บทที่ 10 : สกิลร่างโคลนเลเวลอัพ
บทที่ 10 : สกิลร่างโคลนเลเวลอัพ
“วันนี้เป็นวันแรกของการเรียน ดังนั้นฉันจะจบไว้ตรงนี้ก่อน ขอบคุณทุกคนสำหรับการตั้งใจเรียน”
การบรรยายสั้นๆ โดยอาจารย์สอนได้จบลง
ด้วยเหตุนี้เอง นักศึกษาวิศวะคอมพิวเตอร์ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะและคุยกัน หัวหน้าสาขาปีสองก็เดินออกมาที่หน้าห้องเรียนและดึงดูดความสนใจของทุกคน
“วันศุกร์นี้เราจะมีประชุมเปิดสาขา ดังนั้นฉันเลยอยากให้ทุกคนมารวมตัวกันที่บาร์แคนวาสตรงทางเข้าด้านหลังก่อน 6 โมง! แน่นอน พวกอาจารย์เองก็จะมาด้วย!”
“เข้าใจแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น วันนี้ใครจะไปห้องเกมส์กันบ้าง!”
“ฉันไป!”
“ฉันด้วย!”
นักศึกษาวิศวะคอมพิวเตอร์ตอบรับคำเชิญจากอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
ปกติแล้วซังวูก็จะติดตามพวกเขาไปด้วย แต่วันนี้แทนที่จะติดตามกลุ่มเพื่อนไป วันนี้เขากลับลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบแทน
จากนั้นคยองโดก็มองเขาอย่างประหลาดใจ
“เฮ้ นายไม่ไปด้วยหรอ?”
“เอ่อ วันนี้ฉันไม่ไป”
“เกิดอะไรขึ้น? ปกติแล้วนายไม่มีทางไม่ไปแน่”
“แรกๆ มันก็สนุกอยู่หรอก แต่ฉันเบื่อที่จะต้องทำมันทุกวัน ตอนนี้ฉันอยากจะไปหาอะไรทำที่มันสร้างสรรค์ซะมากกว่า”
“เฮ้ ในที่สุดนายก็โตขึ้นแล้วสินะซังวู.. ฉันได้ยินแบบนี้ฉันก็รู้สึกสบายใจแล้ว”
“ไร้สาระ! นายเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!”
ซังวูชูนิ้วกลางไปที่คยองโด
“ฉันหรอ? ฉันยังต้องทำอะไรอีก? ฉันสามารถเป็นฮันเตอร์หรือรับช่วงธุรกิจต่อจากพ่อของฉันก็ได้”
ซังวูลืมไปว่าคยองโดเกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีแม้แต่ช้อนทองแดงอยู่ในปากเลยก็ตาม...
“ไอ้ขี้อวดเอ้ย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่า ฉันเองก็ได้ยินมาว่านายมีสกิลบางอย่างด้วยเหมือนกันนี่? นายได้สกิลอะไรมาล่ะ?”
“ฉันหรอ? ก็แค่สกิลร่างโคลน”
“ร่างโคลน?”
คยองโดเอียงศีรษะของเขา
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ธรรมดานะ มันเป็นความสามารถแบบไหนกัน?”
“ฉันก็แค่เรียกร่างโคลนที่ดูเหมือนฉันทุกประการออกมา”
“ห้ะ? แบบนี้มันก็เท่ากับการมีพวกไร้ประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีกคนเลยน่ะสิ!”
“แกว่าอะไรนะ? พูดแบบนี้ก็อย่าอยู่เลย!”
“เฮ้ เฮ้ ฉันผิดไปแล้ว อ้าก-!”
ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน ซังวูก็บุกจู่โจมคยองโดจนอีกฝ่ายต้องวิ่งหนีไป
* * *
“อ้า... น้ำ….”
