ตอนที่แล้วบทที่ 1 : การปลุกพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 : กฎของร่างโคลน

บทที่ 2 : การใช้พลัง


บทที่ 2 : การใช้พลัง

จัมเปอร์ จอร์จ ลูคัส

ในช่วงอายุ 30 ปลายๆ เขาเป็นฮันเตอร์แรงค์ S ชาวอเมริกันและเป็นหัวหน้ากิลด์ผู้รู้แจ้ง

สกิลเทเลพอร์ตชั่วพริบตานับเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา และเขาก็เป็นคนเดียวและคนแรกที่พิชิตดันเจี้ยนหอคอยโอดินซึ่งไม่เคยมีใครทำสำเร็จได้

ในตอนนี้ เขากำลังรับรายงานจากใครบางคนในออฟฟิศ

“...จนถึงขณะนี้ 80% ของคน 3 พันล้านคนทั่วโลกก็ได้ปลุกพลังแล้วค่ะ”

“อืม ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะปลุกพลังครบ 100%?”

“ด้วยแนวโน้มการในปัจจุบัน มันก็จะใช้เวลาอีกประมาณห้าปี”

“ห้าปี...”

ลูคัสมองดูเมืองจากบนตึกสูงเสียดฟ้า

“เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

....

ในขณะเดียวกัน

ซังวูเปิดโทรศัพท์ที่ได้รับคืนมา

เพื่อความปลอดภัย เขาได้ฝากโทรศัพท์ของเขาไว้กับพนักงานเนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจเสียหายได้เมื่อเขาเคลื่อนผ่านประตูพอร์ทัล

เมื่อซังวูดูโทรศัพท์ เขาก็เห็นข้อความกองหนึ่ง

-[คยองโด]: เฮ้ นายได้สกิลอะไร? ฉันได้มาตั้ง 2 สกิลแหน่ะ

-[คยองโด]: มันเจ๋งใช่มั้ยล่ะ?

-[คยองโด]: แล้วนายทำอะไรอยู่?

-[คยองโด]: เฮ้ ตอบฉันหน่อยสิ?

-[คยองโด]: ...

-[คยองโด]: นายหลับแล้วหรอ?

-[คยองโด]: ....

ส่วนใหญ่เป็นข้อความไร้สาระที่ส่งมาจากเพื่อนสนิทของเขา คิม คยองโด

ซังวูตอบอย่างไม่ใส่ใจ

-[ซังวู]: ฉันไม่บอก

-[คยองโด]: ทำไมล่ะ? นายไม่ได้รับสกิลหรอ?

-[คยองโด]: ตอบฉันมาเร็ว!

-[คยองโด]: ฮัลโหลล!

'เฮ้อ น่ารำคาญจริงแฮะ'

คิมคยองโดเป็นเพื่อนสนิทของเขามาตั้งแต่สมัยประถม

เขามีบุคลิกที่เข้ากับคนง่ายและมีชีวิตชีวา ดังนั้นเขาจึงเข้ากับทุกคนได้ดี แต่ข้อเสียของเขาก็คือเขาพูดมากเกินไป

ขณะที่เขากำลังทะเลาะกับคิม คยองโด เขาก็กลับมาถึงบ้านก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว

มันเป็นอพาร์ตเมนต์ห้องเดี่ยวขนาดประมาณ 8 เสื่อและเป็นแหล่งกบดาลของซังวู

น้ำเสียงที่เป็นมิตรของเขาดังขึ้นในทันทีที่เขาเปิดประตูหน้าและเดินเข้าไปข้างใน

วี๊ด-

“ลูกๆ ของฉันเป็นไงบ้างนะ?”

มีคอมพิวเตอร์สองเครื่องกำลังทำงานอยู่ในห้อง และมันก็มีหน้าจอมากถึง 4 จอ

ภายในแต่ละจอภาพ มีหน้าต่างเกมที่เหมือนกันกำลังเปิดอยู่ 16 หน้าต่าง หน้าจอละ 4 หน้า

ในหน้าจอเหล่านี้ ตัวละครในเกมจะเคลื่อนไหวและล่ามอนสเตอร์โดยอัตโนมัติ

พวกมันดำเนินการทำสิ่งต่างๆ รวมถึงการเก็บสิ่งของโดยอัตโนมัติ พวกมันจะวิ่งตรงไปยังเมือง และเก็บของไว้ในโกดัง กิจกรรมทั้งหมดนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติทั้งหมด

ใช่แล้ว...

