บทที่ 7 : การตัดสินใจ
บทที่ 7 : การตัดสินใจ
ตอนนี้จางฮายอนกำลังโกรธมาก
“อ้า! ทำไมลูกถึงไม่เข้าใจสักทีนะ พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อลูกนะ!”
“ก็หนูไม่อยากเรียนพิเศษนี่!”
“แต่ลูกยังต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยนะ! เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไม่รู้ว่าไปได้นิสัยแบบนี้จากใครมา ทำถึงเกลียดการเรียนมากขนาดนี้กันนะ”
“มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? หนูก็ได้มาจากพ่อนั่นแหละ! อีกอย่าง หนูจะไปประสบความสำเร็จในฐานะฮันเตอร์!”
“ฮันเตอร์! ฮันเตอร์อะไร! พ่อให้ข้าวลูกกินนะ ไม่ใช่กระดูกหมาแทะ! ฮันเตอร์งั้นหรอ! โอ้ย หัวพ่อจะปวด!”
จางด็อกชิลดีดตัวขึ้นมาจากโซฟาและมุ่งหน้าตรงไปที่ประตูหน้า
“พ่อจะไปไหน มาคุยกันให้จบก่อนสิ!”
“พ่อจะไปทำงานแล้ว!”
“ไม่จริง หนูได้ยินนะว่าอาจารย์สอนพิเศษกำลังจะมา! โทรไปบอกเขาเลยว่าไม่ต้องมา!”
“ไร้สาระ! นังเด็กนี่ วันนี้พ่อจะพาครูมาสอนพิเศษแกให้ได้!”
จางด็อกชิลตะโกนเสียงดัง เขาสวมรองเท้าแล้วเดินไปเปิดประตูหน้า
จากนั้นแม่ของเธอ คิมอ๊กจองก็ตำหนิเธอด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
“ฮายอน! อย่าตะโกนสิลูก เดี๋ยวข้างบ้านก็ได้ยินกันหมดหรอก”
“พ่อทำงานหนักเพื่อส่งแกไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อรู้สึกยังไงบ้าง... ห้ะ? อ้าวซังวู เธอมาถึงแล้วหรอ!”
“ครับคุณลุง... ผมมาผิดเวลารึเปล่า? ฮ่าฮ่า...”
“ไม่เลย เข้ามาก่อนสิ เข้ามา”
ฮายอนซึ่งกำลังหงุดหงิดกับพ่อของเธอสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากประตูหน้าบ้าน
' อะไรนะ ครูสอนพิเศษมาถึงแล้วหรอ? แย่แล้ว ฉันยังไม่ได้สระผมเลยด้วยซ้ำ!'
จากนั้นฮายอนก็รีบหยิบกระจกมือออกมาแล้วใช้นิ้วสางผมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอไม่ได้มีเรียนในช่วงวันหยุด ดังนั้นสภาพของเธอจึงไม่สู้ดีนัก
' โถ่ สภาพฉัน.. เป็นไงเป็นกัน ฉันจะทำให้เขาไม่อยากสอนฉันเองก็ได้’
ในที่สุดฮายอนก็ยอมแพ้และตัดสินใจจะเปลี่ยนไปไล่ครูสอนพิเศษด้วยแผนพลีชีพ(?)
ในขณะนี้ ซังวูก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เขาสูงเกือบ 180 ซม. ใบหน้าอวบเล็กน้อย ผิวขาวบริสุทธิ์และดวงตากลมโต
' โอ้ เขาดูน่ารักอยู่นะ'
จางฮายอนชะงักไปเล็กน้อย ซังวูกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปหาคิมอ๊กจอง
“สวัสดีครับ”
“นี่คือจองซังวู เขามาที่นี่เพื่อสอนพิเศษ”
ฮายอนรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อเธอได้ยินเสียงหล่อเข้มของซังวูนั้น
' ว้าว ช่างเป็นเสียงที่ทำเอาใจระทวยจริงๆ!'
เสียงทุ้มต่ำแต่ไม่หนาจนเกินไปทำให้เธอรู้สึกสดชื่นสบายหู
“ยินดีต้อนรับจ่ะ นักเรียนซังวู เสียงของเธอฟังดูหล่อจริงๆ นะ โฮะโฮะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่หรอกครับ”
“เธอจะต้องดังมากในโรงเรียนแน่นอน โฮะโฮะโฮะ ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาจากพ่อของฮายอนแล้ว ฉันได้ยินมาว่าเธอเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยคยองกุกใช่ไหม?”
“โอ้ใช่แล้วครับ ถูกต้องแล้ว ผมกำลังเรียนคณะวิศวะคอมพิวเตอร์ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเธอจะต้องเก่งคณิตมากแน่ๆ เลย โฮะโฮะ”
คิมอ๊กจองเปลี่ยนจากจอมมารร้ายมาปฏิบัติต่อซังวูเป็นอย่างดี
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ฮายอนก็เริ่มเหล่ตามองแม่ของเธอ
' ใช่แล้ว นี่แหละแม่ฉัน!'
“นี่คือฮายอน ลูกสาวของเรา ฮายอนทักทายเขาหน่อยสิ”
ฮายอนไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดเหล่านั้น แต่แล้วสมองของเธอก็หยุดทำงานไปครู่หนึ่ง
ฉันยังไม่เปิดปากของฉันเลย
“โอ้ สวัสดีค่ะ...”
ฉันทักทายเขาด้วยเสียงพูดติดอ่างและสั่นคลอน
' นี่มันน่าอายจริงๆ!'
ใบหน้าของฉันรู้สึกร้อนและแดงไปหมด
“ลูกของฉันค่อนข้างขี้อายนิดหน่อยน่ะ โฮะโฮะ เธอต้องการชาหน่อยไหม?”
“ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ”
“งั้นก็นั่งรอตรงนี้สักครู่นะจ๊ะ”
คุณแม่คิมอ๊กจองมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวและฮัมเพลง
ทั้งสามคนนั่งรอบโต๊ะโซฟา
จางด็อกชิลรับหน้าที่พูดต่อจากคิมอ๊กจอง
“ขอบคุณที่มาที่นี่นะ”
“ไม่เลยครับ ที่นี่อยู่ใกล้กว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”
“ฮายอน ลูกสาวของเราเป็นยังไงบ้าง? เธอสวยไหมล่ะ?”
“ใช่แล้วครับ เธอสวยมากจริงๆ ผมนึกว่าเธอเป็นดาราบน SNS ซะอีก ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อพูดแบบนั้นออกไป มุมปากของฮายอนก็ยกสูงขึ้นราวกับกำลังยิ้ม
' ฮิฮิ พวกเขาชมฉันว่าสวยด้วย'
ฮายอนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว
“เธอสวยจริงหรอ? ฉันไม่เคยเห็นใครพูดแบบนี้มาก่อนเลย”
“พ่อ!”
ฮายอนกำหมัดกัดฟันกรามของเธอและตะโกนเรียกจางด็อกชิล เขาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง
“ฮ่าฮ่า... ฮายอนของเรามีใบหน้าที่สวย และเธอก็มีจิตใจที่น่ารักเช่นกัน แต่ซังวู.. ฉันต้องขอโทษด้วยนะที่ต้องพูดกับเธอแบบนี้ แต่ฮายอนลูกสาวฉันดูเหมือนจะไม่อยากเรียนพิเศษ…”
จองฮายอนรีบบีบต้นขาของพ่อเธอด้วยนิ้วเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะ
อ้ะ!
“คุณลุงสบายดีไหมครับ?”
ซังวูถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร แค่มีแก๊สในท้องน่ะ… ฮ่าฮ่าฮ่า”
“พ่อไม่ต้องไปทำงานหรอ? ดูเวลาสิ?”
ฮายอนจ้องไปที่พ่อของเธอตาเขม็ง
“เอ่อ.. เวลานี้หรอ มันก็ยังมีเวลาเหลืออยู่... อ้ะ! ตกลงตกลง ฉันคงต้องไปทำงานก่อนแล้วล่ะซังวู”
จางด็อกชิลยืนขึ้นและแสดงท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ที่น่าอึดอัดใจ
“ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่งเองนะครับ จะรีบไปตั้งแต่ตอนนี้เลยหรอครับ?”
“ถ้าอยากได้เงินก็ต้องไปล่ะนะ ซังวู เธอช่วยสอนลูกสาวฉันทีนะ ฉันเชื่อใจเธอนะ ที่รัก! ฉันไปก่อนนะ!”
เพียงเท่านี้ จางด็อกชิลก็จากเราไป
ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังในห้องนั่งเล่น
มีอากาศที่น่าอึดอัดใจ
ซังวูเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ
“เอ่อ... ฮายอน เธอเรียนอยู่ชั้นไหนหรอ?”
“หนูอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 แล้ว พี่ล่ะอยู่ปีอะไรแล้วคะ?”
“ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปีสองน่ะ ปีนี้ฉันก็อายุ 21 ปีแล้ว ดังนั้นฉันก็น่าจะอายุมากกว่าฮายอน 2 ปีสินะ”
“เอ่อ...พี่พูดตามสบายได้เลยค่ะ”
“จริงหรอ? เข้าใจล่ะ”
ซังวูมองไปที่ฮายอนแล้วยิ้มอย่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดวงตากลมโตกลายเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
' เขาดูน่ารักดีจัง'
แม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้นกับตัวเอง แต่ฮายอนก็ไม่ได้แสดงมันออกมาเลย
“อืม… จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรับหน้าที่เป็นติวเตอร์สอนพิเศษ ฉันก็เลยสับสนนิดหน่อย แต่เธอเหลือเวลาอีกประมาณ 100 วันก่อนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
“ถูกต้องเลยค่ะ”
“คุณลุงบอกฉันว่าเขาอยากให้เธอได้ไปมหาวิทยาลัยคยองกุก แต่เขาก็บอกด้วยว่าเธอทำคะแนนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นขอฉันดูเกรดเธอหน่อยได้ไหม?”
เมื่อหัวข้อเรื่องเกรดปรากฏขึ้น ฮายอนก็นึกถึงใบเกรดที่เธอกำลังเตรียมจะเผาทิ้ง
' เกรด 1.5 วิชาคณิตศาสตร์ เกรด 2 วิชาภาษาอังกฤษ... โอ้เวรแล้ว!'
“ไม่นะ!”
“หื้ม? มีอะไรหรอ?”
“พอดีหนูทำใบคะแนนหายน่ะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะจำมันได้คร่าวๆ ไหม?”
“เอ่อ... คือ...”
ฮายอนรู้สึกว่าเธอไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้และเปิดเผยคะแนนของเธออกมา
“อืม... ค่าเฉลี่ยของเธออยู่ที่ 1.5 ถึง 2 สินะ... มันค่อนข้างจะ...”
“มันคงจะดูแย่มากเลยใช่ไหมคะ?”
“เปล่าเลย จริงๆ แล้วตอนแรกฉันก็ได้คะแนนประมาณนี้เหมือนกัน”
“จริงหรอคะ?”
“แน่นอน ฉันเองก็พยายามอย่างหนักเลยล่ะ แต่เธอเองก็จะทำได้ด้วยเหมือนกัน”
“เยี่ยมเลย!”
“งั้นเราจะเรียนวันไหนกันดีล่ะ?”
สองวันต่อสัปดาห์ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันจันทร์และวันพฤหัสบดี
“เนื่องจากวันนี้เป็นวันพฤหัสบดี งั้นมาเริ่มติวกันวันนี้เลยดีไหม?”
จากนั้นฮายอนก็นึกถึงสภาพห้องในปัจจุบันของเธอ
' ผ้าห่มและกางเกงชั้นในยังกองอยู่เลอะเทอะไปหมดเลย... ไม่นะ!'
“เดี๋ยวก่อนนะคะ พอดีห้องหนูค่อนข้างรก ดังนั้นหนูขอทำความสะอาดสักครู่หนึ่งนะ!”
ฮายอนรีบเข้าไปในห้องของเธอและเริ่มยัดทุกสิ่งที่เธอเห็นลงใต้เตียง
ตุ๊ด! ปัง! เอี๊ยด!
เสียงที่ชวนให้นึกถึงสนามรบดังสะท้อนผ่านประตูที่ปิดอยู่
ขณะที่ซังวูกำลังตกใจกับเสียงนั้นและกำลังกระสับกระส่าย คิมอ๊กจองก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับเครื่องดื่ม
“คุณป้าครับ เธอมีอะไรผิดปกติรึเปล่าครับ...”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ๊ะ เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ โฮะโฮะ”
คิมอ๊กจองยิ้มราวกับจะบอกว่ามันไม่มีอะไรต้องกังวล
จากนั้นก็ผ่านไปประมาณ 10 นาที? ในที่สุดประตูก็เปิดออกและฮายอนก็เดินออกมา
ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอก็ได้เปลี่ยนจากเสื้อผ้าหลวมๆ เป็นกางเกงขาสั้นเรียบร้อยและเสื้อยืดธรรมดา
ซังวูดูประหลาดใจกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของฮายอน
“ครูคะ เชิญเข้ามาในห้องได้เลยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าเข้าไปในห้องเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่คิมอ๊กจองมอบให้และเริ่มเรียน
การสอนวันแรกผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
* * *
ซังวูกลับมาบ้านหลังจากสอนพิเศษเสร็จ
เขานอนอยู่บนที่นอนและหัวเราะเหมือนกับคนบ้า
' การสอน...แม่งโคตรดี'
จาง ฮายอน
ตอนที่ซังวูเห็นฮายอนครั้งแรก เขาคิดว่าเธอเป็นนางฟ้า
ผมสีดำยาว ผิวสีขาวซีดและใบหน้าที่เล็กเรียว
มันเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนกับไอดอลไม่มีผิด!
' เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องตั้งใจสอนเธอให้ดี!’
ฉันรู้สึกว่างานสอนพิเศษของฉันในฐานะครูสอนพิเศษจะสนุกสนานมากขึ้นในอนาคต
หลังจากนั้น ซังวูก็ใช้เวลาเล่นเกมในโทรศัพท์ของเขา
จู่ๆ ฉันก็นึกถึงหมายเลข 1 ขึ้นได้
' ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว เขาจะทำงานพาร์ทไทม์ได้ดีรึเปล่านะ?'
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงส่งข้อความหาหมายเลข 1
ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาจากหมายเลข 1
-[ หมายเลข 1]: ผมกำลังทำงานอยู่ครับ
-[ ซังวู ]: อืม ทุกอย่างโอเคไหม?
-[ หมายเลข 1]: เรียบร้อยครับนาย
' โอ้ ลืมไป เขากำลังทำงานนี่นา'
ซังวูตระหนักได้ว่าการส่งข้อความขณะทำงานถือเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นเขาจึงรีบจบแชท
- [ ซังวู]: ทำงานให้หนัก แล้วก็ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้านเมื่อเลิกงานแล้ว แค่นี้แหละ
ซังวูปิดหน้าต่างข้อความและรู้สึกว่าวิธีการสื่อสารในปัจจุบันของเขาไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่
' การโทรออกหรือส่งข้อความอาจจะไม่สะดวกอยู่สักหน่อย มันพอจะมีสกิลอะไรบ้างนะที่จะช่วยให้ฉันสามารถติดต่อกับร่างโคลนได้โดยตรง?'
ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงค้นหาในอินเทอร์เน็ต
'ฮันเตอร์เว็ป' นี่คือชุมชนอินเทอร์เน็ตที่รวบรวมทั้งผู้ปลุกพลังและฮันเตอร์ชาวเกาหลีเอาไว้
มีโพสต์ข้อมูลมากมาย โพสต์กลยุทธ์ดันเจี้ยน และโพสต์รับสมัครปาร์ตี้ นอกจากนี้มันยังมีการแลกเปลี่ยนไอเท็มและสกิล
ซังวูรู้สึกเวียนหัวเพราะข้อมูลที่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงค้นหาจากคำว่า 'โทรจิต' จากนั้น สกิลที่เกี่ยวข้องหลายอันก็ปรากฏขึ้น
ซังวูมองไปที่สกิลโทรจิตที่ปรากฎขึ้นเป็นอันแรก
───────────────
หัวข้อ: ขายคัมภีร์สกิลโทรจิต
เนื้อหา: นี่คือคัมภีร์สกิลโทรจิต นี่เป็นหนึ่งในสกิลปาร์ตี้ที่สำคัญที่หลายๆ คนใช้กัน มันเหมาะสำหรับคนที่เป็นผู้นำ เมื่อคุณใช้สกิลนี้แล้ว คุณจะสามารถถ่ายทอดความคิดของคุณไปยังใครบางคนภายในรัศมีที่กำหนดได้ นอกจากนี้ มันยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่มีปัญหาในการพูดอีกด้วย ฉันกำลังรีบหาเงิน ดังนั้นฉันจึงขายถูกกว่าราคาจริง
ราคา: 400,000,000 วอน (ต่อรองได้)
└ขายรึยังครับ?
└ยังไม่ขายครับ^^
└010-5839-XXXX กรุณารับโทรศัพท์ด้วยค่ะ
└ผมจะซื้อในราคา 450 ล้าน กรุณาโทรมาที่ 010-7921-XXXX ด้วยครับ
───────────────
' ราคาอยู่ที่ 400 ล้านหรอ?'
ราคาสกิลนั้นแพงมหาศาล มันเป็นราคาที่ฉันไม่สามารถจ่ายได้
เมื่อฉันตรวจสอบราคาสำหรับสกิลอื่นๆ มันก็มีราคาใกล้เคียงกันหมด สกิลโทรจิตเกือบทั้งหมดมีราคาหลายร้อยล้าน และสกิลยอดนิยมก็มีราคาสูงถึงหลายพันล้าน แน่นอนว่าสกิลเหล่านั้นเองก็หายากด้วย
' ตอนนี้ รวมทั้งเงินเดือนพาร์ทไทม์ของหมายเลข 1 ด้วย ฉันก้มีรายได้ประมาณ 4 ล้านต่อเดือนเอง ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีในการเก็บเงินเพื่อซื้อสกิลสักหนึ่งสกิล’
‘ บางที ฉันอาจจะเอาเงินไปซื้อบ้านดีกว่าไหมนะ?'
ซังวูรู้สึกผิดหวังมาก และในขณะนั้นเอง สกิลหนึ่งก็ได้ดึงดูดสายตาของเขา
───────────────
หัวข้อ: สกิลแนะนำสำหรับสายอัญเชิญ! ขายสกิล แฟมิเลีย!
คำอธิบาย: นี่คือสกิลแบ่งปันมุมมองกับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อัญเชิญ เนื่องจากมีการแบ่งปันประสาทสัมผัสกัน ดังนั้นการมองเห็นจึงจะถูกแบ่งปันด้วย นี่เป็นสกิลที่มีประโยชน์มากซึ่งมักจะใช้เมื่อส่งสัตว์เลี้ยงออกไปสอดแนม
ราคา: 100,000,000 วอน
───────────────
เมื่อมองมันแวบแรก มันก็เป็นทักษะที่ดูเหมือนจะไม่มีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของซังวูก็คือเนื้อหาของ 'การแบ่งปันมุมมอง'
' จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันใช้สกิลนี้กับร่างโคลนของฉัน? เนื่องจากมันสามารถแชร์มุมมองกันได้ ดังนั้นฉันก็อาจจะควบคุมมันระยะไกลแบบเรียลไทม์ได้'
มันเป็นสกิลที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันกับร่างโคลน
อย่างไรก็ตาม ราคาของมันก็สูงถึง 100 ล้านวอน ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงทำได้เพียงบันทึกมันลงในของที่อยากได้
' การได้รับเพียงสกิลเดียวโดยใช้เวลาทั้งชีวิต นี่มันอะไรกัน? แม้ว่าฉันจะบรรลุความสามารถทั้งหมดที่ฉันมุ่งหมายไว้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นฉันก็คงจะแก่ตายแล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการทำงานพาร์ทไทม์ได้สินะ... ถ้าฉันต้องการเงินจริงๆ ฉันก็ควรจะทำงานเป็นฮันเตอร์ดีไหม?'
ในข่าวมีสถิติแสดงให้เห็นอยู่เสมอว่ารายได้ที่แท้จริงของคนที่ทำงานเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ที่ได้รับการรับรองระดับประเทศนั้นสูงถึงหลายร้อยล้านวอน ซึ่งนั่นก็สูงกว่าเงินเดือนประจำปีของผู้ที่ทำงานในบริษัทขนาดใหญ่มาก สิ่งนี้ทำให้ฮันเตอร์กลายเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคสมัยใหม่
' แต่มันก็อันตรายอยู่นะ'
ฮันเตอร์แรงค์ F ซึ่งคล้ายกับคนธรรมดาทั่วไปจะหารายได้จากการล่ามอนสเตอร์โดยใช้อาวุธปืนและขายซากของพวกมัน พวกเขาจะไม่ค่อยทำงานคนเดียวและมักจะเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์
และทุกวันนี้ กิลด์ขนาดเล็กและขนาดกลางก็สร้างยอดขายได้หลายหมื่นล้านวอนในทุกๆ ปี มันทำให้พวกเขาเทียบได้กับองค์กรขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ว่ากันว่าฮันเตอร์แรงค์ S ยังเกือบจะนับได้ว่าเป็นอาวุธเชิงกลยุทธ์
เรื่องราวเหล่านี้ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในความเป็นจริง เมื่อคิดเช่นนั้น ซังวูก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอย่างหนัก
' อย่างไรก็ตาม ฉันก็ต้องเคลียร์ดันเจี้ยนหรือใช้สมบัติเพื่อสร้างพลังเวทย์อยู่แล้ว และถ้าฉันอยากจะพัฒนาขึ้นให้ได้เร็วๆ ฉันก็มีแต่ต้องหาเงินให้ได้มากๆ และเพื่อการนั้น ฉันก็จะต้องเป็นฮันเตอร์ให้ได้เร็วที่สุด!'
ซังวูเปลี่ยนแปลงไปมากเกินกว่าจะพอใจกับการเป็นนักศึกษาวิศวะคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาได้รับสกิลร่างโคลนมา
ซังวูตัดสินใจสอบเอาใบรับรองฮันเตอร์ในวันพรุ่งนี้
และแล้ว...
[ พลังชีวิตถูกปลดล็อคแล้ว ]