ซังวูคลำหาน้ำอยู่ข้างที่นอนและพบขวดน้ำเปล่าในที่สุด
อึ้ก อึ้ก อึ้ก
“หึ ฉันคิดว่าฉันจะตายซะแล้ว”
เมื่อวาน ในตอนที่เขาไล่ตามคยองโดไป พวกเขาก็จบลงที่การไปหาอะไรกินด้วยกัน อย่างไรก็ตาม จากการดื่มเบาๆ ในตอนแรกก็กลายเป็นการดื่มหนักในท้ายที่สุด
คนสองคนดื่มหนักกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน
และในตอนท้าย ทั้งสองคนก็เมาเหล้าหนักและสุดท้ายก็ไปนอนที่บ้านของซังวู
เมื่อซังวูตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
แคร็ก แคร็ก
มันคือเสียงเคาะคีย์บอร์ด
เมื่อเขาเพ่งสายตาที่พร่ามัว เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“เมื่อวานฉันแพ้คยองโด ดังนั้นคอมพิวเตอร์ของฉันเลยถูกยึดไปเป็นของโจรงั้นหรอ?”
จู่ๆ ซังวูก็ตื่นขึ้น
“ออกไปให้ห่างจากคอมพิวเตอร์ของฉันเลยนะโว้ย!”
“ตื่นแล้วหรอ? หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วมาดูนี่เร็ว”
เขายืนอยู่ด้านหลังคยองโดและมองไปที่จอภาพ
ภาพที่ฉายอยู่คือบทความข่าวทางอินเตอร์เน็ต
“เฮ้ นี่นายแตะต้องเกมของฉันรึเปล่าเนี่ย?”
“เปล่า! ฉันจะทำแบบนั้นทำไม? นายดูนี่ก่อนสิ”
───────────────
เพื่อที่จะโจมตีดันเจี้ยนแรงค์ S หรือที่รู้จักกันในนามหอคอยโอดิน ทีมสำรวจที่ 1 จากกิลด์เคนัสซึ่งเป็นหนึ่งในกิลด์ชั้นนำของเกาหลีจึงได้ออกเดินทางสู่ยุโรปเมื่อเช้าวานนี้
ดันเจี้ยนนี้มีชื่อว่า 'หอคอยโอดิน' เนื่องจากมีรูปร่างเหมือนหอคอย นอกจากนี้ มันยังเป็นดันเจี้ยนที่ยากที่สุดในระดับแรงค์ S มันมีเพียงไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่คิดจะพยายามพิชิตมัน และ ณ ตอนนี้ มันก็นับเป็นดันเจี้ยนที่มีการเข้าไปมากแต่กลับออกมาน้อยมากที่สุด
ในขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์และอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายในหอคอยโอดิน แต่ตามคำบอกเล่าของ 'จัมเปอร์' ฮันเตอร์แรงค์ S ชาวอเมริกันที่เป็นคนแรกที่พิชิตหอคอยโอดินได้ ได้บอกเอาไว้ว่ารางวัลของที่นั่นเป็นของผู้ที่พิชิตมันได้เป็นคนแรกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงยังคงถูกปิดไว้เป็นความลับ
• ··
ปาร์ค วอนแท หัวหน้ากิลด์ของกิลด์เคนัสแสดงความทะเยอทะยานของเขาที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของกิลด์ด้วยการพิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้
• ··
ทีมสำรวจที่ 1 มีกำหนดเข้าสู่พอร์ทัลวัลฮัลลาในอีกสองวัน
-นักข่าว ABC ลี ฮยอนฮี-
───────────────
“หอคอยโอดินหรอ? นั่นไม่ใช่ดันเจี้ยนที่ไม่สามารถพิชิตได้หรอ?”
“ถูกต้อง แต่คราวนี้กิลด์เคนัสได้ส่งทีมสำรวจเข้าไป หากการโจมตีสำเร็จลุล่วง ในที่สุดมันก็จะมีฮันเตอร์แรงค์ S ปรากฎขึ้นในประเทศของเรา”
“แต่ฉันคิดว่าพวกเขาไม่รอดหรอก เกือบทุกคนที่เคยเข้าไปต่างก็ล้มเหลวกันทั้งนั้น”
“เฮ้! อย่าปากเสียสิ นายนี่เอาแต่พูดเรื่องลบๆ อยู่ตลอดเวลาเลย”
“ประการแรกเลยนะ ชีวิตคือความโหดร้าย”
“เอ่อ ชั่งมันเถอะ แต่ฉันก็อยากมีสกิลโกงๆ บ้างเหมือนกันนะ มันคงจะดีไม่น้อยเลยหากฉันมีสกิลเทเลพอร์ตเหมือนแบบจัมเปอร์”
“ฉันด้วย”
ซังวูยังยอมรับในสกิลของจัมเปอร์ด้วยเช่นกัน
แม้เขาจะชอบสกิลร่างโคลน แต่การเคลื่อนย้ายระยะไกลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ปู๊ดด-
เสียงผายลมยาวดังขึ้น
“อ้ากก! กลิ่นบ้าอะไรกันเนี่ย! นี่แกอึแตกรึไงห้ะ!”
