บทที่ 38 โหมดอาภรณ์สายฟ้า!
บทที่ 38 โหมดอาภรณ์สายฟ้า!
‘คาเงะ’ เป็นชื่อของนินจาผู้ทรงพลังที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนินจาเท่านั้นจึงสามารถครอบครองได้
แม้ว่าไม่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดอะไรนัก แต่คาเงะทุกคนมีพลังการต่อสู้มากกว่าโจนินเสมอ และระดับคาเงะเองเป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมินพลังต่อสู้ของโลกนินจามาโดยตลอด
เช่นเดียวกับสุดยอด ‘สี่กระบวนทัพตะวันเพลิง’ เป็นเทคนิคการสร้างข่ายพลังอันแข็งแกร่งที่สุด ในการร่ายคาถานี้ต้องใช้นินจาระดับโฮคาเงะสี่คนในการแสดง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในโลกนินจา การต่อสู้ระดับคาเงะด้วยกันนั้นหายาก
ท้ายที่สุดแล้ว คาเงะเป็นผู้นำจองหมู่บ้าน มักอยู่ในหมู่บ้านเกือบตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ในการออกไปต่อสู้ด้วยตนเอง
การต่อสู้ระดับคาเงะครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้คือ คุโมะกับโคโนฮะ ระหว่างมินาโตะและไรคาเงะรุ่นที่สี่เอ กับคู่หูของเขาบี
แน่นอนว่าการต่อสู้ไม่ได้ชัดเจนนัก ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมินาโตะอาจไม่เพียงพอที่จะเอาชนะการผสมผสานของพี่น้อง ‘เอบี’ ได้จริงๆ แต่ด้วยเทคนิคเทพสายฟ้าเหินทำให้เขาอยู่ยงคงกระพัน…
นอกเหนือจากการต่อสู้ครั้งนั้นแล้ว การต่อสู้ระดับคาเงะอาจขยายขึ้นไปไกลอีกโดยมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในสงครามโลกนินจาครั้งที่สอง
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ระดับคาเงะนั้นหาได้ยากเพียงใด และแม้แต่นินจาอาวุโสหลายคนอาจไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิตของเขา
แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นมันแล้ว
และไม่ใช่เพียงหนึ่งแต่เป็นสี่คู่ แปดคน!
สนามรบสี่แห่งมีสไตล์การต่อสู้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่างเช่นในเวลานี้ สนามรบระหว่างไรคาเงะรุ่นสี่และเคมปาจิถือเป็นการต่อสู้อันดุเดือดอย่างแท้จริง!
ไรคาเงะรุ่นสี่ได้ทำให้ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว คาถานินจาสายฟ้าของเขามาถึงระดับสูงสุด
ทุกๆ หมัดที่เขาโจมตีจะสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้น และพลังอันพลุ่งพล่านนี้ยังทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนอีกด้วย
เมื่อเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของไรคาเงะ เคมปาจิไม่มีเจตนาล่าถอยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเผชิญหน้าอีกฝ่ายโดยตรงพร้อมดาบฟันวิญญาณในมือ
เทคนิคการฟันของเขาไม่มีทักษะหรือการเคลื่อนไหวใดๆ เลยด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่ดาบกระทบกับเกราะข้อมือของไรคาเงะ พลังงานมหาศาลจะสั่นสะเทือนบาเรียที่อยู่รอบๆ
หากการต่อสู้ระหว่างไรคาเงะกับเคมปาจิ เป็นสุนทรียศาสตร์อันรุนแรงของการใช้กำลัง ในทางกลับกันการต่อสู้ระหว่างฮิรุเซ็นและเบียคุยะ ได้แสดงให้เห็นว่าทักษะคืออะไร
“คาถาดิน หอกหิน!”
“คาถาไฟ กระสุนมังกรไฟ!”
“คาถาน้ำ กำแพงวารี!”
พวกเขาเห็นฮิรุเซ็นใช้วิชานินจาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โจมตีอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นคาถาดิน, ไฟ, น้ำ หรือสายฟ้า พร้อมคาถานินจาอื่นๆ นินจาผู้ถูกเรียกว่า “ศาสตราจารย์” สมบูรณ์แบบเกือบทั้งหมด
การประสานงานทักษะคาถานินจาต่างๆ ของเขาแทบไม่มีที่ติ
ตรงข้ามเขา เบียคุยะแสดงให้เห็นพื้นฐานอันครอบคลุมที่สุดในฐานะกัปตัน
เมื่อเผชิญกับการโจมตีต่างๆ ของฮิรุเซ็น เขาใช้วิธีการต่างๆ เพื่อแก้ไขตามนั้น
การใช้ดาบอันละเอียดอ่อนแยกคาถานินจากับชูริเคนที่พุ่งเข้ามาอย่างแม่นยำ และชุนโปอันว่องไวเข้าใกล้อีกฝ่าย โดยมีวิถีมารคอยสนับสนุน
การเผชิญหน้าของทั้งสองเพียงแค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหนักอึ้งในจิตใจได้แล้ว
อีกด้านหนึ่งการต่อสู้ระหว่างสึจิคาเงะโอโนกิและครอกโคไดล์นั้นยิ่งใหญ่มาก
พวกเขาเห็นฝุ่นทรายจำนวนนับไม่ถ้วนบนพื้นผุดขึ้นมากลายเป็นแขนขนาดใหญ่ตบไปยังโอโนกิอย่างต่อเนื่อง และโอโนกิใช้วิชานินจาคาถาดินเพื่อสร้างกำแพงดินขนาดมหึมาในการป้องกัน
ระหว่างการโจมตีของทั้งสองฝ่าย แม้แต่ภูมิทัศน์ของสนามรบทั้งหมดยังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สำหรับสนามรบสุดท้าย มินาโตะกับเอเนล นินจาเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นได้เลย
เหตุผลง่ายๆ ทั้งสองฝ่ายเร็วเกินไป!