ซังวูกำลังปล่อยให้ตัวละครในเกมทั้ง 16 ตัวของเขาเล่นเองโดยอัตโนมัติ

15 ตัวเป็นตัวละครย่อย และ 1 ตัวเป็นตัวละครหลัก

เพื่อพัฒนาตัวละครหลัก การฟาร์มของ (การรวบรวมไอเทม วัตถุดิบ ค่าประสบการณ์ ฯลฯ) ก็สามารถทำได้โดยใช้ตัวละครย่อย 15 ตัว และไอเทมและเงินก็จะถูกเทลงในกระเป๋าของตัวละครหลัก

ด้วยเหตุนี้เอง พวกมันจึงสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับผู้เล่นโดยทั่วไปที่มีตัวละครเพียงตัวเดียว

เขานั่งลงบนเก้าอี้คอมพิวเตอร์และเริ่มเล่นเกมอย่างจริงจัง

ก่อนอื่น เขาตรวจสอบเงินและไอเทมในโกดังของตัวละครหลัก

อัตราเงินเข้านั้นเกือบจะคงที่ แต่ไอเท็มต่างๆ ก็จะเป็นแบบสุ่ม

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีวัสดุหรือไอเทมหายากให้เห็น

'วันนี้ก็กินแห้วอีกตามเคย~'

รายได้เขามีไม่มากนัก

เขาพยายามขายไอเทมเบ็ดเตล็ดทิ้งไป แต่กำไรก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง

ในที่สุดซังวูก็หมดแรงและนอนลงบนที่นอนเก่าๆ ที่เขาใช้เป็นเตียง

เป็นเวลาสองปีแล้วที่เขาเริ่มสร้างรายได้จากการเล่นเกม

ในช่วงที่เกมที่เขาเล่นได้รับความนิยมสูงสุด เขาก็สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าการทำงานพาร์ทไทม์ส่วนใหญ่

เหตุผลที่เขาสามารถเป็นอิสระได้ทันทีเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมก็เป็นเพราะเงินที่เขาได้รับมาจากการเล่นเกมในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อความนิยมในเกมที่เขาเล่นลดลง รายได้คงที่ที่เขาได้รับก็ค่อยๆ ลดลงตาม

คุณไม่สามารถพึ่งพาโอกาสดรอปไอเทมหายากจากการเล่นเกมได้

' ฉันยังต้องจ่ายค่าเทอมด้วย... ลองไปเล่นเกมอื่นๆ ก่อนดีกว่าไหมนะ’

' แต่ถึงงั้นการสร้างมาโครก็เป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ'

มาโคร

สิ่งนี้หมายถึงโปรแกรมอัตโนมัติ เกือบทุกสิ่งที่คุณทำบนคอมพิวเตอร์สามารถทำให้มันกลายเป็นอัตโนมัติได้ด้วยการสร้างมาโคร

ในแง่ของการทำงานเป็นระบบ มาโครก็เหมาะกับบุคลิกของซังวูเป็นที่สุด แม้ว่าเขาจะชอบเกม แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะอดทนพอที่จะทำงานหนักได้ ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาที่จะตกหลุมมาโคร

แต่การจะทำแบบนั้นได้มันก็ไม่ได้ง่ายเลย

นี่เป็นเพราะเขาต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมในภาษาต่างๆ เพื่อสร้างมาโครขึ้นมา

แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงได้รับรายได้ที่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาไม่สามารถจะหาได้ และใบรับรองการเขียนโปรแกรมต่างๆ ที่เขาได้รับมาในระหว่างการศึกษาก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโซลได้

ด้วยเหตุนี้เอง พ่อแม่ของเขาซึ่งในตอนแรกไม่เห็นด้วยกับซังวูที่เล่นเกมและไม่ค่อยออกจากบ้านเลยรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกชายเมื่อได้ยินว่าเขาสามารถหาเงินเพื่อเป็นอิสระและจ่ายค่าเล่าเรียนเองได้

' แล้วฉันจะทำยังไงต่อดี?’

' เกมนี้มันกำลังจะจบลงแล้ว'

ผู้คนมักบอกว่าไม่มีอะไรที่คงอยู่ตลอดไป และตลาดเกมก็ไวต่อกระแสนิยมมาก ดังนั้นมันจึงอยู่ได้ไม่ค่อยนาน

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อใดก็ตามที่กระแสความนิยมในการเล่นเกมเปลี่ยนไป เกมที่ประสบความสำเร็จและเกมที่ล้มเหลวจึงปรากฎออกมาให้เห็น

ในท้ายที่สุด ผู้ใช้อย่างซังวูที่สามารถสร้างรายได้ผ่านเกมก็ต้องติดตามเทรนด์นี้ไปด้วย เขาจะต้องย้ายจากเกมหนึ่งไปอีกเกมหนึ่งเหมือนกับนกย้ายถิ่น และกระบวนการนี้ก็ทำให้ซังวูเหนื่อยล้ามาก

' ฉันควรมองหางานปกติและมั่นคงดีไหมนะ? แต่การทำงานในชีวิตจริงมันก็น่าเบื่อและน่ารำคาญจะตาย... เฮ้อ~ ฉันอยากจะให้มีใครสักคนมาช่วยทำงานแทนฉันบ้างจังเลย...'

ในขณะนั้นเอง ซังวูก็นึกถึงสกิลที่เขาเพิ่งจะได้รับมาจากการปลุกพลัง

'ร่างโคลน!'

ถ้าสกิลร่างโคลนสามารถใช้งานตามที่เขาคิดได้จริงๆ ล่ะก็...

เขาตัดสินใจลองใช้มันดู

ซังวูยืนอยู่กลางพื้นที่ว่างในห้องของเขา

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ สักสองสามครั้ง เขาก็ใช้สกิลร่างโคลน ราวกับว่าเขากำลังทำพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่บางอย่างอยู่

'อัญเชิญร่างโคลน'

ขณะที่เขาคิดถึงการใช้สกิลและตั้งใจที่จะใช้สกิลนั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ในตัวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของเขาและหมุนวนไปมารอบๆ ตัวเขา

สิ่งนี้น่าจะเป็น 'มานา' ซึ่งเป็นพลังที่พบได้ในทุกสิ่งบนโลก

มานาที่แผ่ออกมาจากร่างของซังวูเริ่มรวมตัวกับมานาที่อยู่รอบๆ และก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

มานาเริ่มเรืองแสงและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ในไม่ช้า มานาก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับซังวู จากนั้นมันก็ปรากฏตัวเป็นรูปร่างพร่ามัวเหมือนกับภาพโฮโลแกรม

ในที่สุดรูปร่างนั้นก็ค่อยๆ ดูชัดเจนขึ้นและเปิดเผยตัวตนออกมา

'นี่คือฉันเองงั้นหรอ?'

เขาสูงประมาณ 175 ซม. มีรูปร่างอวบพอสมควร และมีดวงตาโตและใบหน้ากลม

มันดูเหมือนกับจองซังวูทุกประการเลยจริงๆ

“เอ่อ...เอ่อ”

“···”

“...แกคือร่างโคลนของฉันใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

แม้แต่เสียงที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก็ยังฟังดูเหมือนกับเสียงเขาไม่มีผิด

มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟังเสียงบันทึกของตัวเองเลย

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ซังวูขนลุก

นี่เป็นเพราะมันทำให้เขานึกถึงความเชื่อโบราณที่เขาเคยได้ยินมาก่อน

มันเป็นตำนานเมืองที่บอกว่าถ้าคุณพบคนที่ดูเหมือนคุณ คุณจะต้องตาย

ซังวูรู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่งด้วยเหตุนี้

แต่ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าได้สำเร็จ

' เขาว่ากันว่าคนจะตายเมื่อเห็นคนที่หน้าตาเหมือนพวกเขา... แต่นี่เป็นร่างโคลนที่ฉันสร้างขึ้นมา ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก”

จากนั้นเขาก็ตรวจสอบร่างโคลนที่ถูกอัญเชิญมาอย่างระมัดระวัง

เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังโป๊เปลือยและไม่ได้สวมใส่อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงสามารถมองดูร่างโคลนของตัวเองได้อย่างชัดเจนเต็มสองตา

นี่เป็นภาพที่เขามักจะเห็นในกระจกตอนอาบน้ำ

ความแตกต่างเดียวก็คือเขาสามารถมองดูได้รอบทิศ 360 องศา

“เฮ้ ฉันสัมผัสมันได้ไหม”

“ได้ครับนาย”

ตอบได้เข้าหูดีเหมือนกันแฮะ

เมื่อซังวูได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็สัมผัสร่างกายของร่างโคลน

เนื้อสัมผัสนุ่มเหมือนกับผิวหนังมนุษย์ทุกประการ

' แต่ร่างกายของฉันดูย่ำแย่ขนาดนี้เลยหรอ?'

แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนได้ทำร้ายตัวเองไป แต่ซังวูก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็เพิ่มขึ้น

“ฉันสั่งนายตอนนี้ได้เลยไหม?”

“ได้ครับนาย”

ซังวูกำลังสงสัยว่าเขาจะสั่งอะไรดี ในท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจออกคำสั่งง่ายๆ ให้อีกฝ่ายนั่งลง

ทันทีที่เขาคิดขึ้นในใจ ร่างโคลนของเขาก็นั่งยองๆ ลงบนพื้น

“เอ่อ... แค่คิดก็สั่งได้แล้วหรอ?”

ซังวูรู้สึกประทับใจ

มันดีที่สุดถ้าเขาไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งด้วยคำพูด

'นอนลง'

เมื่อเขาคิด ร่างโคลนของเขาก็นอนราบลงกับพื้นในทันที

'ยืนขึ้น'

ร่างโคลนกระโดดขึ้นมาในทันใด

'ทำซ้ำ'

จากนั้นร่างโคลนก็นอนหมอบและกระโดดลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทำได้ถึง 10 ครั้ง มันก็เริ่มทนทุกข์ทรมาน หายใจไม่ออกและเหงื่อก็เริ่มออกราวกับสายฝน

' อะไรกัน... มันเป็นแบบนี้เพราะร่างโคลนฉันอ้วนเกินไปอย่างงั้นหรอ?'

ถึงอย่างนั้น ซังวูก็ยังดูมันทำต่อไปเพราะเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติใดๆ

เขาอยากจะรู้ว่าความสามารถของร่างโคลนนั้นสัมพันธ์กับความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาอย่างไร และมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากดูมันปฎิบัติไปได้ประมาณ 10 นาที จู่ๆ ข้อความก็ปรากฎขึ้นมาในใจของเขา

[ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.001 ]

' หื้ม? นี่คืออะไรกัน'

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด