นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 537 - โดยดูถูกเหมือนเคย!
เดวิดพยักหน้าเบา ๆ เป็นการส่งสัญญาณว่าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปตามตรง “ฉันก็ไม่คิดว่านายจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเคียร์รินอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่แน่ใจว่านายมีพี่น้องทั้งหมดมากแค่ไหนกัน?”
สีหน้าของนายน้อยอลันยังคงเคร่งขรึมจริงจังเช่นเดิม “ท่านจ้าวกิเลนมีทายาทโดยตรงอยู่รวมทั้งหมด 5 คนด้วยกัน เป็นลูกชาย 3 คน และลูกสาวอีก 2 คน ฉันเป็นลูกชายคนสุดท้อง ในการสำรวจครั้งนี้จะมีพวกเราพี่น้องออกไปทำภารกิจ 3 คน พี่ชายคนโต พี่สาวคนรอง และแน่นอน คนสุดท้ายคือฉันเอง!”
คิ้วของเดวิดขมวดเข้ากันเล็กน้อย 3 ใน 5 คนเข้าร่วมอย่างนั้นหรือ แถมยังเป็นผู้หญิงอีก 1 คน ดูเหมือนว่าตระกูลนี้จะมีเรื่องราวภายในที่ซับซ้อนอยู่ไม่น้อยเลย เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมานิด ๆ แล้ว ความวุ่นวายในครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกควรจะเข้าไปยุ่งด้วยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้นำแข็งแกร่งและทรงอิทธิพลมากขนาดนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ‘ท่านจ้าวกิเลน’ ที่นายน้อยคนนี้เอ่ยถึงไม่ทำอะไรกับลูกของตัวเองแน่ แต่คนภายนอกอย่างเดวิดคงไม่รอด!
ดูเหมือนว่านายน้อยอลันจะรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ รีบชิงกล่าวต่อออกมาทันที
“อันที่จริง! ฉันควรจะปลอบนายว่าไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่นั่นก็คงจะเป็นการโกหกที่ไม่แนบเนียนเท่าไรนัก สิ่งที่นายต้องทำคือระมัดระวังตัวให้มากที่สุด อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด อย่าทำอะไรที่ไม่ควรทำ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
เดวิดเกือบจะกลอกตาใส่อีกฝ่ายแล้ว นี่มันคำพูดอะไรกัน!? ไม่พูดออกมาเสียจะดีกว่า
“เอาล่ะ! พวกเราถึงแล้ว” เรือเหาะลดระดับลงจอดได้อย่างนุ่มนวลเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของมัน ถ้าเดวิดไม่มีแลมโบกินี่บินได้อยู่ในครอบครองแล้ว เขาคงจะอิจฉาคนที่มีเรือเหาะประสิทธิภาพสูงแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไปกันเถอะ!” นายน้อยอลันกล่าวชวนออกมาอย่างง่าย ๆ เหล่าสาวใช้รีบพุ่งเข้ามาเตรียมการตอบสนองการลงจากเรือเหาะอย่างว่องไว ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับบันไดที่ถูกทอดลงไปข้างล่างในเวลาไม่ถึง 1 นาที สาวใช้จำนวน 10 คนยืนเข้าแถวเรียงกันอยู่ด้านล่างเพื่อรอต้อนรับตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้ามีพรมแดงปูเตรียมเอาไว้เป็นทางให้เดินด้วย เดวิดก็คงไม่ค่อยแปลกใจมากเท่าไรนักเลย ดูเหมือนว่านี้คงจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่ทรงอำนาจ ถ้าให้พูดอีกแบบ ก็คือเจ้าชายของ 1 ใน 9 ราชวงศ์ที่ปกครองทวีปแห่งนี้ดี ๆ นี่เอง
หลังจากเสร็จพิธีการต้อนรับเจ้าชายกลับสู่ปราสาทเรียบร้อยแล้ว เดวิดก็ถูกนำทางไปยังห้องพักหรูหราขนาดใหญ่ด้วยองครักษ์หนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง
“นี่คือที่พักของท่านครับ! ไม่ทราบว่า... คืนนี้ต้องการให้ผมอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่?”