พวกเขาเห็นเพียงประกายสายฟ้าและลำแสงสีทองในสนามรบกระพริบอย่างต่อเนื่อง จากนั้นหายไปในชั่วพริบตาราวกับสายฟ้าแลบ!
“นี่คือการต่อสู้ระดับคาเงะงั้นหรอ?!”
เมื่อดูสถานการณ์การต่อสู้ในสนามรบทั้งสี่ นินจาทั้งหมดต่างรู้สึกตกตะลึง
เพียงผลพวงจากการสู้รบมันเหมือนกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ต้องพูดถึงการปะทะของทั้งสองฝ่ายโดยตรง
พวกเขาอดไม่ได้ในการถามตัวเองในใจว่าหาพวกเขาอยู่ในสนามรบ พวกเขาจะอยู่ในสนามรบได้นานแค่ไหนกัน?
และคำตอบก็ชัดเจน
‘อย่างมาก โจมตีได้เพียงครั้งเดียวฉันจะตาย!’
เมื่อมองไปยังสนามรบที่มีการต่อสู้อันดุเดือด นินจาชั้นยอดทุกคนต่างกำหมัดแน่น
ตอนนี้เองที่พวกเขาเข้าใจในที่สุดว่าทำไมพวกเขาจึงต้องสร้างบาเรียพร้อมกันทั้งหมด
ไม่ใช่แค่เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่สามารถหลบหนีได้ แต่ยังเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเองด้วย
ดังที่ไรคาเงะเคยบอกดารุยผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเขามาก่อน นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่พวกเขาสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้
หากพวกเขาเข้ามาแทรกแซงจริงๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ ทั้งหมดคงตายโดยเปล่าประโยชน์!
ดังนั้นพวกเขาสามารถเฝ้ารู้จากระยะไกลได้ในขณะนี้ ทำได้เพียงรอผลการต่อสู้เท่านั้น
ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้รอนานเกินไป
เพราะในไม่ช้า สถานการณ์อันน่ากังวลในสนามรบก็พังทลายลง
และคนแรกที่ทำลายทางตันคือคนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาคาเงะทั้งสาม ไรคาเงะรุ่นที่สี่!
“บูม!”
การปะทะกันแทบไม่สามารถทำให้เคมปาจิถอยหลังได้ หลังจากถอยไปสองสามก้าว ไรคาเงะกัดฟัน
เขารู้ถึงร่างกายของตัวเองดีที่สุด
เขาได้รับการกระตุ้นจากจักระสายฟ้าของพ่อตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาน่าเกรงขาม ความแข็งแกร่งน่าทึ่งมาก
เขามีความมั่นใจสูง และคงไม่มีนินจาในโลกที่สามารถแข่งขันกับเขาด้วยความเร็วกับความแข็งแกร่งในสถานการณ์แบบตัวต่อตัวได้
แต่ตอนนี้เขาได้พบกับข้อยกเว้นแล้ว!
ซาราคิ เคมปาจิไม่ได้ด้วยกว่าเขาในเรื่องพลังการต่อสู้
และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของอีกฝ่าย
มีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ในลมหายใจนั้น คำรามใส่ไรคาเงะอยู่ตลอดเวลา
“มาเถอะ มาดื่มเลือด!”
“มาฆ่ากัน!”
ในกรณีนี้ ไรคาเงะรู้สึกกดดันจากการต่อสู้มากขึ้น
‘ซาราคิ เคมปาจิ กัปตันหน่วยที่สิบเอ็ด…หมอนี่มันสัตว์ประหลาดจริงๆ!’
ไรคาเงะถูกเคมปาจิฟันถอยออกไปอีกครั้ง พึมพำกับตัวเอง จากนั้นไม่ลังเลเลย…
“ถ้าอย่างนั้น…”
ในเวลาเดียวกันกับที่คำพูดจบลง สายฟ้าปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา!
“บูม!”
จักระสีน้ำเงินปกคลุมร่างกายของเขาราวกับเสื้อเกราะ แรงระเบิดยังทำให้พื้นดินโดยรอบแตกร้าวในทันที
และนี่คือวิชาลับที่เหล่านินจาคุโมะต่างภาคภูมิใจ โหมดอาภรณ์สายฟ้า
“ใช้เคล็ดลับนี้เพื่อกำจัดแก!”
…………………….