“เป็นเพราะฉันดื่มแอลกอฮอล์มากไปรึเปล่านะ? ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลย ฮ่าๆ···.”
“ไอ้สารเลว แกขี้แตกใช่ไหม? แกรีบเก็บมันกลับเข้าไปในตูดแกเลยนะ!”
มันเป็นช่วงเวลาที่ซังวูได้ทำสงครามกับกลิ่นตดโดยการเปิดหน้าต่างและพยายามระบายอากาศ
ในขณะเดียวกัน ซังวูก็สัมผัสได้ว่าหมายเลข 1 ที่เขาทิ้งไว้ที่ดันเจี้ยนนั้นได้ถูกเรียกกลับมาแล้ว
' เอ่อ? หมายเลข 1 ถูกเรียกกลับมาแล้วหรอ? นี่เขาตายแล้วหรอ?'
ฉันคิดว่าเขาจะล่ามอนสเตอร์ได้เป็นเวลานานเพราะฉันได้ส่งห่ออาหารให้เขาแล้ว แต่เห้อ... สุดท้ายการอัญเชิญก็ถูกยกเลิกหลังจากผ่านไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์
' เขาถูกอัญเชิญย้อนกลับมาเพราะเขาหมดพลังงั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็ดูเหมือนจะประสบกับปัญหาใหญ่เข้าซะแล้ว'
───────────────
[ ค่าสถานะ ]
• ความแข็งแกร่ง: 0.710 → 0.729
• ความว่องไว: 0.515 → 0.517
• แรงกาย: 0.665 → 0.677
• ความอดทน: 0.554 → 0.561
มานา: 0.13 → 0.137
• พลังชีวิต: 0.300 → 0.311
───────────────
ความสามารถของซังวูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เขาเริ่มล่ามอนสเตอร์ในฐานะฮันเตอร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมานาของเขาเริ่มเพิ่มขึ้น
' ครั้งที่แล้วฉันส่งเขาไปทำงานได้สองวันโดยไม่มีปัญหา แล้วไหงทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้? มันน่ารำคาญซะจริง ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องส่งเขาออกไปอีกครั้งอยู่ดี'
คยองโดที่เฝ้าดูอยู่จู่ๆ ก็ถามเมื่อเห็นซังวูกำลังบ่นกับตัวเอง
“เฮ้ นายกำลังพูดอยู่กับใครน่ะ?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“งั้นหรอ? แต่ดูจากหน้านายแล้วมันเหมือนกับนายกำลังเหม่ออยู่เลย”
“ไอ้เวรนี่! แกอยากต่อยกับฉันมากใช่ไหมห้ะ!”
“อย่านะ! ฉันจะไปเข้าห้องน้ำแล้ว!”
คิมคยองโดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ
เขาล็อคประตูห้องน้ำแล้วตะโกน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทีนี้แล้วนายจะทำอะไรฉันได้!”
“ไอ้สารเลว! แน่จริงนายก็อย่าออกมาให้ฉันเห็นก็แล้วกัน”
ซังวูไม่ยอมรับการแกล้งของคยองโด
'ฮ่า ฉันต้องรีบเอาไอ้เจ้าหมีนั่นออกไปได้แล้ว'
เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นสกิลร่างโคลนของเขา เขาจึงต้องส่งคยองโดออกไปจากห้องของเขาเพื่อที่เขาจะได้สามารถใช้สกิลร่างโคลนได้
จ๋อม!
ในเวลานั้นเอง เสียงบางอย่างตกลงน้ำอย่างสวยงามก็ดังมาจากในห้องน้ำ
การโจมตีของคยองโดได้ตีแนวหน้าแตกแล้วและกำลังพุ่งโจมตีห้องน้ำของเขา
ซังวูรู้ได้ทันทีว่านี่คือโอกาส
นี่เป็นเพราะเมื่อไอ้สารเลวหมีคลั่งนั่นเข้าไปในห้องน้ำ เขาก็จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกอย่างน้อย 20 นาที
'จังหวะนี้แหละ!'
เขาเรียกใช้ร่างโคลนของเขาในทันที
ร่างโคลนที่เปลือยเปล่าถูกสร้างขึ้นมาต่อหน้าเขา มันแสดงสีหน้าหมดพลังออกมาโดยสมบูรณ์
นอกจากนี้...
[ เลเวลของสกิลร่างโคลนเพิ่มขึ้น ]
' เลเวลสกิลร่างโคลนอัพแล้วหรอ?'
ซังวูเปิดหน้าต่างค่าสถานะ
───────────────
[ ร่างโคลน (Lv.2)/ประเภทร่าย]: ใช้พลังงานเพื่อเรียกร่างโคลนที่ดูเหมือนคุณทุกประการออกมา จำนวนร่างโคลนที่สามารถอัญเชิญได้จะเพิ่มขึ้นตามเลเวล
-จำนวนร่างโคลนที่สามารถอัญเชิญได้ในปัจจุบัน: 2
-ระยะเวลาคูลดาวน์: 23 ชั่วโมง 45 นาที
───────────────
'ในที่สุดก็อัพขึ้นมาแล้ว!'
หลังจากปลุกพลังและได้รับสกิลร่างโคลนมา เขาก็ใช้สกิลนี้มาโดยตลอดไม่มีหยุด ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่ามันจะพัฒนาเลย
แต่มาตอนนี้ เขาก็สามารถอัญเชิญร่างโคลนตัวที่สองออกมาได้แล้ว ตามที่คาดไว้ อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อถึงเวลา
ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ซังวูพยายามเรียกร่างโคลนตัวที่สองออกมาโดยทันที
[ คุณสามารถอัญเชิญได้หลังจาก 23 ชั่วโมง 44 นาที 51 วินาที ]
[ คุณสามารถอัญเชิญได้หลังจาก 23 ชั่วโมง 44 นาที 50 วินาที ]
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างโคลนหมายเลข 1 ได้ถูกอัญเชิญออกมาแล้ว ดังนั้นมันจึงยังมีเวลาคูลดาวน์อยู่ และนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถอัญเชิญพวกมันมาเพิ่มได้
“น่าละอายจริงๆ ฉันอยากจะทดสอบมันเต็มแก่แล้ว!”
ก่อนอื่น ซังวูมอบเสื้อผ้าพิเศษให้กับหมายเลข 1 ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นใหม่
จากนั้น หลังจากเปิดกระเป๋าเงินและให้เงินสดมันติดตัวแล้ว เขาก็ออกไปส่งหมายเลข 1 ไปยังดันเจี้ยนสไลม์โดบงซาน
และทันใดนั้นเอง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาลืมสิ่งหนึ่งไป
'โอ้ใช่แล้ว สร้อยข้อมือประจำตัว!'
ครั้งที่แล้วมันไม่เป็นไรเพราะเขาได้อัญเชิญร่างโคลนจากในดันเจี้ยนแล้วกลับบ้าน แต่เนื่องจากร่างโคลนเขาตอนนี้ไม่มีสร้อยข้อมือระบุตัวตนแล้ว ดังนั้นมันจึงจะไม่สามารถผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่ทางเข้าสำนักงานรักษาความปลอดภัยได้
' กระบวนการเข้าถึงไม่สามารถแก้ไขได้เลยงั้นหรอ?'
ซังวูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้
มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ
และซังวูก็มีคนให้ขอความช่วยเหลืออยู่
นั่นคือเจ้าหน้าที่คังจุนโม
ซังวูรีบโทรหาเขาในทันที
-ครับฮันเตอร์จองซังวู คุณล่าเสร็จแล้วหรอ?
