1307 - ไล่ตามพระพุทธะ
1307 - ไล่ตามพระพุทธะ
จุดแสงสีทองรอบปลายนิ้วเหมือนกับผีเสื้อสีทองกำลังบินอย่างสง่างามบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
เย่ฟ่านตกใจเป็นอย่างมาก แสงสีทองเท่ากำปั้นเด็กมีขนาดเล็กลง กลายเป็นฝนแห่งแสงที่แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ
“นี่...การกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า?” จู่ๆ หัวใจของเย่ฟ่านเต้นระรัว
ในช่วงที่ผ่านมา เขาอยู่ในภวังค์และความสับสน เดินทางอย่างไร้จุดหมาย จมอยู่กับความโศกเศร้า
การกลับชาติมาเกิด การคืนชีพ... ยังคงอยู่ในใจเป็นครั้งคราว และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงนึกถึงโลงศพเก้าสวรรค์
ผู้บ่มเพาะให้ความสำคัญกับโลงศพที่นี้อย่างมาก นั่นก็เพราะมันเป็นตัวแทนแห่งการมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์
เย่ฟ่านตกอยู่ในอาการงุนงง เขาต้องการพบพ่อแม่อีกครั้งและเผลอหยิบโลงศพกับกระดูกเต๋าของนักบวชผู้เฒ่าออกมาโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ทำให้เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาอาจตกอยู่ในภวังค์เป็นเวลาหลายวันก็ได้
โลงศพเก้าสวรรค์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่กระดูกชิ้นนั้นคือสิ่งที่เปล่งประกายทั้งยังกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
เย่ฟ่านเร่งเร้าพลังวิญญาณจนถึงขีดสุด เขาจ้องมองมันไม่กระพริบตา กลุ่มเปลวไฟลอยอยู่ระหว่างคิ้วของเขา!
แม้ว่าเขาไม่เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด แต่เขาก็ยังหวังว่าจะมีปฏิหารณ์เกิดขึ้น
กระดูกเต๋าชิ้นนั้นเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นสีทอง แผ่ออกไปอย่างงดงามราวกับเวทมนต์
“ว้าว คุณลุงกำลังใช้เวทมนตร์อยู่หรือเปล่า” เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาดูการกระทำของเย่ฟ่านด้วยความตื่นเต้น
“สวยมาก คุณลุงสอนผมหน่อยสิ มันน่าทึ่งจริงๆ” เด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรขอร้องให้เย่ฟ่านสอนทำในสิ่งแปลกๆ และน่ามหัศจรรย์นี้
“ทำไมคิ้วของคุณลุงถึงมีแสงเปล่งประกาย มันเจ็บหรือเปล่า” เด็กน้อยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและยื่นมือไปสัมผัสกับเปลวไฟที่เปล่งประกายออกมาจากคิ้วของเย่ฟ่าน
“โอ้ย มันเจ็บมาก” ก่อนที่มือน้อยๆ จะสัมผัสกับเปลวไฟเขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“คุณลุงไม่เป็นอะไรใช่ไหม แสงนี้ร้อนมาก” เด็กน้อยยังคงสอบถามด้วยความเป็นห่วง
เย่ฟ่านเมินเฉยต่อคำถามมากมาย เขาเพียงจ้องมองไปยังแสงที่เปล่งประกายออกมาจากกระดูกเต๋า ในเวลาต่อมาพวกมันบินไปทาตะวันตก เย่ฟ่านตื่นขึ้นแล้วไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สายลมกระโชกแรง ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งหลายต่างตกตะลึง
กระดูกเต๋าเปล่งประกายแวววาวและมุ่งหน้าไปในทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าสีทอง เย่ฟ่านก็เป็นเหมือนสายลมที่ไล่ตามไปติดๆ
จุดแสงเหล่านี้เคลื่อนไหวเหมือนกับผีเสื้อ แม้ว่าความเร็วของมันจะน่าทึ่งอย่างยิ่งแต่บางครั้งมันก็หยุดเพื่อรอเย่ฟ่าน และทำให้เขาไม่ได้ถูกทอดทิ้งออกไป
“ไม่มีพลังวิญญาณผันผวนออกมา นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง”
เย่ฟ่านค้นพบได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งนี้ไม่มีพลังวิญญาณใดๆ และมันทำให้เขาเกิดความผิดหวังเล็กน้อย แท้ที่จริงแล้วกระดูกเต๋าชิ้นนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกลับชาติมาเกิด
“นักบวชผู้เฒ่ากล่าวว่าหากข้าเชื่อมั่นว่าการเกิดใหม่มีจริงมันก็จะมีจริง หากไม่เชื่อมันก็จะไม่มี”
สิ่งเดียวที่เย่ฟ่านไม่เข้าใจคือทำไมนักบวชผู้เฒ่าที่กลายร่างเป็นเต๋าแล้วเหตุใดจึงต้องการให้เขานำกระดูกชิ้นนี้กลับมายังโลก
เย่ฟ่านยังผิดหวังแต่ยังตามแสงสีทองไป เขาต้องการค้นหาให้ได้ว่ามันจะพาเขาไปที่ไหน แม้ว่าแสงสีทองนั้นจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ยังใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่จะไปถึงจุดหมาย
ทางข้างหน้าระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าสีใสเหมือนไพลินที่ถูกพัดพาไปตามสายน้ำ เมฆสีขาวลอยผ่านเหนือศีรษะ กลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามอย่างมาก
ความธรรมชาติเช่นนี้หาไม่ได้ในปัจจุบัน มันเป็นที่ๆประชากรที่เบาบาง แหล่งอุสาหกรรมที่มนุษย์ยังเข้าไม่ถึง ในท้ายที่สุดจุดแสงก็บินหายไปอย่างสมบูรณ์
เย่ฟ่านจ้องมองฝนแห่งแสงที่โปรยปรายครั้งสุดท้าย พวกมันบินไปได้ไม่ไกลและตกลงบนโขดหินท่ามกลางหญ้าและต้นไม้ กลายเป็นความว่างเปล่า
เขาถอนหายใจยาว แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าการกลับชาติมาเกิดนั้นไม่มีอยู่จริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ยังคงทำให้เขาเกิดความหวังอยู่เล็กน้อย
เซียนโบราณหายไปจากโลก แม้กระทั่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่อาจกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง นับประสาอะไรกับคนธรรมดา
เย่ฟ่านรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้พบพ่อแม่กลับมาจากความตาย เมื่อตระหนักได้ดังนั้นเขายิ่งเกิดความเศร้าถึงขีดสุด
เขายืนนิ่งแทบกลายเป็นหิน สับสน ไร้จุดมาย รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทำไปทุกสิ่งนั้นไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
เย่ฟ่านยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิมหลายชั่วโมง สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพราะสัมผัสได้ถึงคลื่นที่แผ่วเบาแผ่มาจากทิศตะวันตกอีกครั้ง
“นั่นคือ…”
ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของศากยมุนี นี่เป็นความผันผวนที่ลึกลับอย่างแท้จริง
เย่ฟ่านกลายเป็นเส้นแสงและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเเร็ว
เขาเข้าไปในส่วนลึกของดินแดนที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่
ในตอนนนี้เขารู้สึกถึงคลื่นพลังลูกใหญ่ราวกับมหาสมุทร มันเป็นคลื่นพลังของศากยมุนีอย่างแน่นอน เย่ฟ่านตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาไล่ตามไปอีกครั้งกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และท่วมท้นนั้นก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“มันมาจากไหน?”
เย่ฟ่านสำรวจไปทั่วภูเขา แต่เขาไม่พบอะไรเลย สถานที่แห่งนี้ดูลึกลับและยากที่จะค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้
“จริง ๆ แล้วมีความลึกลับมากมายในบริเวณแห่งนี้ แต่มันกลายเป็นดินแดนอันบริสุทธิ์ มีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นหรือเปล่า?” เย่ฟ่านยืนอยู่บนภูเขามองลงไปข้างล่าง
เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ผ่านสถานที่หลายแห่ง เดินเพียงลำพังผ่านพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่
ในที่สุดก็มาถึงด้านหน้าของแอ่งทาริมซึ่งเป็นชายแดนที่กั้นระหว่างประเทศจีนกับทิเบต และที่ด้านหน้าของเขาตอนนี้คือเทือกเขาคุนหลุนอันยิ่งใหญ่
ภูเขาคุนหลุนเป็นภูเขาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาณาจักรจีนโบราณ เง็กเซียนฮ่องเต้ จักรพรรดินีตะวันตก(ซีหวังหมู่) และเทพสวรรค์คนอื่นๆ ล้วนมาจากสถานที่แห่งนี้ มันถือเป็นภูเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศจีนอย่างไร้ข้อกังขา
เย่ฟ่านหันกลับไปเพราะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของศากยมุนีได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามในเมื่อเขามาถึงที่นี่เขาก็ต้องสำรวจมันสักครั้ง
เย่ฟ่านมุ่งหน้าต่อไปอีกหลายชั่วยามจนในที่สุดเขาก็ไปถึงพระราชวังโปตาลาที่ถูกสร้างขึ้นบนภูเขา มันเป็นสถานที่ยิ่งใหญ่และเศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ยุคโบราณ
เย่ฟ่านเข้าออกจากอาคารหลายแห่งแต่เขากลับเต็มไปด้วยความผิดหวังเพราะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งพุทธะใดๆเลย
จากนั้นเย่ฟ่านก็เดินทางไปที่วัดโจคัง และวัดราโมเช ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของศาสนาพุทธแต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบร่องรอยอะไรเลย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าไปในวัดเซเจี๋ย วัดเยปา วัดจาซัง วัดซัมเย และสถานที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เป็นวัดโบราณศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงจุดธูปขอพรต่อทวยเทพและไม่ได้รับอะไรกลับมาแม้แต่น้อย
เย่ฟ่านท้อแท้ผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาเดินผ่านดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่สุดท้ายสิ่งที่ชักนำเขามาที่นี่กลับไม่มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ฟ่านเดินผ่านวัดเก่าแก่ที่ผุพังไปแล้ว แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
“มีบางอย่างผิดปกติ!”
มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปในดินแดนนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพูดกับตัวเองว่า “นี่คือภูเขาหลิงซานหรือภูเขาคุนหลุน? ฉันจะต้องค้นหาความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายในให้ได้”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดว่าในปัจจุบันเขาแทบจะกลายเป็นเซียนไปแล้ว แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตของพ่อแม่ได้ เย่ฟ่านก็เกิดความเศร้าโศกอย่างหนัก การค้นพบสถานที่ลึกลับแห่งนี้จะมีประโยชน์อะไร
หนทางสู่ความเป็นอมตะนั้นเต็มไปด้วยอันตราย หากบรรลุความรู้แจ้งไม่ได้เขาก็จะถูกเต๋าสะท้อนกลับและกลับคืนสู่เต่าผู้ยิ่งใหญ่ทันที
อย่างไรก็ตามความปรารถนาที่จะบรรลุเต๋าในอดีตของเขาได้ดับสูญไปแล้ว เย่ฟ่านมีเพียงความท้อแท้และเศร้าโศกเท่านั้นที่กัดกินหัวใจของเขา
เย่ฟ่านเลิกให้ความสนใจต่อวัดโบราณและกำลังออกจากสถานที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเขากลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจ้องมองมาที่เขา
เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในยุคที่โลกเข้าสู่สมัยใหม่กลับมีอสูรบางตัวที่สามารถบรรลุมรรคผลได้?
ด้านหลังพระพุทธรูปหิน มีแสงสีม่วงพุ่งเข้ามาหายเข้าไปในภูเขาหิน
เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังถ้ำหินกลางหน้าผา ที่นั่นมีพระพุทธรูปหินสูงเท่าฝ่ามือตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของถ้ำ
พระพุทธรูปหินนี้คือสิ่งที่ต้องมองเขา?