บทที่ 34 สามคาเงะปรากฏ!
บทที่ 34 สามคาเงะปรากฏ!
เมื่อหัวใจของมาดาระพองโต เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะฝ่ามือของเขาไม่รู้สึกถึงเลือด แต่เหมือนแทงลงไปในทราย
ในเวลาเดียวกันเขาเห็นการเยาะเย้ยมุมปากของครอกโคไดล์ตรงหน้า
“ไม่! หมอนี่ไม่โดนภาพลวงตา!”
มาดาระตอบสนองทันทีต้องการล่าถอย แต่มันสายเกินไป!
ทรายจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ห่อหุ้มเขาไว้อย่างสมบูรณ์
“แกคือ…พลังสถิตร่างสมบูรณ์แบบ?”
มาดาระมองดูครอกโคไดล์อย่างไม่เชื่อสายตา
ในความเห็นของเขา มีเพียงพลังสถิตร่างที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นสามารถหลีกหนีภาพลวงตาของเขาได้
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะตั้งแต่ที่หนึ่งหางถูกนำตัวไปจนถึงปัจจุบัน เวลาอันสั้นเช่นนี้ไม่เพียงพอทำให้สัตว์หางเชื่องแล้วเป็นพลังสถิตร่างที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นเขาเห็นว่าร่างกายของครอกโคไดล์ที่ถูกแทงด้วยมือของเขานั้นมีรูอยู่
ในเวลานี้ ฝุ่นทรายนับไม่ถ้วนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างกลายเป็นร่างของครอกโคไดล์
และรูปลักษณ์นี้ทำให้มาดาระนึกถึงเอเนลทันที
“แกไม่ใช่พลังสถิตร่าง!”
เขาตะหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
“เจ็ดเทพโจรสลัด…มีความสามารถคล้ายกัน?”
ในมุมมองของมาดาระ ความสามารถในการแยกธาตุของทั้งสองนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นวิชานินจาที่มีความคล้ายคลึงกันมาก
แม้จะมีความรู้มากมาย แต่เขายังไม่เข้าใจแก่นแท้ของวิชานินจาอันน่ากลัวนี้
“คุกทราย!”
ในระยะจวนตัว มาดาระหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยธรรมชาติ
ทันใดนั้นมือขวาของครอกโคไดล์คว้าเขาเอาไว้ จากนั้นแรงดูดอันมหาศาลเริ่มดูดซับความชื้นทั้งหมดจากร่างของมาดาระ!
เมื่อน้ำถูกดูดออกจากร่างกาย ร่างของมาดาระค่อยๆ เหี่ยวเฉา และการหายใจของเขาก็หยุดลงในที่สุด
อุจิวะ มาดาระ ดูเหมือนจะตายแล้ว!
แต่…
“มีแต่คนโง่ที่เชื่อ!”
เย่หลินซึ่งควบคุมหุ่นทั้งสองตัวเยาะเย้ย
“ฟุ่บ!”
มือของครอกโคไดล์ตบลงบนพื้น
จากจุดที่มือสัมผัส ทุกอย่างเริ่มพังทลาย!
พื้นดินแตกระแหง กำแพงหินของถ้ำทรุดตัวลง
ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป แม้แต่ก้อนหินยั
ค่อยๆ แหลกสลายกลายเป็นทรายบริสุทธิ์ทั้งหมด
นี่คือการเคลื่อนไหวอันทรงพลังที่สุดของครอกโคไดล์
“อาณาจักรทราย!”
ในเวลาเดียวกัน เอเนลเคาะกลองทั้งสี่ด้านหลังเขาด้วย!
ขณะที่เขาตีกลองไทโกะ สายฟ้าขนาดใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนค่อยๆ ควบแน่นเป็นลูกบอลสายฟ้าขนาดมหึมาตรงหน้า
กระแสลมโดยรอบปั่นป่วนแสดงถึงพลังทำลายล้างอันไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือการเคลื่อนไหวอันทรงพลังที่สุดของเอเนล…
“ไรโครากัน!”
ด้วยการปล่อยท่าโจมตีอันทรงพลังที่สุดทั้งสองร่วมกัน พื้นที่หลายกิโลเมตรรอบๆ ถ้ำก็ถูกกวาดล้างออกไปทันทีด้วยพลังทำลายล้างและแรงกระแทกขนาดมหึมา!
พื้นดินกลายเป็นผง แม้แต่เมฆบนท้องฟ้ายังถูกเป่าออกไปด้วยพลังทำลายล้างอันมหาศาลนี้!
หลังจากการโจมตีครั้งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว ครอกโคไดล์กับเอเนลอยู่ตรงกลางของการระเบิดได้เปลี่ยนจากการแยกธาตุเป็นร่างมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน
พวกเขาเหลือบมองไปยังรูปปั้นสิบหางไม่ไกล
พวกเขาเห็นว่าภายใต้รูปปั้นในเวลานี้ ‘มาดาระ’ ที่ควรจะตายยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากเมื่อก่อนคือเห็นได้ชัดว่ามาดาระได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกโจมตีอย่างรุนแรงเมื่อครู่นี้ และเนตรวงแหวนข้างหนึ่งของเขาสูญเสียความแวววาวไปโดยสิ้นเชิง
“อย่างที่คิดเอาไว้…”
“เมื่อกี้แกหนีความตายด้วยอิซานางิหรือเปล่า?”
เมื่อมองดูฉากนี้ เย่หลินซึ่งควบคุมหุ่นทั้งสองตัว ก็คิดได้ว่าเป็นไปตามคาด
หลังจากเขาควบคุมครอกโคไดล์เพื่อฆ่ามาดาระสำเร็จ เขาตระหนักถึงปัญหาได้ทันที
นั่นคืออิซานางิ วิชาเนตรที่ถูกเรียกว่า ‘เทคนิคโกงความตายขั้นสูงสุด’
คาถาชั่วร้ายนี้ต้องจ่ายราคาด้วยการตาบอดอย่างถาวรของเนตรวงแหวน บันทึกสถานะของตัวเองในขณะที่เปิดใช้งาน จากนั้นบันทึกความเสียหายทั้งหมดไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง
มาดาระใช้วิชานี้เพื่อหนีความตายเมื่อเขายังอยู่ในหุบเขาแห่งจุดจบ
ดังนั้นเย่หลินจะไม่ละเลยวิชาเนตรสุดสำคัญนี้แน่นอน หลังจากที่มาดาระเสียชีวิต เขายังคงควบคุมหุ่นเชิดสองตัวเพื่อโจมตีด้วยการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่!
และตอนนี้ดูเหมือนมันคุ้มค่าอย่างเห็นได้ชัด
“แม้แต่อิซานางิก็รู้ด้วยงั้นเหรอ?”
ในเวลานี้ มาดาระตระหนักถึงสถานการณ์นี้อย่างชัดเจน
เขายังมีตาข้างหนึ่งเหลืออยู่ แต่เมื่ออีกฝ่ายรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของอิซานางิแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยในการเปิดใช้งานมันอีกครั้ง
เพราะ…
“เจ็ดเทพโจรสลัด…”
คำพูดของเขายังมีคงแรงกดดันอยู่ แต่ทุกคำที่พูด ร่างกายของเขาค่อยๆ เหี่ยวเฉาลงทีละนิด
เห็นได้ชัดว่าพลังชีวิตที่เขาดึงมาจากรูปปั้นสิบหาง มันมาถึงขีดจำกัดแล้วเมื่อการต่อสู้มาถึงจุดนี้
แต่ในกรณีนี้ วีรบุรุษนินจายังคงมองครอกโคไดล์และเอเนลตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ความอัปยศในวันนี้ ฉันจำมันได้”
ขณะร่างกายของเขาคืนสู่สภาวะชราภาพก่อนหน้านี้อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดคำพูดของเขาก็มาถึงประโยคสุดท้าย
“ครั้งต่อไปเมื่อฉันกลับมา…พวกแก…”
คำพูดของเขาจบลงอย่างฉับพลัน ณ จุดนี้
ลมหายใจของเขาหยุดลง ดังนั้นจึงไม่มีคำพูดตามมาอีก
ทันทีหลังจากนั้น รูปปั้นสิบหางขนาดใหญ่ค่อยๆ จางหายไปในความว่างเปล่า มันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่นำออกมาโดยคาถาอัญเชิญ เมื่อผู้อัญเชิญตาย มันจะถูกเคลื่อนย้ายกลับไปยังที่เดิมโดยธรรมชาติ
“ครั้งต่อไป?”
เมื่อมองไปยังร่างชราตรงหน้า เย่หลินซึ่งกำลังควบคุมหุ่นเชิดทั้งสองก็ยิ้มเบาๆ เช่นกัน
เขาไม่สนใจคำพูดแสดงความอาฆาตพยาบาทของมาดาระ
หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงเรื่อง ไม่ว่ามาดาระจะสามารถฟื้นคืนชีพได้สำเร็จในอนาคตหรือไม่นั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
ยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามาดาระสามารถฟื้นคืนชีพได้จริงๆ ในอนาคต?
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเย่หลิน และอัตราการเติบโตอันน่ากลัวของเขา ในเวลานั้นเขาอาจสามารถตะโกนคำว่า “ข้าอยู่ยงคงกระพันในโลกนี้” ได้!
ดังนั้นเย่หลินจึงไม่สนใจเลย แต่ควบคุมครอกโคไดล์โดยตรงเพื่อเก็บร่างของมาดาระด้วยทราย
นี่เป็นจุดประสงค์เดียวและยิ่งใหญ่ที่สุดในการมาที่นี่ของเขา ดังนั้นเขาจะไม่ผิดพลาด
แต่ในตอนนั้นเอง…
“ฟุ่บ!”
“ฟุ่บ!”
“ฟุ่บ!”
“ฟุ่บ!”
เสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นในอากาศ ร่างของนินจาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในระยะไกล!
นินจาผู้นำทั้งสามได้แก่ โฮคาเงะ สึจิคาเงะ และไรคาเงะ
ด้านข้างพวกเขาคือมินาโตะที่ดูกระวนกระวายใจ
นอกจากสี่คนทางด้านหน้าแล้ว ด้านหลังยังมีนินจาอีกหลายสิบคนหรือมากกว่านั้นกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ แต่พวกเขาไม่เร็วเท่าสี่คนนี้
เห็นได้ชัดว่าเอเนลและครอกโคไดล์ส่งเสียงดังมากเกินไปจนดึงดูดคาเงะทั้งสามที่กำลังตามหาโอบิโตะอยู่
แต่หลังเห็นฉากนี้แล้ว เย่หลินไม่ได้เลือกเรียกหุ่นทั้งสองกลับโดยตรง
“ในที่สุดก็มา”
ในทางกลับกัน ดวงตาของเขาสว่างขึ้นใน มีรอยยิ้มแคบๆ ที่มุมปากของเขา
และรอยยิ้มแบบนี้แทบจะเหมือนกับตอนที่เขาใช้หุ่นเซ็นอิทสึหลอกมินาโตะ
“ถ้าอย่างนั้น…ฉากสุดท้ายของเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นได้!”
…………………….