ซังวูพูดเบาๆ เพราะคยองโดยังอยู่ข้างๆ
“สวัสดีครับ การล่ายังไม่จบ แต่ผมมีเรื่องต้องการให้คุณช่วย ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะได้ผลไหมเพราะมันค่อนข้างคลุมเครือ”
-หืม โปรดบอกผมมาได้เลยครับ ผมจะดูแลจัดการทุกอย่างเอง
“อืม... พอดีผมมีปัญหาเรื่องการเข้าใช้พื้นที่ล่านิดหน่อยน่ะครับ ผมเลยอยากถามคุณว่ามันพอจะมีวิธีอะไรบ้างไหมที่เราจะสามารถเข้าใจดันเจี้ยนคนละที่ในเวลาเดียวกันได้?”
จากนั้นความเงียบก็ดำเนินต่อไปสักพักในโทรศัพท์
ไม่นาน คำตอบของคังจุนโมก็ดังตามมาในไม่ช้า
-อืม... ผมคิดว่ามันเป็นไปได้นะครับ ผมได้ยินมาว่าในอดีต ฮันเตอร์จัมเปอร์ก็เคยได้รับสิทธิ์การเข้าดันเจี้ยนซ้ำซ้อนอยู่ แต่คุณถามเรื่องนี้เพราะอะไรหรอครับ?
ซังวูอธิบายรายละเอียดสกิลของเขาที่เขายังไม่ได้เล่า
“จริงๆ แล้วสกิลของผมก็คือร่างโคลนใช่ไหมล่ะครับ? ดังนั้นผมจึงพยายามส่งร่างโคลนของตัวเองออกไปล่ามอนสเตอร์ แต่ปัญหาก็คือเมื่อตอนจะเข้าสู่พื้นที่ล่า ผมก็ต้องใช้สร้อยข้อมือระบุตัวตนเพื่อบันทึกการเข้าออกของผม ดังนั้นผมเลยสงสัยว่ามันพอจะมีทางแก้ไขไหม…”
-อ่าใช่ ดูเหมือนว่าสกิลร่างโคลนของฮันเตอร์จองจะไม่ใช่ร่างโคลนมายาแบบที่ผมคิดจริงๆ สินะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจะช่วยคุณผ่านทางสมาคมฮันเตอร์เอง เราอาจจะต้องทำกำไลข้อมือของคุณขึ้นใหม่ ดังนั้นผมจึงอยากพบคุณสักครั้ง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย
“ตอนนี้ผมอยู่บ้านของผมเองครับ ที่อยู่คือ…”
คังจุนโมตัดสินใจว่าจะมาถึงที่นี่ในอีกประมาณ 15 นาที
ขณะเดียวกัน ซังวูก็เปลี่ยนส่งหมายเลข 1 ไปที่ยิมแทน
แต่ฉันก็ไม่มีรองเท้าให้ร่างโคลนของฉันใส่ซะด้วยสิ อืม งั้นฉันคงต้องซื้อรองเท้าคู่ใหม่แล้วสินะ
' ดีที่ฉันยังมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารของฉันอีก 7 ล้านวอน และมันก็จะมีเพิ่มเข้ามาอีกในอนาคต ดังนั้นไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันกำลังมีร่างโคลนมากขึ้นแล้ว ดังนั้นฉันจึงต้องคิดเรื่องเสื้อผ้ารองเท้าให้มากขึ้นแล้ว’
ซังวูเริ่มมีความคิดมากมายแล่นเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดซังวูก็เตรียมออกไปพบกับคังจุนโม
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงคยองโด
ก่อนออกจากบ้าน เขาได้เผลอกดปุ่มปิดไฟห้องน้ำจากด้านนอกไปด้วย
“โอ้ เชี่ยอะไรเนี่ย! เฮ้ เปิดไฟก่อน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสียใจด้วยนะเพื่อน แต่ฉันกำลังรีบว่ะ ฝากดูแลบ้านด้วยนะ”
“กลับมาเปิดไฟก่อนสิโว้ยยย!”
จากนั้นซังวูก็ออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจเสียงร้องคร่ำครวญของคยองโดแม้แต่นิด