เดวิดพยักหน้าเป็นการรับรู้เมื่อได้ยินประโยคแรก ก่อนที่จะหยุดกึกอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินประโยคที่ดังขึ้นมาต่อจากนั้น หางตาของเขากระตุกถี่เลยทีเดียว
“ม-ไม่จำเป็น! ฉันอยู่คนเดียวได้!” เดวิดรีบปฏิเสธออกไป
“ท่านแน่ใจแล้วนะครับ? ฝีมือในการนวดของผมถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว ถ้าท่านต้องการผ่อนคลายก็สามารถใช้บริการได้อย่างเต็มที่เลย” องครักษ์คนนั้นกล่าวพร้อมกับจ้องมองมายังเดวิดด้วยดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์
“ไม่เป็นไร! นายกลับไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อนเงียบสักหน่อย” เดวิดรีบไล่อีกฝ่ายไปทันที ก่อนที่ขนทั่วตัวของเขาจะลุกมากไปยิ่งกว่านี้
“ครับ! ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน” หลังจากกล่าวจบ องครักษ์รูปงามก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปทันที
เดวิดรีบเดินเข้าห้องไปพร้อมกับปิดประตูอย่างแน่นหนาทันที เขาไม่อยากให้เจ้าเด็กหน้าใสเข้ามาในห้องได้ตอนที่นั่งทำสมาธิอยู่
...
เดวิดลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เวลาผ่านไปได้ประมาณ 3 ชั่วโมง มีสาวใช้คนหนึ่งเดินมาเคาะประตูและรายงานอย่างสุภาพว่านายน้อยอลันเชิญให้ไปรวมตัวกันได้แล้ว
“ในที่สุดก็ถึงเวลาเสียที” เขาบ่นพึมพำออกมาด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย ก่อนที่จะก้าวเท้าตามการนำทางของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รีรอ
ตั้งแต่เข้ามาในอาณาเขตของตระกูลเคียร์ริน ความรู้สึกที่เดวิดได้รับก็คือ ที่นี่คือที่ที่ควรอยู่ ที่นี่คือที่ของเขา ไม่ใช่เพราะความหรูหราอลังการ แต่เป็นเพราะคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่พบได้โดยทั่วไปต่างหาก ที่นี่คือรังของนักล่าผู้แข็งแกร่ง ยอดฝีมือที่ทรงพลังในระดับเดียวกันหรือมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ในสถาบัน!? หรือแม้แต่ตอนที่อยู่ในสำนักซิกนิส เดวิดไม่ต่างจากหมาป่าที่อยู่ในฝูงแกะเลยด้วยซ้ำ การต่อสู้หรือจัดการกับคนเหล่านั้นไม่สร้างความตื่นเต้นดึงดูดใจให้กับเขาอีก ต่อให้เป็นจ้าวแห่งสัตว์ร้าย ร่างสมบูรณ์ หรือผู้ก่อสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรลูกแกะในสายตาของเดวิด เขาสามารถจัดการคนพวกนั้นได้ด้วยหมัดเดียว
แต่ที่นี่ต่างกันออกไป ในอาณาเขตของตระกูลที่ฝึกฝนทักษะมรดกสืบทอดแบบนี้ มันไม่มีเฟสเซอร์ธรรมดา ๆ ปะปนอยู่เลย ทุกคนคือร่างสมบูรณ์! แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังเป็นระยะทารกหรือไม่ได้เติบโตเต็มที่ก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งก็เหนือชั้นกว่าเหล่าผู้ฝึกฝนทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ติด
‘กิเลน’ ความแข็งแกร่งโดยพื้นฐานของมันสูงกว่ามนุษย์หมาป่าหรือแวมไพร์อย่างแน่นอน เดวิดเฝ้ารอเวลาที่จะได้ประเมินกำลังของตัวเองอยู่อย่างจดจ่อว่ามันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ไม่เพียงแต่กับเหล่ากิเลนพวกนี้เท่านั้น เขาคาดหวังความแข็งแกร่งแบบเดียวกันจากผู้สืบทอดมรดกจากทั้ง 9 ตระกูลเลย
และเดวิดไม่โง่ถึงขนาดที่จะเผยให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองก็เป็นผู้ฝึกฝนทักษะระดับมรดกสืบทอด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ความลับของเขาเลยแม้แต่คนเดียว สิ่งที่แสดงออกไปให้โลกภายนอกได้เห็นคือมนุษย์หมาป่าระดับ 5 ยีนเท่านั้น ทั้งความสามารถในการควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการควบคุมกลิ่นอายของทักษะพันเปลี่ยนแปลง ถ้าเดวิดไม่เผยร่างสมบูรณ์ของตอนออกมาเอง เขาไม่คิดว่าจะมีใครจับได้อย่างแน่นอน ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์คือนักพันธุศาสตร์ที่เก่งกาจคนหนึ่งของยุค การที่ลูกศิษย์ส่วนตัวจะสร้างแผนที่พันธุกรรมอันสมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนักไม่ใช่หรือ?
ปราสาทที่งดงาม! จุดหมายที่สาวใช้เดินนำเดวิดมาคือปราสาทที่งดงามหรูหราหลังหนึ่ง เธอหยุดเดินและขยับเปิดทางให้เขาอย่างมีมารยาททันที
“ท่านสามารถเข้าไปในห้องโถงได้เลยค่ะ”
เดวิดพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านประตูหน้าเข้าไปอย่างไม่ลังเล หลังจากเดินผ่านสวนขนาดใหญ่มาได้ เดวิดก็เห็นคน 5 คนกำลังยืนพูดคุยกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ของปราสาทแล้ว
“โอ้! มาแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกเรากำลังพูดถึงนายอยู่พอดี” นายน้อยอลันที่หันมาเห็นกล่าวทักทายออกมาด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย มือทั้ง 2 ข้างผายออกเป็นการต้อนรับ
“ทุกคน! นี่ไง ‘เดวิด’ ที่ฉันพูดถึง ตอนนี้สมาชิกในทีมเราก็รวมตัวกันครบเสียที”
เดวิดสืบเท้าก้าวไปหาพวกเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ ก้มหัวทักทายนายน้อยอลันอย่างให้เกียรติ ก่อนที่จะพยักหน้าทักทายอีก 4 คนที่เหลืออย่างง่าย ๆ ไม่ได้มากมารยาทหรือว่าหยาบคายเกินไปนัก
มีอยู่ 2 คนที่พยักหน้าตอบกลับมา แต่ดูเหมือนว่าอีก 2 คนจะหยิ่งเกินไปที่จะทำอย่างนั้น
ชายหนุ่มผิวขาวผมบลอนด์นัยน์ตาสีม่วงที่ไม่ทักทายตอบกำลังหรี่ตามองเดวิดอย่างพิจารณา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะโพล่งออกมาแบบไม่พอใจนัก “นายน้อย! ตอนที่คุณพูดว่าเชิญคนที่แข็งแกร่งมาร่วม ผมคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเฟสเซอร์ 6 ยีนที่ใกล้จะก่อร่างสมบูรณ์ได้แล้ว แต่จากกลิ่นอายที่สัมผัสได้ เจ้านี่เป็นแค่เพียงเฟสเซอร์ 5 ยีนคนหนึ่งเท่านั้น แผนที่พันธุกรรมก็หยาบกระด้างเหลือเกิน นายน้อยอลัน! ผมไม่คิดว่าคนแบบนี้จะเหมาะสมกับภารกิจหรอกนะ เขาจะกลายเป็นภาระให้กับพวกเราเสียมากกว่า”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กันพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยออกมา ในขณะที่แววตาของอีก 2 คนเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อระบุระดับพลังของเดวิดได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรหรือแสดงท่าทีอะไรออกมาเลย
คิ้วของนายน้อยอลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “นายควรจะรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่เชิญใครที่จะเป็นภาระมาเข้าร่วมทีมแน่ ความแข็งแกร่งของเดวิดไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเราทุกคนในที่นี้เลย นี่เป็นภารกิจสำคัญ ฉันไม่ตัดสินใจอะไรที่จะทำให้มันล้มเหลวแน่”
“นายน้อย! ตามปกติแล้วผมไม่เคยกังขาสงสัยกับสายตาของนายน้อยเลย แต่คราวนี้ต้องขอเป็นข้อยกเว้นสักครั้ง ก่อนที่จะได้เห็นความแข็งแกร่งของเขาด้วยตาของตัวเอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าเฟสเซอร์ระดับ 5 ยีนจะแข็งแกร่งระดับเดียวกับผมได้”
“หืม!?” นายน้อยอลันหันไปจ้องหน้าของหนุ่มผมบลอนด์เขม็ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ออกมาหลังจากนั้นเพียงครู่เดียว “เอาล่ะ! นายจะทดสอบอย่างไร?”
“ถ้าเจ้าหมอนี่รับหมัดของผมได้โดยถอยหลังไม่ถึง 3 ก้าว ผมจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว... แต่ถ้าไม่! ผมคงต้องขอให้นายน้อยคัดเลือกคนอื่นมาร่วมทีมแทน”...