ตอนที่แล้ว15 เสน่ห์ปลายจวัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป16 ความหวังที่ริบหรี่

ตอนพิเศษ Christmas Holidays


*✩‧₊ Christmas Holidays Special ₊‧✩*

✧.* ตอนพิเศษเทศกาลคริสต์มาส *.✧

------

มีผลต่อเนื้อเรื่องเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนสามารถอ่านคั่นกลางได้ชิล ๆ ได้ค่ะ

เป็นการมอบของขวัญส่งท้ายปีให้แก่รี้ดผู้น่ารักทุกท่านของไรท์นะคะ?

------

บรรยากาศภายในตลาดค้าทาสโมเบียสรายล้อมเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวสะอาดตา อากาศหนาวเย็นติดลบประมาณ 2 องศา แม้กระทั่งลานที่เคยเป็นทะเลทราย บัดนี้ได้กลายเป็นทุ่งเหมันต์ไปเสียแล้ว คนงานที่นี่ยังคงขะมักเขม้นทำงานตามหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง

แต่สำหรับคุณลุงคุณป้า เหล่าคนงานหญิงหรือเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลาย จำเป็นต้องบวกงานเพิ่มเข้าไปคนละหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการตักโกยหิมะออกจากเส้นทางเดินของตลาดแห่งนี้ แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ประเพณีอย่างหนึ่งของคนเขตนี้คือการออกมาช่วยกันทำงานในฤดูหนาว

นอกจากต้องช่วยกันทำงานแล้วยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีงามต่อกันระหว่างผู้เฒ่าผู้แก่กับเด็กรุ่นใหม่ ๆ ให้ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นกว่าเดิมทั้งคนที่ใช่ญาติหรือไม่ใช่ญาติก็ตาม

เกรเทลสวมเสื้อหนาที่ทำจากขนสัตว์อย่างแกะ ห่อหุ้มร่างเล็กเอาไว้แน่นกันลมหนาวพัดเข้ามายังด้านใน ไหนจะผ้าพันคอผืนหนาสีเขียวขี้ม้าผืนยาวที่ถูกพันรอบคอ กางเกงรัดรูปสีดำเข้ากันได้ดีกับรองเท้าบูตหุ้มข้อสูงถึงน่องขา เป็นไปได้เธอก็อยากพันให้ตนเองเป็นมัมมี่ไปเลย

“เกรเทลเจ้าจะหนาวอะไรขนาดนั้น”

อารอล์ฟถามรูมเมตตัวเล็กที่ขณะนี้แปลงร่างกลายเป็นดักแด้ขนาดใหญ่ก็ไม่ปาง เขาไม่คิดว่าอากาศจะหนาวขนาดนั้น แต่พอมาคิดดูดี ๆ เกรเทลมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบางพอเจออากาศที่มีอุณหภูมิติดลบเข้าไปก็ต้องมีสะท้านกันบ้าง

“ก็ข้าหนาวนิอารอล์ฟ เจ้าไม่หนาวแบบข้าบ้างเหรอ?”

เสียงพูดงึมงำลอดลอยออกมาจากผืนผ้าพันคอสีเขียวเด่นนั้น ชายหนุ่มหันไปมองหน้าพร้อมส่ายหัวให้ขณะที่มือแกร่งกำลังจับด้ามจอบตักโกยหิมะออกไปจากทางเดิน

“ข้าชินแล้วต่างหาก”

เกรเทลทำหน้ายับยู่สูดน้ำมูกที่เริ่มไหลออกมาจากจมูกเล็กเพราะอาการแพ้อากาศ เธอชอบฤดูหนาวและหิมะมากที่สุดในโลก แต่ไม่ชอบที่ร่างกายตนเองไม่ค่อยทนต่อสภาพอากาศมากกว่า พออากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยอาการก็เริ่มมา

“ว่าแต่วันนี้เจ้าหยุดงานเหรอ ปกติเห็นต้องไปช่วยงานที่โรงครัวแล้วเวลานี้”

อารอล์ฟก้มมองนาฬิกาข้อมือตนเอง ที่ขณะนี้เวลาปาเข้าไปเกือบ 8 โมงครึ่งแล้วแต่เกรเทลยังยืนสั่นกอดอกรัดแขนอยู่กับที่มาสักพักใหญ่

“โรงครัวคนเต็มแล้ว พวกป้าเลยให้ข้าออกมาพักแล้วไปบ้านนายเลยทีเดียว”

เนื่องจากนายใหญ่วอลล็อคได้ให้แบ่งคนไปช่วยในโรงครัวเยอะขึ้น นอกเหนือจากคนที่นี่จะมีประเพณีออกมาช่วยกันทำงานแล้ว ยังมีเทศกาลต้อนรับฤดูเหมันต์อย่าง ‘ไวท์ฟอร์ซ’ ที่จะมีงานเลี้ยงทานอาหารร่วมกัน พร้อมกิจกรรมอย่างนั่งล้อมรอบกองไฟนั่งพูดคุยเรื่องราวตนเองในฤดูที่ผ่านมา

เพราะฉะนั้นอาหารจึงเพิ่มปริมาณแต่ต้องทำด้วยความรวดเร็ว เชฟบาสเตียนให้เธอไปดูแลนายหัวตลาดค้าทาสแทนเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนใกล้ชิดนายสุด แทบจะรองลงมาจากเฟียซและอารอล์ฟที่กลายเป็นนักดูแลบัญชี

“อ่อก็ดีเจ้าจะได้มีเวลาพักบ้าง จะว่าไปข้าไม่เคยเห็นผ้าพันคอผืนนั้นเลยแต่ดูเหมาะกับเจ้าดี”

เกรเทลชะงักเล็กน้อยพลันหน้าขึ้นสีเมื่อถูกอีกฝ่ายเอ่ยทัก มือบางจับกระชับผ้าพันคอหนาขยับขึ้นเพื่อบดบังปิดครึ่งหน้า

“มีคนบ้าให้มาน่ะ เขาบอกว่าสงสารที่ข้าขี้หนาว”

อารอล์ฟขมวดคิ้วเอียงคอเงยหน้าจากงานของตนเองแล้วหรี่ตาจ้องมายังคนในเสื้อกันหนาวหนา

“คนบ้า? มีหลงเข้ามาในตลาดด้วยเหรอ”

ถึงเขาจะรู้สึกแปลกใจไปบ้างแต่การที่มีคนหลงเข้ามาในนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรเพราะบางครั้งยังมีคนเข้าใจผิดเลยว่าที่นี่เป็นเหมือนตลาดทั่วไปไม่ใช่ตลาดค้าทาส

“เออ…ใช่อารอล์ฟมีคนบ้าหลงมา แต่ข้าว่าข้าสายแล้วรีบไปก่อนนะอารอล์ฟ”

เกรเทลกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกในหัวส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยดังว่าเธอควรรีบตัดจบบทสนทนานี้โดยเร็ว ถ้ายังไม่อยากถูกอารอล์ฟถามเกี่ยวกับผ้าพันคอไปมากกว่านี้

“งั้นเจ้าเดินไปดี ๆ นะเกรเทล ทางมันค่อนข้างลื่น”

ร่างเล็กในชุดเสื้อคลุมหนาพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจก่อนจะบอกลา แล้วค่อย ๆ เดินไปที่บ้านพักเจ้านายเพื่อเตรียมทำความสะอาดเหมือนทุกวันด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม

เมื่อมาถึงเธอถอดชุดกันหนาวออกแขวนไว้ที่ตะขอบนกำแพง แต่ยังเหลือผ้าพันคอเอาไว้เพราะยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยแม้เสื้อตัวในจะเป็นเสื้อแขนยาว

เกรเทลจัดเคลียร์งานทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองทุกอย่างสะอาดหมดจดเสร็จสิ้น เธอเลือกที่จะย้ายก้นตนเองมานั่งหน้าเตาผิงที่เธอได้ก่อฝืนใส่ไว้แล้วตอนเข้ามาใหม่ ๆ เพราะเวลาเดินในบ้านจะได้รู้สึกอบอุ่นตลอดเวลา

เสียงเปิดประตูบ้านพร้อมกระแสสายลมหนาวถูกพัดตามเข้ามาปรากฏเป็นร่างสูงสวมเสื้อคลุมตัวหนาสีขาวบริสุทธิ์ยาวถึงข้อเท้า ส่วนบนศีรษะมีผ้าโพกหัวสีเดียวกันถูกพันโดยรอบทำให้ดูตัดกับผมสีเขียวเด่นสะดุดตาแต่ยังดูดีเกินคาด

วอลล็อคเห็นร่างบางที่ต้นคอมีผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้านั่งตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่หน้าเตาผิงที่ถูกจุดเอาไว้ เขายกยิ้มที่มุมปาดมองด้วยแววตาขบขันปนเอ็นดูเจ้าเด็กทาสตัวแสบที่ขณะนี้ถ้าเป็นไปได้มันคงแทบจะหมุดเข้าไปในกองฟืน

เด็กสาวรู้แล้วว่าเป็นเจ้านายตนเองเพราะเธอจำเสียงฝีเท้าที่ย้ำบนพื้นไม้ดูมั่นคงและสม่ำเสมอได้ แต่ยอมรับว่าตอนเขาเปิดประตูเข้ามาในบ้านสายลมหนาวพัดเข้ามาแรงมาก จนขนแขนเธอลุกตั้งชันทั้งที่เธอก็ยังนั่งอยู่หน้าเตาผิงร้อน

ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมและผ้าโพกหัวออก วอลล็อคก้าวขายาวเดินไปยืนข้างหลังคนหน้าเตาผิงเพื่อทักหยอกล้อเล่นสนุกตามปกติที่เขาชอบทำ

“ไฟมันไม่ร้อนหรือไงเจ้าหนู สั่นเป็นลูกหมาตกน้ำเชียว”

เด็กสาวหันขวับโดยทันทีที่ถูกอีกฝ่ายแหย่เล่นว่าเธอเหมือนลูกหมาเปียกน้ำ เกรเทลด่าเขาในใจส่งสายตาคาดโทษเอาไว้ก่อน จะทักทายเธอแบบสามัญชนคนปกติไม่ได้เลยหรือไงกัน

…กลับเข้าบ้านมายังปากแจ๋วไม่เปลี่ยนเลยนะอีตานี่…

“นายก็พูดไป ข้าแค่หนาวเองขอรับ”

แม้เธอจะด่าอีกฝ่ายในใจเยอะแค่ไหนเธอก็ยังพูดดีกับเขาด้วยทุกครั้ง ซึ่งบางทีอยากน้อยใจแกล้งทำเป็นหูตึงไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็กลัวว่าเขาจะแกล้งเธอหนักกว่าเก่า ปล่อยให้เขาสนุกไปคนเดียวเถอะ

“อ่อ”

เขาพยักหน้าส่ง ๆ ให้เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนูมันขี้หนาวกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา จังหวะที่เขากำลังจะแกล้งแหย่เล่นเพิ่มจู่ ๆ เกรเทลก็เงยหน้ามองตรงมายังเขาด้วยแววตาไม่มั่นใจ

“ข้ามีเรื่องจะถามขอรับ”

คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นสูงนึกใคร่รู้ว่าเกรเทลจะถามอะไร เขาขานรับรู้ในลำคอแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนพื้นถาม

“ปกติฤดูหนาวที่นี่นอกจากเทศกาลไวท์ฟอร์ซแล้วมีงานเทศกาลอื่น ๆ อีกไหมขอรับ?”

วอลล็อคก้มมองหน้าเกรเทลในหัวก็ไล่เรียงลำดับเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ของคนที่นี่อย่างใจเย็น

“หน้าหนาวที่นี่ไม่ค่อยมีเทศกาลบ่อย ๆ นักหรอกเพราะอากาศมันหนาวรุนแรง อย่างมากก็พวกงานเต้นรำจับคู่ประจำฤดู แล้วก็มีอีกทีเลยคืองานเทศกาลอำลาฤดูหนาวไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ”

เธอพยักหน้ารู้สึกเสียดายเล็กน้อยพร้อมถามต่อ

“ที่นี่มีเทศกาลให้ของขวัญหรือจัดตกแต่งบ้านสวย ๆ บ้างไหมขอรับ?”

