บทที่ 40 เซเรย์เทย์? ราชันย์วิญญาณ!
บทที่ 40 เซเรย์เทย์? ราชันย์วิญญาณ!
ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ ฮิรุเซ็นกำลังต่อสู้อยู่กับเบียคุยะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสนามรบฝั่งไรคาเงะโดยธรรมชาติ
หลังจากถอดเสื้อคลุมโฮคาเงะออก ข้างใต้เสื้อคลุมคือชุดรบประจำตัวของเขา
กระบองสีดำถูกแปลงร่างโดยสัตว์อัญเชิญ ‘ราชาวานรเอ็นมะ’ นั้นอยู่ในมือ!
“ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ”
ฮิรุเซ็นถอนหายใจในขณะที่เขามองดูไรคาเงะถูกเคมปาจิทุบตีไปมาเกือบทุกทิศทุกทาง
ในฐานะคาเงะรุ่นก่อน ฮิรุเซ็นรับรู้ได้ถึงพลังของโหมดอาภรณ์สายฟ้าแน่นอน
แม้ว่าไรคาเงะรุ่นสี่ยังอายุน้อย ความแข็งแกร่งยังคงไม่เท่ารุ่นที่สาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็คือคาเงะ
การถูกปราบปรามในสภาพนี้เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกัปตันที่ชื่อเคมปาจิ
และที่สำคัญ ฮิรุเซ็นรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลืออีกฝ่าย
เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือกัปตันเหมือนกัน
“อย่างที่ข่าวลือพูดกัน ฝีมือดาบงดงามมาก”
เมื่อมองไปยังเบียคุยะผู้ถือดาบตรงหน้า แล้วมองไปยังชุดต่อสู้ของเขาที่มีรอยขีดข่วนบนตัว ฮิรุเซ็นพูดขึ้นเบาๆ
“แต่เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งที่สหายร่วมทีมของเจ้าแสดงออกมา เจ้าควรออมมืออยู่?”
เขามองไปยังเบียคุยะอย่างเคร่งขรึม คำพูดดังกล่าวเป็นดั่งการซักถาม
“วิชาดาบ แรงดันวิญญาณ และวิถีมาร คือวิชาหลักสามประการของยมทูต”
แต่เหนือความคาดหมายของฮิรุเซน เบียคุยะอธิบายให้เขาฟังด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
“แรงดันวิญญาณของซาราคินั้นทรงพลังโดยกำเนิด มันยังสามารถอยู่ในรูปแบบทางกายภาพได้”
“ถ้าเทียบกันแล้ว…วิชาดาบและวิถีมารฉันดีกว่า”
หลังจากได้ยินคำพูดของเบียคุยะ ฮิรุเซ็นเงียบไปเช่นกัน
แต่ในดวงตาของเขา แสงอันแหลมคมส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา
‘แน่นอนเป็นอย่างที่มินาโตะพูด คนพวกนี้เรียกตัวเองว่ายมทูต’
‘แรงดันวิญญาณน่าจะหมายถึงออร่าสีทองบนร่างชายที่ชื่อซาราคิ เคมปาจิ…มันเหมือนกับจักระหรือเปล่า?’
‘สำหรับวิถีมาร ควรเป็นวิชานินจาที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ มันไม่จำเป็นต้องมีการประสานอิน’
เขาคอยวิเคราะห์อยู่ในใจ เกือบทำให้เขาได้เห็นรูปแบบของพลังมหาศาล
ไม่เหมือนกับหมู่บ้านนินจา องค์กรเหล่านี้ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณอาจมีวิธีการพิเศษคล้ายกับภูเขาเมียวโบคุ!
แต่ไม่นานฮิรุเซ็นก็หยุดคิด
เพราะตรงหน้าเขา เบียคุยะได้ยกดาบฟันวิญญาณในมือขึ้นด้วยท่าทีแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แม้ไม่มีคำอธิบายด้วยวาจา แต่ฮิรุเซ็นยังสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากแรงกดดันของคู่ต่อสู้โดยสัญชาตญาณ
“ซาราคิปล่อยแรงดันวิญญาณแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่เล่นกับแกอีกต่อไป”
เบียคุยะพูดด้วยเสียงต่ำ
“บังไค…”
ขณะเบียคุยะพูดสองคำที่ไม่ทราบความหมายนี้อย่างช้าๆ ดาบในมือของเขาเริ่มระเบิดแรงดันวิญญาณขนาดใหญ่ออกมาด้วย!
แรงกดดันอันใหญ่หลวงนั้นยังทำให้กระบองสีดำในมือของฮิรุเซ็น ซึ่งถูกแปลงร่างโดยราชาวานรเอ็นมะส่งเสียงเตือน: “อาวุธของชายคนนั้น…แปลกมาก!”
“ฉันรู้”
ฮิรุเซ็นพยักหน้า กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกร็งแน่น
แน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังใช้พลังทั้งหมดโจมตี
แต่ในตอนนั้นเอง…
“หือ?”
ฮิรุเซ็นเห็นว่าการเคลื่อนไหวของเบียคุยะชะงักงัน
โดยเฉพาะการแสดงออกอันสงบซึ่งแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ปรากฏตัว ในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฮิรุเซ็นอดที่จะเกิดความสงสัยในใจอย่างมากไม่ได้
ในครู่ต่อมา เขาเห็นท้องฟ้าด้านหลังไม่ไกลจากเบียคุยะ…เริ่มแตกสลาย!
รอยแตกกระจายไปทั่วพื้นที่โดยรอบอย่างเงียบๆ
จากนั้นหลุมดำมืดปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า
“มันคือนินจาอวกาศ!”
ในขณะนั้น นินจาอิวะผู้เคยได้เห็นหลุมดำพาเบียคุยะออกไปด้วยตาตัวเอง จดจำหลุมดำนั้นได้ทันที
แต่ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด!
ก่อนหน้านี้ในสนามรบ เมื่อเบียคุยะคว้าร่างของไรคาเงะรุ่นสาม หลุมสีดำสนิทก็เป็นเพียงสีดำธรรมดา และขนาดของมันไม่ใหญ่เกินไป!
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าขนาดของหลุมดำนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า
และเนื่องจากการขยายตัวของหลุมดำ ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นทางเดินในหลุมดำได้อย่างชัดเจน
ทุกคนมองต่างเห็นได้ลางๆ ว่ามีเส้นทางแปลกๆ นับไม่ท่วมกระพริบอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมองจนสุดทาง พวกเขาเห็นเป็นเมืองขนาดใหญ่
กำแพงสีขาวสูงจำนวนนับไม่ถ้วนแบ่งเมืองออกเป็นเขต มีข่ายพลังทรงกลมป้องกัน ห่อหุ้มเมืองทั้งหมดไว้อย่างสมบูรณ์
จากภูมิประเทศโดยรอบจนสู่ศูนย์กลาง ในใจกลางเมืองมีพระราชวังขนาดใหญ่
พระราชวังแห่งนี้มีความเก่าแก่และสง่างาม ใจกลางพระราชวังมีบุคคลจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่ในชุดเครื่องแบบของยมทูตสิบสามหน่วยพิทักษ์
แม้จะมองแวบเดียว นินจาจากสามหมู่บ้านก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าอีกด้านของหลุมดำอยู่ที่ไหน
นั่นคือสิ่งที่เอเนลพูดถึงก่อนหน้านี้
“เซเรย์เทย์…”
ฮิรุเซ็นจ้องไปยังเมืองอย่างตั้งใจราวกับพยายามจดจำสิ่งพิเศษบางอย่าง
แต่ในตอนนั้นเอง…
“เบียคุยะ เคมปาจิ กลับมายังเซเรย์เทย์ทันที”
อีกด้านหนึ่งของทางเดิน เสียงสงบค่อยๆ ดังออกมา
และความหมายของคำพูดนั้นคือการสั่งเคมปาจิกับเบียคุยะอย่างชัดเจน
ชั่วพริบตาต่อมา พวกเขาเห็นเคมปาจิผู้กำลังต่อสู้กับไรคาเงะหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงนี้
จากนั้นเขาหยุดต่อสู้ทันที ร่างนั้นกระพริบกลับมาอยู่เคียงข้างเบียคุยะอย่างรวดเร็ว
“...”
หลังจากเห็นฉากนี้ ไรคาเงะก็ตกตะลึง
ในฐานะคนที่ต่อสู้กับเคมปาจิ เขาได้สร้างตัวละครเคมปาจิในใจตัวเองขึ้นมาแล้ว นี่คือสัตว์ร้ายบ้าคลั่ง โหดเหี้ยม ผู้ชื่นชอบการต่อสู้ เป็นสัตว์ร้ายที่มีความปรารถนาตามสัญชาตญาณในการฆ่า!
แต่ผู้ชายประเภทนี้กลับหยุดสัญชาตญาณในการต่อสู้เพราะคำพูดไม่กี่คำจากอีกฝั่งจริงๆ งั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่ไรคาเงะ แม้แต่สึจิคาเงะและมินาโตะยังค้นพบสิ่งผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดในเวลานี้!
เพราะทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น เอเนลกับครอกโคไดล์จึงหยุดต่อสู้กับพวกเขาทันที
“คนนอกกฎหมายสองคนนี้กังวลอะไรบางอย่างจริงๆ ?”
ดังนั้น ความอยากรู้อยากเห็นและความเคร่งขรึมในหัวใจของสามคาเงะกับมินาโตะได้มาถึงจุดสูงสุดเช่นกัน
แค่ประโยคเดียว…
เพียงประโยคเดียวทำให้กัปตันสองคนของสิบสามหน่วยพิทักษ์เชื่อฟัง
เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้เจ็ดเทพโจรสลัดที่กล้าไปยังหมู่บ้านนินจาซึนะเพื่อแย่งชิงสัตว์หางต้องหยุดลง แสดงท่าทางเคร่งเครียดและเคร่งขรึม
“...ใครกัน?”
แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้รับคำตอบ
เพราะตรงหน้าพวกเขา เคมปาจิกับเบียคุยะโค้งคำนับเล็กน้อยไปยังส่วนปลายทางเดินในหลุมดำ
ไม่ว่าจะเป็นเบียคุยะผู้เย่อหยิ่งหรือสัตว์ร้ายเคมปาจิผู้กระหายเลือด ต่างแสดงสีหน้าเคารพนอบน้อมออกมา
“ขอรับ…ฝ่าบาทราชันย์วิญญาณ”
…………………….