ตอนที่แล้วบทที่ 6 : มิตรภาพที่ดีไม่มีแบ่งปัน!  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : เจเอ็มเอเจนซี่  โชครอหล่นทับ

บทที่ 7 : การตัดสินใจ


บทที่ 7 : การตัดสินใจ

ตอนนี้จางฮายอนกำลังโกรธมาก

“อ้า! ทำไมลูกถึงไม่เข้าใจสักทีนะ พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อลูกนะ!”

“ก็หนูไม่อยากเรียนพิเศษนี่!”

“แต่ลูกยังต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยนะ! เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไม่รู้ว่าไปได้นิสัยแบบนี้จากใครมา ทำถึงเกลียดการเรียนมากขนาดนี้กันนะ”

“มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? หนูก็ได้มาจากพ่อนั่นแหละ! อีกอย่าง หนูจะไปประสบความสำเร็จในฐานะฮันเตอร์!”

“ฮันเตอร์! ฮันเตอร์อะไร! พ่อให้ข้าวลูกกินนะ ไม่ใช่กระดูกหมาแทะ! ฮันเตอร์งั้นหรอ! โอ้ย หัวพ่อจะปวด!”

จางด็อกชิลดีดตัวขึ้นมาจากโซฟาและมุ่งหน้าตรงไปที่ประตูหน้า

“พ่อจะไปไหน มาคุยกันให้จบก่อนสิ!”

“พ่อจะไปทำงานแล้ว!”

“ไม่จริง หนูได้ยินนะว่าอาจารย์สอนพิเศษกำลังจะมา! โทรไปบอกเขาเลยว่าไม่ต้องมา!”

“ไร้สาระ! นังเด็กนี่ วันนี้พ่อจะพาครูมาสอนพิเศษแกให้ได้!”

จางด็อกชิลตะโกนเสียงดัง เขาสวมรองเท้าแล้วเดินไปเปิดประตูหน้า

จากนั้นแม่ของเธอ คิมอ๊กจองก็ตำหนิเธอด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก

“ฮายอน! อย่าตะโกนสิลูก เดี๋ยวข้างบ้านก็ได้ยินกันหมดหรอก”

“พ่อทำงานหนักเพื่อส่งแกไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อรู้สึกยังไงบ้าง... ห้ะ? อ้าวซังวู เธอมาถึงแล้วหรอ!”

“ครับคุณลุง... ผมมาผิดเวลารึเปล่า? ฮ่าฮ่า...”

“ไม่เลย เข้ามาก่อนสิ เข้ามา”

ฮายอนซึ่งกำลังหงุดหงิดกับพ่อของเธอสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากประตูหน้าบ้าน

' อะไรนะ ครูสอนพิเศษมาถึงแล้วหรอ? แย่แล้ว ฉันยังไม่ได้สระผมเลยด้วยซ้ำ!'

จากนั้นฮายอนก็รีบหยิบกระจกมือออกมาแล้วใช้นิ้วสางผมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอไม่ได้มีเรียนในช่วงวันหยุด ดังนั้นสภาพของเธอจึงไม่สู้ดีนัก

' โถ่ สภาพฉัน.. เป็นไงเป็นกัน ฉันจะทำให้เขาไม่อยากสอนฉันเองก็ได้’

ในที่สุดฮายอนก็ยอมแพ้และตัดสินใจจะเปลี่ยนไปไล่ครูสอนพิเศษด้วยแผนพลีชีพ(?)

ในขณะนี้ ซังวูก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

เขาสูงเกือบ 180 ซม. ใบหน้าอวบเล็กน้อย ผิวขาวบริสุทธิ์และดวงตากลมโต

' โอ้ เขาดูน่ารักอยู่นะ'

จางฮายอนชะงักไปเล็กน้อย ซังวูกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปหาคิมอ๊กจอง

“สวัสดีครับ”

“นี่คือจองซังวู เขามาที่นี่เพื่อสอนพิเศษ”

ฮายอนรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อเธอได้ยินเสียงหล่อเข้มของซังวูนั้น

' ว้าว ช่างเป็นเสียงที่ทำเอาใจระทวยจริงๆ!'

เสียงทุ้มต่ำแต่ไม่หนาจนเกินไปทำให้เธอรู้สึกสดชื่นสบายหู

“ยินดีต้อนรับจ่ะ นักเรียนซังวู เสียงของเธอฟังดูหล่อจริงๆ นะ โฮะโฮะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่หรอกครับ”

“เธอจะต้องดังมากในโรงเรียนแน่นอน โฮะโฮะโฮะ ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาจากพ่อของฮายอนแล้ว ฉันได้ยินมาว่าเธอเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยคยองกุกใช่ไหม?”

“โอ้ใช่แล้วครับ ถูกต้องแล้ว ผมกำลังเรียนคณะวิศวะคอมพิวเตอร์ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเธอจะต้องเก่งคณิตมากแน่ๆ เลย โฮะโฮะ”

คิมอ๊กจองเปลี่ยนจากจอมมารร้ายมาปฏิบัติต่อซังวูเป็นอย่างดี

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ฮายอนก็เริ่มเหล่ตามองแม่ของเธอ

' ใช่แล้ว นี่แหละแม่ฉัน!'

“นี่คือฮายอน ลูกสาวของเรา ฮายอนทักทายเขาหน่อยสิ”

ฮายอนไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดเหล่านั้น แต่แล้วสมองของเธอก็หยุดทำงานไปครู่หนึ่ง

ฉันยังไม่เปิดปากของฉันเลย

“โอ้ สวัสดีค่ะ...”

ฉันทักทายเขาด้วยเสียงพูดติดอ่างและสั่นคลอน

' นี่มันน่าอายจริงๆ!'

ใบหน้าของฉันรู้สึกร้อนและแดงไปหมด

“ลูกของฉันค่อนข้างขี้อายนิดหน่อยน่ะ โฮะโฮะ เธอต้องการชาหน่อยไหม?”

“ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ”

“งั้นก็นั่งรอตรงนี้สักครู่นะจ๊ะ”

คุณแม่คิมอ๊กจองมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวและฮัมเพลง

ทั้งสามคนนั่งรอบโต๊ะโซฟา

จางด็อกชิลรับหน้าที่พูดต่อจากคิมอ๊กจอง

“ขอบคุณที่มาที่นี่นะ”

“ไม่เลยครับ ที่นี่อยู่ใกล้กว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”

“ฮายอน ลูกสาวของเราเป็นยังไงบ้าง? เธอสวยไหมล่ะ?”

“ใช่แล้วครับ เธอสวยมากจริงๆ ผมนึกว่าเธอเป็นดาราบน SNS ซะอีก ฮ่าฮ่าฮ่า”

เมื่อพูดแบบนั้นออกไป มุมปากของฮายอนก็ยกสูงขึ้นราวกับกำลังยิ้ม

' ฮิฮิ พวกเขาชมฉันว่าสวยด้วย'

ฮายอนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว

“เธอสวยจริงหรอ? ฉันไม่เคยเห็นใครพูดแบบนี้มาก่อนเลย”

“พ่อ!”

ฮายอนกำหมัดกัดฟันกรามของเธอและตะโกนเรียกจางด็อกชิล เขาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง

“ฮ่าฮ่า... ฮายอนของเรามีใบหน้าที่สวย และเธอก็มีจิตใจที่น่ารักเช่นกัน แต่ซังวู.. ฉันต้องขอโทษด้วยนะที่ต้องพูดกับเธอแบบนี้ แต่ฮายอนลูกสาวฉันดูเหมือนจะไม่อยากเรียนพิเศษ…”

จองฮายอนรีบบีบต้นขาของพ่อเธอด้วยนิ้วเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะ

อ้ะ!