สิ้นสุดประโยคคำถามของร่างบาง เขาจึงตัดสินใจย้ายตนเองมานั่งข้าง ๆ เจ้าตัวแทนเพราะดูทรงแล้วเกรเทลน่าจะมีคำถามอีกยาว ฉะนั้นเขาจะไม่ยอมยืนเมื่อยคนเดียวแล้วปล่อยให้เธอนั่งถามสบายใจเฉิ่มแน่นอน

“ไม่มี ทำไม? ที่ที่เจ้าจากมามันมีด้วยหรือ?” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมจ้องมองมาที่ดวงตาเธอ

แสงเปลวไฟจากเตาผิงและเชิงเทียนตกกระทบบนใบหน้าที่เริ่มมีเค้าโครงความหวานละมุนขึ้นจากแต่ก่อน ข้อแขนที่เคยผอมเริ่มกลับมามีน้ำมีนวลส่งผลให้อะไรหลาย ๆ เริ่มดูชัดเจนมากขึ้น แม้แสงจะไม่ได้สว่างมากแต่ก็ให้ความรู้สึกสวยงามราวกับภาพวาดบนผืนผ้าใบ

“มีขอรับ เราเรียกมันว่าเทศกาลวันคริสต์มาส”

“ไหนเจ้าเล่ามาสิ”

ชื่อเทศกาลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ดึงความสนใจให้เขาอยากรู้จักกับมันมากยิ่งขึ้น วอลล็อคเขยิบร่างเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กว่าเดิมเธอเพราะเห็นว่ายังนั่งหนาวสั่นอยู่

“มันเป็นเทศกาลพิเศษในช่วงฤดูหนาวขอรับ พวกเราทุกบ้านจะกลับมารวมตัวกัน อย่างเช่นญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานก็จะได้เจอกัน ส่วนคนที่ไม่มีญาติเราก็จะจัดงานแล้วช่วยเพื่อน ๆ คนรู้จักหรือคนที่เรารักมาร่วมเฉลิมฉลองกัน”

เมื่อลองสังเกตดูจากสีหน้าและท่าทางของเจ้านายของเธอ ดูเขาสนอกสนใจเป็นพิเศษแถมนั่งฟังเธอเล่าเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ

“จะมีการจัดบ้านประดับด้วยไฟหรือเทียน ของตกแต่งต่าง ๆ จุกจิกโดยส่วนมากจะเป็นสีแดงกับเขียว ริบบิ้น บอลลูนขนาดเล็ก แอปเปิ้ล กระดิ่งระฆัง”

เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วด้วยรอยยิ้มมีความสุข

“ทำไมต้องสีแดงกับสีเขียว สีอื่นไม่ได้หรือ?”

“ได้ขอรับแต่เพราะว่าสีแดงหมายถึงเลือด ไฟ ความโอบอ้อมอารี ส่วนสีเขียวสื่อถึงความเป็นนิรันดร์ อมตะ ไม่มีที่สิ้นสุดขอรับ”

ร่างหนาพยักหน้าเข้าใจแล้วเงียบลงอีกครั้งเพื่อฟังเธอพูดต่อ

“แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือต้นสน”

“ต้นสน?”

เขาเลิกคิ้วเอ่ยทักขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน ว่าทำไมถึงต้องตัดต้นสนที่มีขนาดใหญ่มาใช้ด้วย

“ใช่ขอบรับ เราจะตัดต้นสนขนาดเหมาะ ๆ นำมาวางไว้ในบ้านแค่ช่วงเทศกาล แล้วประดับตกแต่งด้วยเช่นกัน บนยอดต้นจะมีดาวหรือตุ๊กตานางฟ้าเสียบเอาไว้ โบราณพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นต้นไม้สรวงสวรรค์เอาไว้แสดงถึงความโชคดี”

พอเห็นเขาทำสีหน้างงเธอจึงอธิบายเพิ่มเติมให้วอลล็อครู้ว่ามันหมายถึงอะไร

“สุดท้ายก็จะเตรียมของขวัญไว้แลกกัน แขวนถุงเท้าไว้หน้าเตาผิงเอาไว้รอซานตาครอสมาส่งของขวัญให้เด็ก ๆ ที่ทำความดี”

เกรเทลเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วมุ่นอีกแล้วจึงรีบพูดดักคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

“ซานตาคลอสเขาว่ากันว่าเป็นนักบุญเซนต์นิโคลัสน่ะ แต่งตัวด้วยชุดสีแดงมีหนวดเครายาวหน้าตาดูใจดี คงเหมือนนิทานเอาไว้หลอกเด็กว่าถ้าทำแต่ความดีจะได้ของขวัญจากคุณลุงซานตา”

“เทศกาลเจ้าดูน่าสนใจมาก”

วอลล็อคยกยิ้มแล้วทำหน้าครุ่นคิดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็โพล่งขึ้นมาทำเอาเธอสะดุ้งตื่นตกใจ

“ไหน ๆ เจ้าก็ว่างเหมือนข้า แถมยังไม่ถึงเวลาอาหารงานไวท์ฟอร์ซ เจ้าก็ลองจัดที่บ้านข้าดูก่อนสิ”

เธอไม่คิดว่าวอลล็อคจะเป็นคนบ้าจี้ให้เธอจัดงานคริสต์มาสที่นี่ แถมนี่มันบ้านเขาไม่ใช่บ้านเธอด้วยซ้ำ

“แต่มันจะดีเหรอนาย”

ร่างบางคิ้วขมวดเม้มปากแน่น สีหน้าเกรงใจแสดงออกมาอย่างชัดเจน

“ข้าแค่อยากเห็นว่ามันจะสวยตามที่เจ้าบอกข้าไหมเท่านั้นเอง”

จากที่ฟังมาทั้งหมดสำหรับเขาที่ตอนนี้ก็ว่างจากการคุมงานก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว ฉะนั้นจะหากิจกรรมทำอะไรเพิ่มเพื่อฆ่าเวลาก็คงจะเป็นสิ่งนี้

เมื่อเธอเห็นว่าวอลล็อคไม่ได้ว่าอะไรเพิ่มแถมยังพยักพเยิดด้วยแววตาตื่นเต้น เกรเทลจึงยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกล่าวขออนุญาตอีกรอบ

“งั้น…ข้าจะไปเตรียมของนะขอรับ ท่านอยากลองมาช่วยข้าไหมตกแต่งดูไหม?”

คนผมสีเขียวเด่นขานรับในลำคอพร้อมทั้งจับแขนเกรเทลเพื่อช่วยลุกขึ้นยืน วอลล็อคไม่คิดว่าตัวเธอจะเย็นทั้งที่ก็นั่งอยู่หน้าเตาผิงกันทั้งคู่ ตัวเขายังอุ่นกว่าตัวเธอเยอะหลายขุม

เกรเทลแจกแจ้งถามว่าที่นี่มีของอะไรที่พอมีให้เธอใช้ได้บ้าง สรุปของส่วนใหญ่มีเกือบหมด โดยวอลล็อคเป็นคนอาสาเดินไปเอาให้เพราะไม่อยากให้เธอเดินตากลมหนาวไปคนเดียว

ระหว่างรอชายหนุ่มออกไปเอาของด้านนอก เธอแยกไปเข้าครัวทำขนมต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็วโชคดีที่ยังพอมีพวกแป้ง ไข่ไก่ เนย นม ติดเอาไว้ในครัว

พอเขากลับมาจากโกดังเก็บของที่อยู่ไม่ไกล เธอเห็นว่าเขาลากต้นสนขนาดเกือบ 2 เมตรเข้ามาในบ้านด้วย พอถามไปว่าตัดมาจากไหนเพราะเธอมั่นใจว่าละแวกตลาดค้าทาสไม่น่าจะมีต้นสนขึ้นได้

นายใหญ่ตลาดค้าทาสก็ตอบมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ว่าใช้ให้ใครบางคนไปตัดมาจากด้านนอกให้

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรนัก พร้อมบอกให้เขาช่วยหาที่ตั้งเหมาะ ๆ สักจุดและเติมน้ำให้ต้นสน

ทั้งสองคนช่วยกันตกแต่งเท่าที่ของมี สิ่งไหนที่วอลล็อคทำไม่เป็นเธอก็สอนให้เขาด้วยความตั้งใจ บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่นโดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว

เกรเทลนำเทียนไขขนาดต่าง ๆ นำมาจุดตกแต่งรอบบ้าน นำริบบิ้นหลากสีมาผูกตกแต่ง แขวนถุงเท้าหน้าเตาผิง และลูกบอลไปบนต้นสน

เธอเพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าพวกต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดที่นี่เหมือนกับโลกของเธอ จึงไม่ยากที่จะนำมาใช้ตกแต่งตามกำแพงบ้าน รอบเตาผิง หรือนำมารอยเป็นพวงมาลัยแขวนไว้หน้าประตูบ้าน

ร่างบางตัดสินใช้พับกระดาษสีเหลืองให้เป็นรูปดาว เอาไว้เธอมีโอกาสจะลองถามให้วอลล็อคสั่งช่างตีเหล็กทำให้คงจะดี พอพับเรียบร้อยแล้วเธอจึงลากเก้าอี้ไม้ขัดมันมาเพื่อปีนขึ้นไปเสียบบนยอด

อ๊ะ!

เกรเทลดันลื่นใกล้จะหงายหลังเพราะเธอสวมถุงเท้าเอาไว้ วอลล็อคเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบวิ่งมาคว้าเอวบางเอาไว้แน่นกันเธอตกลงมา เด็กสาวใจเต้นโครมครามแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม

“ขอบคุณ”

“ข้าปีนเองเจ้าลงมารอข้างล่าง”

วอลล็อครวบขาทั้งสองขาของเธอแล้วยกลงมาบนพื้นอย่างนุ่มนวล เอื้อมไปหยิบดาวสีเหลืองจากมือเล็กมาถือไว้เองแล้วปีนเก้าอี้ขึ้นไปเสียบให้

ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ภายในบ้านตอนนี้ดูสดชื่น อบอุ่น สวยงามเหมือนกับเทศกาลในโลกของเธอ

เกรเทลยิ้มระบายออกมาด้วยความสุด เธอคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นอย่างเหม่อลอยจนวอลล็อคสะกิดเรียกเธอ

“เจ้ามีอะไร”

“อ่อ…เปล่าขอรับ ข้าเห็นแล้วแค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย”

ร่างสูงจูงเกรเทลพามานั่งหน้าเตาผิงเช่นเดิมแล้วห่มผ้าคลุมที่ไหล่ให้ แต่เขาหยิบผ้าห่มหนามาด้วยตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เธอทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไรที่เขาใจดีแปลก ๆ แบบนี้

เธอเอื้อมมือรับผ้าห่มนั้นมาคลุมตัว แต่สักพักเธอก็ลุกพรวดเด้งขึ้นจากพื้นวิ่งไปในครัวครู่หนึ่ง คนผมสีเขียวเด่นยืนงงกับพฤติกรรมพรวดพราดของเกรเทล

เขาได้ยินเสียงดังก๊อก ๆ แก๊ก ๆ เหมือนถ้วยชามกระทบกันจากในครัว ไม่นานก็ปรากฏร่างผอมบางภายใต้ผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้ากำลังเดินออกมาพร้อมถ้วยช็อกโกแลตร้อนกับขนมต่าง ๆ ที่นางอบเอาไว้

กลิ่นหอมหวานของคุกกี้ลอยอบอวลมาแต่ไกล วอลล็อคประหลาดใจอีกครั้งที่ในระยะเวลาอันสั้นเกรเทลแอบไปทำทิ้งเอาไว้เพื่อเอามาให้เขา

“ข้าอบขนมกับชงช็อกโกแลตร้อนมาให้ ในนี้มีมาร์ชแมลโลว์ด้วย ข้าหวังว่าท่านจะทานได้นะ”

เกรเทลเงยหน้าขึ้นมองทางเดินจึงเห็นว่าชายหนุ่มหันมาจับจ้องที่เธอพานทำให้ใจเต้นตึกตัก

แสงจากปล่องไฟตบกระทบสะท้อนภายในดวงตาสีเขียวมรกต ผมสีเขียวโดดเด่นของเขาที่ถูกปล่อยสยายยาว เธอเพิ่งมาสังเกตว่าเขาคงเป็นคนเดียวบนโลกที่เหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสที่สุดในโลกแล้ว

เธอส่งถาดขนมและถ้วยช็อกโกแลตร้อนให้วอลล็อคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา เขาเอื้อมมือเข้าไปรับทั้งสองอย่างแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะเล็ก ก่อนหน้านี้พวกเธอได้ทำการจัดมุมบ้านใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะได้ตกแต่งสะดวก กลายเป็นว่าตรงหน้าเตาผิงจึงมีโต๊ะกลางและโซฟาวางไว้คู่กันกับต้นคริสต์มาส

ขณะที่เธอกำลังจะลงไปนั่งที่พื้นไม้หน้าเตาผิง วอลล็อคได้ตบมือลงไปบนเบาะข้าง ๆ ตนเองส่งสัญญาณ ว่าให้เธอย้ายก้นตนเองขึ้นนั่งข้างเขาไม่ใช่ลงไปนั่งที่พื้น

“มานั่งนี่ อย่าไปนั่งที่พื้นมันเย็น”

เกรเทลลุกขึ้นทำตามอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้เธอหนาวมากจริง ๆ แถมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเท่าไรด้วย พอนั่งลงด้านข้างเรียบร้อยวอลล็อคก็หยิบเอาผ้าห่มผืนเดิมที่เกรเทลทำตกไว้ขึ้นมาคลุมพาดยาวทั้งสองคน กลายเป็นว่าทั้งเกรเทลและเขาห่มผ้าผืนเดียวกัน

เธอรู้สึกเกรงเล็กน้อยจนเขาสังเกตเห็น เขาตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับไปนั่งเบียดข้าง ๆ แทนที่จะให้เธอขยับตัวมานั่งใกล้ ให้เขาเป็นฝ่ายเขยิบย้ายไปนั่งชิดยังง่ายเสียกว่า พอพวกเรานั่งชิดกันอุณหภูมิในร่างกายได้เริ่มร้อนขึ้นทีละนิดเพราะต่างคนต่างมอบความอบอุ่นให้แก่กัน

ตอนนี้ในมือของทั้งคู่ต่างถือถ้วยช็อกโกแลตร้อนที่มีมาร์ชแมลโลว์ชิ้นเล็ก ๆ ลอยอยู่เต็มถ้วย วอลล็อคยกขึ้นจิบเล็กน้อยสัมผัสแรกที่ได้คือความหวานมันของช็อกโกแลตมีติดขมปลาย ๆ แต่ตบท้ายด้วยมาร์แมลโลว์นุ่มละมุน

“ข้าชอบ…นะ”

เขาพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เกรเทลหันไปถามด้วยความสงสัยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

“อะไรเหรอขอรับ?”

“ทุกอย่าง”

ร่างบางเลิกคิ้วขึ้นเธอยังประมวลผลไม่ทันดีว่าทุกอย่างของเขามันคือสิ่งไหน ถ้วยช็อกโกแลตร้อน ขนม หรือการจัดตกแต่งบ้าน

“เทศกาลของเจ้าน่ะ วันคริสต์มาส”

พอได้ยินดังนั้นเธอเลยระบายยิ้มกว้างพูดด้วยความภูมิใจ

“ดีใจที่ท่านชอบนะขอรับ แต่เสียดายที่ไม่มีแลกของขวัญให้กัน ข้าจึงทำขนมและช็อกโกแลตร้อนนี่มาให้แทน ถือซะว่าเป็นของขวัญจากข้าแล้วกันนะขอรับ”

พูดเสร็จเธอก็เอื้อมมือไปหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ ทว่าพอกำลังจะนำเข้าปากวอลล็อคก็เอ่ยขึ้นมา

“ป้อนข้าหน่อยสิขนมชิ้นนั้น”

เด็กสาวหันหน้าไปมองเจ้านายตนเองช้า ๆ มึนงงกับทีท่าของเขา จะกินทำไมไม่มาหยิบเองต้องมาแย่งเธอด้วย แต่สุดท้ายเธอก็ยอมทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย มือบางจับชิ้นขนมอย่างมั่นคงเปลี่ยนทิศทางจากปากเธอยื่นไปตรงปากของอีกฝ่าย

ชายหนุ่มจ้องมองมาภายในดวงตาของเธอนิ่ง เกรเทลรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้มองขนมในมือเธอเลยด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางค่อย ๆ อ้างับชิ้นขนมเล็มไปทีละส่วนทีละส่วนจนใกล้หมดชิ้น เศษขนมชิ้นสุดท้ายอยู่บนนิ้วชี้และนิ้วโป้งของเธอ

เพราะเหลือแค่ชิ้นเล็ก ๆ เธอจึงขยับเปลี่ยนท่านิดหนึ่งเพื่อที่จะได้ส่งขนมเข้าปากเจ้านายได้สะดวก จังหวะที่เธอเผลอตัวครู่เดียววอลล็อคงับดูดขนมที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งของเธอ จนเกรเทลชะงักค้างกลางอากาศ พลันหัวใจกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง

วอลล็อคยังคงจับจ้องมองมาที่ใบหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววตาอ่านไม่ออก แสงไฟจากเตาผิงบางครั้งสะท้อนให้เห็นความวูบไหวแต่ไม่นานมันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

“หวานมาก”

คำชมถูกพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เธอไม่รู้ว่าแววตานี้มันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ ใจเธอในตอนนี้เริ่มไม่ดีเท่าไร มันเต้นแรงจนเหมือนจะกระเด็นออกมานอกหน้าอก เกรเทลชักมืออกแล้วเอามาซุกภายในเสื้อแขนยาวแทน

บรรยากาศหน้าเตาผิงแม้จะดูอบอุ่นผ่อนคลาย แต่เธอกลับทำตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้น เขาก็แค่กินขนมจากมือเธอเองมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น

“เออ…ข้าตั้งใจทำให้ขนมมันหวานนิดหนึ่งขอรับ”

แต่ในความเป็นจริงขนมที่เธออบมันไม่ได้หวานมากนักเพราะกลัวว่าเขาจะทานไม่ได้ จึงใส่แต่น้อย ๆ พอดี ๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป แต่ดูจากการที่เขาพูดแบบนั้นออกมาเธอว่าเขาต้องสื่อถึงอย่างอื่นแต่ก็ไม่มั่นใจนัก

“ถ้าถึงเทศกาลนี้อีก รอบหน้าเจ้ามาจัดให้ข้าอีกนะ”

คำร้องขอถูกส่งเข้าโสตประสาทของเกรเทลทันที งั้นแสดงว่าเขาชอบงานที่เธอทำสินะ วอลล็อคประทับใจทุกอย่างที่เธอทำแค่นี้เธอก็มีความสุขมากแล้ว

“ได้เลยขอรับ ถ้าถึงฤดูหนาวรอบหน้าข้าจะมาจัดให้ท่านอีก”

คำสัญญาที่คนสองคนให้กันไว้กลายเป็นสัญญาใจที่เชื่อมโยงต่อกันตลอดไป ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ช็อกโกแลตร้อนที่มีก้อนขาวอย่างมาร์ชแมลโลว์ลอยไปมา หรือแม้แต่ต้นคริสต์มาสที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ยังสู้ไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่เตรียมกำลังปะทุอยู่ภายในของคนสองคน

------

คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

***

Talk with writer

Merry Christmas ย้อนหลังนะคะทุกคน?✨ เป็นตอนพิเศษที่ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญก่อนจะสิ้นปี 2023 เพื่อคั่นอารมณ์จากเนื้อเรื่องหลักว่าพระเอกนางเอกเราก็สวีทกันได้ ไม่ใช่จ้องจะหยุมหัวกันสะทีเดียว ทุกคนสามารถอ่านได้เพลิน ๆ ถอดสมองแบบไม่ต้องคิดมากอะไร ใจอยากเขียนยาวกว่านี้นะคะแต่กลัวจะไม่มีเวลาไปปั่นตอนหลัก ฮ่า ๆ ๆ

ที่จริงไรท์จะอัปตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. แล้วค่ะ แต่ยังติดเดินทางไกลจากการพาครอบครัวไปเที่ยวมาค่ะ สภาพยมสุด ขนาดไปเที่ยวไรท์ยังต้องพกต้นฉบับไปปั่นเลย? อยากคลอดหนังสือปีหน้าเร็ว ๆ แล้วค่ะ //แอบกระซิบว่าทุกตัวอักษรที่ไรท์เขียนมีความลับซ่อนอยู่ ถ้าใครตาดีสังเกตประมวลวิเคราะห์ก็จะพอเดาออกว่าตอนนี้ตัวละครกำลังไปใสทิศทางไหนได้บ้าง แต่ไม่ต้องซีเรียสกันขนาดนั้นอยากให้จอย ๆ กับนิยายที่ไรท์เขียนกันมากกว่า วิเคราะห์ไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ ฮ่าา

****

แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

Facebook : C.T.Tiana

X (Twitter) : @Ccttiana

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด