวูแต่เป็นร่างโคลนของเขา
ในขณะนี้ หมายเลข 1 ก็กำลังเดินไปที่ล็อกเกอร์เก็บของตรงอีกด้านหนึ่งของป้อมยาม
เมื่อเขาเปิดตู้ล็อคเกอร์ เขาก็พบเห็นถังหลายใบเรียงซ้อนกัน
หมายเลข 1 วางถังที่เขาสะพายอยู่ลงแล้วเปลี่ยนเป็นถังใบใหม่
จากนั้นหมายเลข 1 ก็มุ่งหน้ากลับไปที่ประตูพอร์ทัล
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ทางเข้าดันเจี้ยนอีกครั้ง ทหารที่เฝ้าอยู่ก็ต่างถอนหายใจ
“คุณฮันเตอร์ครับ คุณล่าสไลม์พวกนี้มาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้วนะครับ ทำไมคุณไม่พักสักหน่อยล่ะครับ?”
เมื่อทหารพูดความในใจออกไป หมายเลข 1 ก็มองดูทหารคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าล่านานเกินไปชุดคุณจะเสียหายเอาได้นะ... พักผ่อนซะเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำใหม่”
แม้ว่าทหารจะห้ามปรามเขายังไง แต่หมายเลข 1 ก็ยังรออย่างเงียบๆ ราวกับกำลังขออนุญาตเข้าไป
ในที่สุดหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ต้องยอมอนุญาต
เมื่ออุปสรรคที่ขวางเส้นทางของเขาถูกเคลียร์ออกไปแล้ว หมายเลข 1 ก็เข้าไปในประตูพอร์ทัลราวกับกำลังเดินเข้าประตูบ้าน
' บ้าไปแล้ว เขาไม่ง่วงบ้างรึไงกันนะ?'
เหล่ายามและฮันเตอร์ต่างก็มองดูเขาด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการล่าของหมายเลข 1 นั้นจะดำเนินต่อเนื่องไปแบบนี้จนถึง 48 ชั่วโมง!
* * *
ร้านโทรมๆ ในซอยด้านหลังของตลาดนัมแดมุน
คังจุนโมกำลังมองดูเครื่องชั่งกับเจ้าของร้านอย่างเงียบๆ
[ 12กก. ]
“12 กิโลพอดีเป้ะ! ส่วนถังมีน้ำหนัก 2 กิโล มาดูกันซิว่าราคาตลาดในปัจจุบันของน้ำเมือกนี่อยู่ที่เท่าไหร่... 19,000 วอนต่อกิโลกรัม ฉะนั้นมันก็จะอยู่ที่ 190,000 วอนต่อถัง”
มีถังอยู่ทั้งหมดแปดถัง
“มีทั้งหมด 8 ถัง รวมเป็น 1.52 ล้านวอน”
“เฮ้หัวหน้า เราทำธุรกิจกันมานานกี่ปีแล้ว ทำไมคุณถึงใจร้ายกับผมขนาดนี้กันล่ะ? ช่วยๆ ผมหน่อยสิ สัก 1.55 ล้านได้ไหม?”
“ไม่นะประธานคัง คุณก็รู้ว่าราคามัน...”
“งั้นผมไปถามร้านข้างๆ นะ?”
“ก็ได้! ก็ได้! ตกลงที่ 1.55 ล้านนะ ไอ้คนขี้เหนียวเอ้ย!”
ด้วยเหตุนี้เอง คังจุนโมจึงขายเมือกสไลม์ได้ในราคา 1.55 ล้านวอน ในจำนวนนี้ 20% หรือ 310,000 วอน ก็เป็นของคังจุนโม
เขามอบเงิน 50,000 วอนให้กับคนขับรถบรรทุกที่ขนถังทั้ง 8 ใบนี้มา
“ขอบคุณระประธานคัง ไว้เรียกใช้ผมอีกนะ!”
“ครับ แล้วผมจะติดต่อคุณไป!”
เงินที่เหลือให้เขาทั้งหมดคือ 260,000 วอน นี่คือกำไรที่เขาได้รับมาในช่วงสองวันที่ผ่านมา
' ค่าเช่าชุดอุปกรณ์อยู่ที่ 500,000 วอน... อืม ฉันควรจะอัพเกรดพวกอุปกรณ์ให้เขาดีไหมนะ?'
เมื่อสองวันก่อน คังจุนโมได้พาจองซังวูไปยังพื้นที่ล่าสไลม์ที่ตั้งอยู่บนภูเขาโดบงซาน
ก่อนไป เขาได้เช่าอุปกรณ์พื้นฐานง่ายๆ จากบริษัทที่เขารู้จักและให้จอง ซังวูทำความคุ้นเคยกับคู่มือการล่าสไลม์ตลอดทาง
ในความเป็นจริง การล่าสไลม์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นแค่คำพูดก็เพียงพอแล้วที่จะสอนให้เขาล่าเป็น
แต่ปัญหาหลักคือก๊าซพิษ
“ขีดจำกัดสูงสุดคือ 6 ชั่วโมงนะครับ เมื่อครบเวลาแล้วคุณก็ค่อยออกมา หากคุณต้องการจะทำต่อ คุณก็สามารถพักสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อนแล้วจึงค่อยกลับไปได้ หากคุณคิดว่าอุปกรณ์ใดๆ มีปัญหาก็ให้รีบออกมาโดยทันที”
“ถังเก็บซากสไลม์จะถูกเก็บไว้ในล็อกเกอร์นะครับ ดังนั้นคุณสามารถเปลี่ยนมันได้ที่นี่”
“เข้าใจแล้วครับ”
“โอเคครับ งั้นถ้าล่าเสร็จแล้วก็ติดต่อผมมานะครับ”
คังจุนโมออกจากพื้นที่ล่าและลงมาจากภูเขา จากนั้นเขาก็มีช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายในการสรรหาฮันเตอร์คนอื่นๆ จนลืมการมีอยู่ของจองซังวูไปโดยสิ้นเชิง
จากนั้นสองวันต่อมา จู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจองซังวู
การล่าได้สิ้นสุดลงแล้วเนื่องจากถังเก็บเมือกเต็ม และเขาก็จะต้องการนำถังเก็บไปขาย
' ถังเก็บซากเมือกทั้งหมดเต็มภายในสองวันงั้นหรอ? ไร้สาระชัดๆ!'
เมื่อพิจารณาถึงพลังชีวิตของสไลม์และความเล็กของเมือกแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเติมภาชนะสักถังหนึ่งให้เต็มได้ในหนึ่งวัน อย่างไรก็ตาม คังจุนโมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อเขาเห็นถังทั้งแปดเต็ม
อย่างไรก็ตาม เขาก็เชื่อสิ่งนี้หลังจากได้เห็นมันจริงๆ กับตาตัวเอง
' เขาบอกว่าสกิลของเขาคือร่างโคลนงั้นหรอ?'
เมื่อมองไปที่ถังเก็บเมือกที่เต็มไปด้วยของเหลวใส คังจุนโมก็ตระหนักได้ว่าเขาคิดผิดมหันต์
เขามีอคติเกี่ยวกับสกิลร่างโคลนเหมือนกับคนอื่นๆ
เขาคิดผิดว่าสกิลร่างโคลนนี้เป็นร่างโคลนมายา
' มันจะสมเหตุสมผลแน่นอนถ้าร่างโคลนนั่นไม่ใช่ภาพมายา’
ไม่เช่นนั้น มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรวบรวมเมือกได้มากขนาดนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ คังจุนโมก็ตระหนักได้ว่าการเซ็นสัญญากับฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวูคนนี้ถือเป็นโชคดีมากกว่าที่เขาคิด
ด้วยความเร็วในการล่าสไลม์ระดับนี้ เขาก็จะทำเงินได้มากมายแม้จะรวมค่าเช่าอุปกรณ์แล้วก็ตาม
' ถ้าเขาเป็นฮันเตอร์ที่สามารถสร้างร่างโคลนกายภาพได้... เขาก็จะต้องไม่ใช่ฮันเตอร์แรงค์ F ธรรมดาๆ แน่นอน ศักยภาพในการเติบโตของเขาจะกว้างไกลมหาศาล ฉันต้องดูแลเขาให้ดี และฉันก็จะต้องตรวจสอบสกิลของเขาอย่างละเอียด'
ด้วยความหวังดังกล่าว คังจุนโมจึงส่งข้อความถึงจองซังวูเพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายได้
* * *
[ ยอดคงเหลือ: 7,032,100 วอน ]
เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่เขาเริ่มออกล่าในฐานะฮันเตอร์ บัญชีธนาคารของซังวูมียอดคงเหลือมากถึง 7 ล้านวอน แม้ว่าเขาจะใช้เงิน 3.5 ล้านวอนไปกับค่าเล่าเรียนแล้วก็ตาม
' ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าฉันทำแบบนี้ต่อไป ฉันก็จะต้องรวยในไม่ช้าก็เร็ว!'
ซังวูกำลังดูยอดเงินในบัญชีธนาคารของเขา
จางฮายอนที่กำลังแก้ไขโจทย์อยู่ข้างๆ เขามองดูซังวูราวกับว่าเธอกำลังถูกรบกวนจากมัน
“ครูกำลังดูอะไรอยู่หรอ?”
“โอ้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
“นี่ครูกำลังดูอะไรลามกอยู่รึเปล่า?”
“เปล่า มันไม่ใช่แบบนั้น ว่าแต่เธอล่ะ เธอแก้โจทย์ปัญหาทั้งหมดเสร็จแล้วรึยัง?”
“ครูอย่ามาเปลี่ยนเรื่องสิ!”
ซังวูปิดโทรศัพท์ของเขาและพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายในขณะที่เขาตรวจคำตอบของฮายอน
มันเป็นวิชาภาษา และจากคำถามทั้งหมด 10 ข้อ ฮายอนก็ตอบถูก 6 ข้อ
“ครั้งที่แล้วเธอถูก 4 ข้อ แต่ครั้งนี้เธอถูก 6 ข้อ เห็นไหม เธอสามารถทำมันได้”
“จริงๆ แล้วหนูก็ฉลาดนิดหน่อยเวลาหนูใช้สมองล่ะนะ ^^”
ฮายอนพูดเรื่องน่าอายได้อย่างไม่เขินอาย ซังวูมองเธอราวกับว่าเขากำลังตกตะลึง
“จุ๊จุ๊ งั้นก็ใช้สมองบ้างเถอะ อย่าทำให้พ่อแม่ของเธอเสียใจ ไม่อย่างนั้นแล้วจบไปเธอจะทำอะไร?”
“หนูอยากเป็นฮันเตอร์...”
“ฮันเตอร์? เธอปลุกพลังแล้วหรอ?”
“ใช่แล้ว หนูเองก็มีสกิลเหมือนกัน”
ฮายอนกางมือข้างหนึ่งออก จากนั้นลูกบอลมานาก็ก่อตัวขึ้นเหนือฝ่ามือของเธอ
“ดูสิ มันไม่เจ๋งหรอ?”
“ว้าว นี่คือสกิลอะไรกัน?”
“ชื่อสกิลของมันคือ บอลมานา มันสร้างมาจากพลังมานา และคุณก็สามารถใช้มันโจมตีได้ด้วยการขว้าง”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความสามารถที่ดีนะ แต่ทำไมเธอถึงไม่ลองไปออกล่าดูล่ะ?”
“หนูก็ไปสอบเอาใบรับรองมาแล้ว แต่หนูก็กลัวที่จะต้องไปพื้นที่ล่าเพียงลำพัง...”
จากนั้นซังวูก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าฮายอนยังเป็นเด็กอยู่
“งั้นก็ทำคะแนนสอบให้ได้ดีๆ แล้วเดี๋ยวพี่จะพาเธอไปที่พื้นที่ล่าเอง”
“จริงหรอ?”
“จริงสิ พี่รู้จักพื้นที่ล่าอยู่ ที่นั่นทั้งปลอดภัยและล่าง่ายมาก ดังนั้นมันจึงค่อนข้างดีเลย”
“เอาล่ะ พี่สัญญาแล้วนะ!”
ฮายอนยื่นนิ้วก้อยของเธอให้ซังวู ซังวูหัวเราะเบาๆ และชูนิ้วก้อยของเขาออกมาและเกี่ยวมันเข้าด้วยกัน
“พี่สัญญาแล้ว ดังนั้นอย่าเอาไปบอกใครนะ!”
“เข้าใจแล้ว หนูจะเชื่อใจพี่นะ”
ซังวูและฮายอนมองหน้ากันและยิ้ม
* * *
สองสัปดาห์ผ่านไปเช่นนั้น
วันนี้เป็นวันเปิดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยคยองกุก
ซังวูก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยคยองกุกเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลานาน
เขากำลังจะเข้าเรียนคาบแรกเพื่อเรียนวิชาเอก และถึงแม้ว่าเขาจะเจอกับรุ่นน้องปีหนึ่งที่เขารู้จัก แต่มันก็ไม่มีใครทักทายเขาเลย
ซังวู นักศึกษาชั้นปีที่สองกำลังถูกเมิน
' ฉันเป็นรุ่นพี่ที่ทุกคนลืมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?'
ขณะที่เขากำลังบ่นอยู่สักพัก เขาก็มาถึงห้องบรรยาย
เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในทันทีที่เขาเดินเข้ามา
นั่นคือคิมคยองโด เพื่อนสนิทของเขา
ในภาคการศึกษานี้ เขาลงทะเบียนเรียนวิชาเดียวกับคยองโด ดังนั้นเขาจึงมีเวลาเรียนร่วมกัน
ซังวูเดินไปนั่งข้างคยองโด
“ว่าไง! ซังวู!”
“อ่า คยองโด”
จากนั้นนักเรียนที่อยู่รอบๆ พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
“อะไรนะ รุ่นพี่ซังวูหรอ?”
“รุ่นพี่ซังวูคนนั้นน่ะหรอ?”
“ซังวูคนอ้วนอ่ะนะ?”
จากนั้นรุ่นน้องปีหนึ่งที่ใกล้ชิดกับซังวูก็แห่พุ่งเข้ามาหาเขากันหมด
“ว่าไงซังวู ฉันจำนายไม่ได้เลย ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ทักทายนาย”
“ไม่เป็นไร นายล่ะเป็นไงบ้าง?”
“เฮ้ นายไปออกกำลังกายที่ไหนมาเนี่ย?”
“ไม่หรอก ฉันแค่อยู่บ้านเฉยๆ...”
“ฉันว่าตัวนายสูงขึ้นรึเปล่า?”
“ถูกต้อง เขาสูงพอๆ กันกับฉันเลย”
ทันใดนั้นพื้นที่รอบๆ ซังวูก็เริ่มมีเสียงดัง
ที่จริงแล้ว ความสูงของซังวูก็อยู่ที่ 175 ซม. มันเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3 ซม. หลังจากที่เขาได้รับสกิลร่างโคลนมา
แม้ว่าเขาจะอายุ 21 ปีแล้ว แต่ระดับการเจริญเติบโตของเขาก็ยังไม่ได้หยุดลง และร่างกายของเขาก็เติบโตขึ้นด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยเหตุนี้เอง ตั้งแต่วันแรกที่ไปมหาวิทยาลัย ซังวูจึงถูกเพื่อนๆ รุมรังควานไม่เลิก
และแน่นอนว่าการเป็นคนดังก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
* * *
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
ณ ดันเจี้ยนสไลม์โดบงซาน
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในถ้ำอันมืดมิด...