“คุณลุงสบายดีไหมครับ?”

ซังวูถามด้วยความประหลาดใจ

“ไม่เป็นไร แค่มีแก๊สในท้องน่ะ… ฮ่าฮ่าฮ่า”

“พ่อไม่ต้องไปทำงานหรอ? ดูเวลาสิ?”

ฮายอนจ้องไปที่พ่อของเธอตาเขม็ง

“เอ่อ.. เวลานี้หรอ มันก็ยังมีเวลาเหลืออยู่... อ้ะ! ตกลงตกลง ฉันคงต้องไปทำงานก่อนแล้วล่ะซังวู”

จางด็อกชิลยืนขึ้นและแสดงท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ที่น่าอึดอัดใจ

“ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่งเองนะครับ จะรีบไปตั้งแต่ตอนนี้เลยหรอครับ?”

“ถ้าอยากได้เงินก็ต้องไปล่ะนะ ซังวู เธอช่วยสอนลูกสาวฉันทีนะ ฉันเชื่อใจเธอนะ ที่รัก! ฉันไปก่อนนะ!”

เพียงเท่านี้ จางด็อกชิลก็จากเราไป

ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังในห้องนั่งเล่น

มีอากาศที่น่าอึดอัดใจ

ซังวูเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ

“เอ่อ... ฮายอน เธอเรียนอยู่ชั้นไหนหรอ?”

“หนูอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 แล้ว พี่ล่ะอยู่ปีอะไรแล้วคะ?”

“ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปีสองน่ะ ปีนี้ฉันก็อายุ 21 ปีแล้ว ดังนั้นฉันก็น่าจะอายุมากกว่าฮายอน 2 ปีสินะ”

“เอ่อ...พี่พูดตามสบายได้เลยค่ะ”

“จริงหรอ? เข้าใจล่ะ”

ซังวูมองไปที่ฮายอนแล้วยิ้มอย่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดวงตากลมโตกลายเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

' เขาดูน่ารักดีจัง'

แม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้นกับตัวเอง แต่ฮายอนก็ไม่ได้แสดงมันออกมาเลย

“อืม… จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรับหน้าที่เป็นติวเตอร์สอนพิเศษ ฉันก็เลยสับสนนิดหน่อย แต่เธอเหลือเวลาอีกประมาณ 100 วันก่อนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม?”

“ถูกต้องเลยค่ะ”

“คุณลุงบอกฉันว่าเขาอยากให้เธอได้ไปมหาวิทยาลัยคยองกุก แต่เขาก็บอกด้วยว่าเธอทำคะแนนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นขอฉันดูเกรดเธอหน่อยได้ไหม?”

เมื่อหัวข้อเรื่องเกรดปรากฏขึ้น ฮายอนก็นึกถึงใบเกรดที่เธอกำลังเตรียมจะเผาทิ้ง

' เกรด 1.5 วิชาคณิตศาสตร์ เกรด 2 วิชาภาษาอังกฤษ... โอ้เวรแล้ว!'

“ไม่นะ!”

“หื้ม? มีอะไรหรอ?”

“พอดีหนูทำใบคะแนนหายน่ะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะจำมันได้คร่าวๆ ไหม?”

“เอ่อ... คือ...”

ฮายอนรู้สึกว่าเธอไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้และเปิดเผยคะแนนของเธออกมา

“อืม... ค่าเฉลี่ยของเธออยู่ที่ 1.5 ถึง 2 สินะ... มันค่อนข้างจะ...”

“มันคงจะดูแย่มากเลยใช่ไหมคะ?”

“เปล่าเลย จริงๆ แล้วตอนแรกฉันก็ได้คะแนนประมาณนี้เหมือนกัน”

“จริงหรอคะ?”

“แน่นอน ฉันเองก็พยายามอย่างหนักเลยล่ะ แต่เธอเองก็จะทำได้ด้วยเหมือนกัน”

“เยี่ยมเลย!”

“งั้นเราจะเรียนวันไหนกันดีล่ะ?”

สองวันต่อสัปดาห์ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันจันทร์และวันพฤหัสบดี

“เนื่องจากวันนี้เป็นวันพฤหัสบดี งั้นมาเริ่มติวกันวันนี้เลยดีไหม?”

จากนั้นฮายอนก็นึกถึงสภาพห้องในปัจจุบันของเธอ

' ผ้าห่มและกางเกงชั้นในยังกองอยู่เลอะเทอะไปหมดเลย... ไม่นะ!'

“เดี๋ยวก่อนนะคะ พอดีห้องหนูค่อนข้างรก ดังนั้นหนูขอทำความสะอาดสักครู่หนึ่งนะ!”

ฮายอนรีบเข้าไปในห้องของเธอและเริ่มยัดทุกสิ่งที่เธอเห็นลงใต้เตียง

ตุ๊ด! ปัง! เอี๊ยด!

เสียงที่ชวนให้นึกถึงสนามรบดังสะท้อนผ่านประตูที่ปิดอยู่

ขณะที่ซังวูกำลังตกใจกับเสียงนั้นและกำลังกระสับกระส่าย คิมอ๊กจองก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับเครื่องดื่ม

“คุณป้าครับ เธอมีอะไรผิดปกติรึเปล่าครับ...”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ๊ะ เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ โฮะโฮะ”

คิมอ๊กจองยิ้มราวกับจะบอกว่ามันไม่มีอะไรต้องกังวล

จากนั้นก็ผ่านไปประมาณ 10 นาที? ในที่สุดประตูก็เปิดออกและฮายอนก็เดินออกมา

ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอก็ได้เปลี่ยนจากเสื้อผ้าหลวมๆ เป็นกางเกงขาสั้นเรียบร้อยและเสื้อยืดธรรมดา

ซังวูดูประหลาดใจกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของฮายอน

“ครูคะ เชิญเข้ามาในห้องได้เลยค่ะ”

“เข้าใจแล้ว”

จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าเข้าไปในห้องเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่คิมอ๊กจองมอบให้และเริ่มเรียน

การสอนวันแรกผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

* * *

ซังวูกลับมาบ้านหลังจากสอนพิเศษเสร็จ

เขานอนอยู่บนที่นอนและหัวเราะเหมือนกับคนบ้า

' การสอน...แม่งโคตรดี'

จาง ฮายอน

ตอนที่ซังวูเห็นฮายอนครั้งแรก เขาคิดว่าเธอเป็นนางฟ้า

ผมสีดำยาว ผิวสีขาวซีดและใบหน้าที่เล็กเรียว

มันเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนกับไอดอลไม่มีผิด!

' เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องตั้งใจสอนเธอให้ดี!’

ฉันรู้สึกว่างานสอนพิเศษของฉันในฐานะครูสอนพิเศษจะสนุกสนานมากขึ้นในอนาคต

หลังจากนั้น ซังวูก็ใช้เวลาเล่นเกมในโทรศัพท์ของเขา

จู่ๆ ฉันก็นึกถึงหมายเลข 1 ขึ้นได้

' ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว เขาจะทำงานพาร์ทไทม์ได้ดีรึเปล่านะ?'

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงส่งข้อความหาหมายเลข 1

ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาจากหมายเลข 1

-[ หมายเลข 1]: ผมกำลังทำงานอยู่ครับ

-[ ซังวู ]: อืม ทุกอย่างโอเคไหม?

-[ หมายเลข 1]: เรียบร้อยครับนาย

' โอ้ ลืมไป เขากำลังทำงานนี่นา'

ซังวูตระหนักได้ว่าการส่งข้อความขณะทำงานถือเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นเขาจึงรีบจบแชท

- [ ซังวู]: ทำงานให้หนัก แล้วก็ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้านเมื่อเลิกงานแล้ว แค่นี้แหละ

ซังวูปิดหน้าต่างข้อความและรู้สึกว่าวิธีการสื่อสารในปัจจุบันของเขาไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่

' การโทรออกหรือส่งข้อความอาจจะไม่สะดวกอยู่สักหน่อย มันพอจะมีสกิลอะไรบ้างนะที่จะช่วยให้ฉันสามารถติดต่อกับร่างโคลนได้โดยตรง?'

ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงค้นหาในอินเทอร์เน็ต

'ฮันเตอร์เว็ป' นี่คือชุมชนอินเทอร์เน็ตที่รวบรวมทั้งผู้ปลุกพลังและฮันเตอร์ชาวเกาหลีเอาไว้

มีโพสต์ข้อมูลมากมาย โพสต์กลยุทธ์ดันเจี้ยน และโพสต์รับสมัครปาร์ตี้ นอกจากนี้มันยังมีการแลกเปลี่ยนไอเท็มและสกิล

ซังวูรู้สึกเวียนหัวเพราะข้อมูลที่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงค้นหาจากคำว่า 'โทรจิต' จากนั้น สกิลที่เกี่ยวข้องหลายอันก็ปรากฏขึ้น

ซังวูมองไปที่สกิลโทรจิตที่ปรากฎขึ้นเป็นอันแรก

───────────────

หัวข้อ: ขายคัมภีร์สกิลโทรจิต

เนื้อหา: นี่คือคัมภีร์สกิลโทรจิต นี่เป็นหนึ่งในสกิลปาร์ตี้ที่สำคัญที่หลายๆ คนใช้กัน มันเหมาะสำหรับคนที่เป็นผู้นำ เมื่อคุณใช้สกิลนี้แล้ว คุณจะสามารถถ่ายทอดความคิดของคุณไปยังใครบางคนภายในรัศมีที่กำหนดได้ นอกจากนี้ มันยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่มีปัญหาในการพูดอีกด้วย ฉันกำลังรีบหาเงิน ดังนั้นฉันจึงขายถูกกว่าราคาจริง

ราคา: 400,000,000 วอน (ต่อรองได้)

└ขายรึยังครับ?

└ยังไม่ขายครับ^^

└010-5839-XXXX กรุณารับโทรศัพท์ด้วยค่ะ

└ผมจะซื้อในราคา 450 ล้าน กรุณาโทรมาที่ 010-7921-XXXX ด้วยครับ

───────────────

' ราคาอยู่ที่ 400 ล้านหรอ?'

ราคาสกิลนั้นแพงมหาศาล มันเป็นราคาที่ฉันไม่สามารถจ่ายได้

เมื่อฉันตรวจสอบราคาสำหรับสกิลอื่นๆ มันก็มีราคาใกล้เคียงกันหมด สกิลโทรจิตเกือบทั้งหมดมีราคาหลายร้อยล้าน และสกิลยอดนิยมก็มีราคาสูงถึงหลายพันล้าน แน่นอนว่าสกิลเหล่านั้นเองก็หายากด้วย

' ตอนนี้ รวมทั้งเงินเดือนพาร์ทไทม์ของหมายเลข 1 ด้วย ฉันก้มีรายได้ประมาณ 4 ล้านต่อเดือนเอง ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีในการเก็บเงินเพื่อซื้อสกิลสักหนึ่งสกิล’

‘ บางที ฉันอาจจะเอาเงินไปซื้อบ้านดีกว่าไหมนะ?'

ซังวูรู้สึกผิดหวังมาก และในขณะนั้นเอง สกิลหนึ่งก็ได้ดึงดูดสายตาของเขา

───────────────

หัวข้อ: สกิลแนะนำสำหรับสายอัญเชิญ! ขายสกิล แฟมิเลีย!

คำอธิบาย: นี่คือสกิลแบ่งปันมุมมองกับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อัญเชิญ เนื่องจากมีการแบ่งปันประสาทสัมผัสกัน ดังนั้นการมองเห็นจึงจะถูกแบ่งปันด้วย นี่เป็นสกิลที่มีประโยชน์มากซึ่งมักจะใช้เมื่อส่งสัตว์เลี้ยงออกไปสอดแนม

ราคา: 100,000,000 วอน

───────────────

เมื่อมองมันแวบแรก มันก็เป็นทักษะที่ดูเหมือนจะไม่มีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของซังวูก็คือเนื้อหาของ 'การแบ่งปันมุมมอง'

' จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันใช้สกิลนี้กับร่างโคลนของฉัน? เนื่องจากมันสามารถแชร์มุมมองกันได้ ดังนั้นฉันก็อาจจะควบคุมมันระยะไกลแบบเรียลไทม์ได้'

มันเป็นสกิลที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันกับร่างโคลน

อย่างไรก็ตาม ราคาของมันก็สูงถึง 100 ล้านวอน ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงทำได้เพียงบันทึกมันลงในของที่อยากได้

' การได้รับเพียงสกิลเดียวโดยใช้เวลาทั้งชีวิต นี่มันอะไรกัน? แม้ว่าฉันจะบรรลุความสามารถทั้งหมดที่ฉันมุ่งหมายไว้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นฉันก็คงจะแก่ตายแล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการทำงานพาร์ทไทม์ได้สินะ... ถ้าฉันต้องการเงินจริงๆ ฉันก็ควรจะทำงานเป็นฮันเตอร์ดีไหม?'

ในข่าวมีสถิติแสดงให้เห็นอยู่เสมอว่ารายได้ที่แท้จริงของคนที่ทำงานเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ที่ได้รับการรับรองระดับประเทศนั้นสูงถึงหลายร้อยล้านวอน ซึ่งนั่นก็สูงกว่าเงินเดือนประจำปีของผู้ที่ทำงานในบริษัทขนาดใหญ่มาก สิ่งนี้ทำให้ฮันเตอร์กลายเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคสมัยใหม่

' แต่มันก็อันตรายอยู่นะ'

ฮันเตอร์แรงค์ F ซึ่งคล้ายกับคนธรรมดาทั่วไปจะหารายได้จากการล่ามอนสเตอร์โดยใช้อาวุธปืนและขายซากของพวกมัน พวกเขาจะไม่ค่อยทำงานคนเดียวและมักจะเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์

และทุกวันนี้ กิลด์ขนาดเล็กและขนาดกลางก็สร้างยอดขายได้หลายหมื่นล้านวอนในทุกๆ ปี มันทำให้พวกเขาเทียบได้กับองค์กรขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ว่ากันว่าฮันเตอร์แรงค์ S ยังเกือบจะนับได้ว่าเป็นอาวุธเชิงกลยุทธ์

เรื่องราวเหล่านี้ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในความเป็นจริง เมื่อคิดเช่นนั้น ซังวูก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอย่างหนัก

' อย่างไรก็ตาม ฉันก็ต้องเคลียร์ดันเจี้ยนหรือใช้สมบัติเพื่อสร้างพลังเวทย์อยู่แล้ว และถ้าฉันอยากจะพัฒนาขึ้นให้ได้เร็วๆ ฉันก็มีแต่ต้องหาเงินให้ได้มากๆ และเพื่อการนั้น ฉันก็จะต้องเป็นฮันเตอร์ให้ได้เร็วที่สุด!'

ซังวูเปลี่ยนแปลงไปมากเกินกว่าจะพอใจกับการเป็นนักศึกษาวิศวะคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ แล้ว

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาได้รับสกิลร่างโคลนมา

ซังวูตัดสินใจสอบเอาใบรับรองฮันเตอร์ในวันพรุ่งนี้

และแล้ว...

[ พลังชีวิตถูกปลดล็อคแล้ว ]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด