ตอนที่ 31 นักพรตสี้จือ, โรงเรียนสิบแคว้น!
ในสำนักชิงหยุนเต๋า
ท้องฟ้าแจ่มใส
มีทั้งหมดสามสำนักใหญ่ในภูมิภาคชิงโจว.
ผู้นำคือสำนักสี่กระบี่อัสนีที่ก่อตั้งโดยนักพรตสี้จือ.
ลำดับถัดมาคือสำนัก เต๋าเมฆาขาวและสำนักกระบี่ไต้ยื้อ.
ในขณะนี้ ภายในสำนัก สี่กระบี่อัสนีการประชุมประเมินทักษะกระบี่เพิ่งจะสิ้นสุดลง.
ศิษย์สิบอันดับแรก เจ็ดคนเป็นชายและหญิงสามคน ยืนอยู่บนเวทีโดยเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับอกผายไหล่ผึ่ง ดูสง่างามอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสหลายคนมองดูพวกเขาขณะเหยียบกระบี่บิน.
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้น
"ดี! ยอดเยี่ยม! มีเจ็ดคนที่ได้ฝึกฝนวิชากระบี่อัสนีสายฟ้าฤดูใบไม้ผลิไปสู่ขั้นชำนาญแล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกสองคนที่มาถึงขั้นสุดยอดของวิชากระบี่อัสนีฤดูใบไม้ผลิแล้วด้วย”
“แน่นอนว่า มีคนนึงถึงกับสามารถควบแน่นพลังกระบี่อัสนีฤดูใบไม้ผลิได้ด้วย. ดี ดีมาก ทำได้ดีมาก!”
เสียงของผู้เฒ่าเปรียบเสมือนระฆังใบใหญ่ที่ดังก้องอยู่ในหูของลูกศิษย์จำนวนมาก.
นอกเวทีนั้น ลูกศิษย์หลายพันคนจ้องมองไปที่สิบคนที่ยืนอยู่บนนั้น ด้วยความอิจฉา.
ทั้งสิบคนยิ้มกว้างยิ่งขึ้นโดยเฉพาะหลังจากได้รับคำชมจากผู้อาวุโส.
ทว่าตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสก็กล่าวต่อ
“แต่งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว จะแตกต่างออกไปมากในครั้งนี้ เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนก่อนที่จะถึงงานนั้น เราไม่สามารถประมาทได้ เพื่อที่จะได้ติดสิบอันดับแรกในการประลอง เจ้าสำนักจะสอนพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว เจ้าเข้าใจไหม?”
เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ลูกศิษย์หลายพันคนก็เกิดความโกลาหลทันที.
แม้แต่สิบคนบนเวทีก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง.
ไม่มีใครนึกเลยว่า แค่งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว จะได้รับการสั่งสอนจากนักพรตสี้จือเช่นนี้.
เจ้าสำนักสี้จือ เป็นผู้สร้างวิชาสี่กระบี่อัสนี และเป็นที่รู้จักในฐานะยอดฝีมือเต๋ากระบี่แห่งแรกและดีที่สุดใน ชิงโจว เขามีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อไม่กี่ศตวรรษก่อน แม้ว่าเขาจะยังเป็นเจ้าสำนักในนาม แต่เขาก็มักจะหาตัวพบได้ยาก.
พวกเขาไม่คิดเลยว่าท่านจะมาสั่งสอนลูกศิษย์สำนักในเป็นการส่วนตัว.
ในทุกสำนักของเขตชิงโจว เหล่าลูกศิษย์ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภท: สำนักนอก, สำนักใน, ใจกลางสำนัก และลูกศิษย์ที่แท้จริง
ไม่ว่าลูกศิษย์สำนักชั้นในจะโดดเด่นเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถได้รับคำสอนส่วนตัวจากยอดฝีมืออย่างนักพรตสี้จือได้เลย.
ในชิงโจวนี้ นักพรตสี้จือได้รับความเคารพและเป็นยอดฝีมือแห่งเต๋ากระบี่ที่แท้จริง สมกับชื่อเสียงอันทรงเกียรติของท่านในการเป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดใน ชิงโจว.
ในขณะนี้ ไม่ต้องพูดถึงศิษย์สำนักนอกเลย แม้แต่ศิษย์ใจกลางสำนักกับศิษย์สำนักในก็อดอิจฉาไม่ได้.
เรื่องอิจฉาเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักจริงๆคือพวกเขารู้สึกว่าเหลือเชื่อมากๆ.
ในขณะนั้นเอง เสียงของผู้อาวุโสก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว มีความสำคัญอย่างยิ่งในครั้งนี้.เป้าหมายของสำนักสี่กระบี่อัสนีไม่ใช่เพื่อให้ลูกศิษย์ของเราคว้าอันดับหนึ่งมา แต่เพื่อให้ศิษย์ของสำนักเราได้คว้าสิบอันดับทั้งหมดมาต่างหาก”
“พวกเราได้รับข่าวที่เชื่อถือได้ ว่าสำนักลับหลายแห่งใน ชิงโจวได้ส่งลูกศิษย์ของพวกเขามาเพื่อเข้าร่วมในงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว พวกเจ้าทุกคนเข้าใจแล้วหรือไม่?”
ขณะที่ผู้เฒ่าพูด ความโกลาหลก็ดังขึ้นมากในทันที.
สำนักลับ.
คำพูดเหล่านั้นยิ่งใหญ่และเปรียบเหมือนภูเขาสำหรับเหล่าลูกศิษย์
แม้ว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ไม่เคยออกจากชิงโจว แต่พวกเขาก็รู้ว่าสำนักลับหมายถึงอะไร.
แคว้นจินนั้นอยู่เหนือขึ้นไปจากชิงโจว.
มีสิบแคว้นที่อยู่เหนือแคว้นจิน.
มีข่าวลือว่าครั้งหนึ่งมีช่วงโกลาหกในสิบแคว้นซึ่งทำให้สำนักใหญ่บางสำนักล่มสลาย. แม้ว่าสำนักจะล่มสลายไปแล้ว แต่ยอดฝีมือในสำนักบางส่วนยังคงซ่อนอยู่ในสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก.
เมื่อเวลาผ่านไปและโลกลืมสำนักเหล่านั้น พวกเขาจึงกลายเป็นสำนักลับ.
แน่นอนว่ายังมีสำนักลับอีกประเภทหนึ่งที่พูดเกินจริงยิ่งกว่านั้นอีก. พวกเขาจะมีสายการสืบทอดวิชาเพียงสายเดียวและมีมรดกที่ยอดเยี่ยมมาก. สำนักดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่สำนักสี่กระบี่อัสนีสามารถเปรียบเทียบได้
ในความเป็นจริงแล้ว การเปรียบเทียบสำนักสี่กระบี่อัสนีกับสำนักลับนั้นถือเป็นการดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสำนักลับเลยด้วยซ้ำ.
ฝูงชนเข้าใจทันทีเลยว่าทำไม นักพรตสี้จือถึงลงมาสั่งสอนพวกเขาด้วยตัวเองแบบนี้.
เห็นได้ชัดว่าจะมีผู้มีความสามารถแอบแฝงมาเข้าร่วมงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจวในครั้งนี้. ในเมื่อสำนักลับก็จะมามีส่วนร่วม พวกเขาจึงต้องมีวาระสำคัญบางอย่าง.
ทุกคนรู้สึกขมขื่นมากยิ่งขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
หากพวกเขารู้ก่อนหน้านี้ พวกเขาคงออกไปต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งหนึ่งในสิบอันดับแรกของสำนักแล้ว.
เหล่าลูกศิษย์เต็มไปด้วยความเสียดาย.
พวกเขาไม่รู้เรื่องใดๆเลย.
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าร่วมในงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว ได้ แต่ปัญหาก็คือพวกเขาจะไม่ได้รับการสั่งสอนโดยนักพรตสี้จือ ไม่เหมือนกับสิบอันดับแรกของสำนัก.
ผู้เฒ่าเหลือบมองดูสีหน้าของเหล่าลูกศิษย์แล้วโบกมือเพื่อพูดทันที.
“เอาล่ะ ไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของสำนักหรือไม่ก็ตาม เจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนักและอย่าเย่อหยิ่งเพราะเส้นทางของกระบี่นั้นยาวไกลอย่างหาที่เปรียบมิได้ เจ้าต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ วันนี้พอแค่นี้แหละ. แยกย้ายกันได้แล้ว.”
หลังจากพูดเช่นนั้นแล้ว ผู้เฒ่าก็พากันแยกย้ายกันไปจากเหล่าลูกศิษย์.
ในไม่ช้า ในห้องโถงหลักของสำนักสี่กระบี่อัสนีผู้อาวุโสหลายสิบคนก็นั่งเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม.
ห้องโถงดูเงียบสงบเป็นพิเศษพร้อมบรรยากาศที่หนาวเย็น.
ในขณะนี้ มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นนอกห้องโถงใหญ่.
เป็นชายชราผู้หนึ่ง.
ทุกคนลุกขึ้นและมองเขาด้วยความเคารพทันที.
“คำนับท่านเจ้าสำนัก!”
พวกเขากล่าวประสานเสียงกัน.
ชายชราโบกมือ เข้าไปในห้องโถงใหญ่ และนั่งลงบนที่นั่งหลัก.
“วันนี้ข้าขอพบพวกเจ้าทุกคนเพราะมีเรื่องสำคัญ”
เขาพูดช้าๆ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นในตัวผู้เฒ่าคนอื่นๆ.
พวกเขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและเหตุใดนักพรตสี้จือจึงมาด้วยตัวเองแบบนี้.
“เจ้าสำนัก ข้าขอถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?”
“ใช่แล้ว เจ้าสำนัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?”
“มันเกี่ยวข้องกับตราเข้าเจดีย์กระบี่ไต้ ซวนหรือไม่คะ?”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถาม และบางคนก็มีข้อมูลวงในด้วย
ทว่านักพรตสี้จือส่ายหัว.
“หากเป็นเพียงเรื่องตราเข้าสู่เจดีย์กระบี่ไต้ ซวนนั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก.” นักพรตสี้จือกล่าว จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม “พวกเจ้ารู้จักโรงเรียนสิบแคว้นหรือไม่?”
“โรงเรียนสิบแคว้น?”
“โรงเรียนสิบแคว้นจะเปิดอีกครั้งหรือ?”
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้อาวุโส พวกเขารู้จักโรงเรียนสิบแคว้น แต่พวกเขาต่างก็สงสัยว่า โรงเรียนสิบแคว้นเกี่ยวข้องกับ งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว อย่างไร.
“เจ้าสำนัก โรงเรียนสิบแคว้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะขอรับ ทว่ามันเกี่ยวข้องกับงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจวอย่างไร? หรือว่าผู้ชนะเลิศการประลองงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว จะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโรงเรียนสิบแคว้นหรือขอรับ?”
ผู้เฒ่าบางคนอดไม่ได้ที่จะถาม ดูอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก.
โรงเรียนสิบแคว้น
มันเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างมากภายในสิบแคว้น และมีเพียงยอดฝีมือที่แท้จริงของสิบแคว้นเท่านั้นที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้.
ผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชิงโจวไม่สามารถเปรียบเทียบกับยอดฝีมือนี้ได้เลย.
ตำนานเล่าว่าศิษย์ของโรงเรียนสิบแคว้นเป็นหนึ่งในใต้หล้าของแคว้น.
ในบรรดาสิบแคว้นนั้น อำนาจของแคว้นจินอ่อนแอที่สุด.
ในแคว้นจินนั้น มีทั้งหมด 33 รัฐ ซึ่งชิงโจวได้รับการพิจารณาให้อยู่ในขั้นสูง-ปานกลาง ต้องขอบคุณนักพรตสี้จือที่สามารถยกขั้นสถานะของพวกเขาได้หลายขั้นเช่นนั้น.
มิฉะนั้น ชิงโจวจะต้องอยู่อันดับล่างสุดอย่างแน่นอน.
สำหรับผู้ฝึกตนของชิงโจวแล้ว โรงเรียนสิบแคว้นนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมมาก.
ดังนั้น พวกเขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว และ โรงเรียนสิบแคว้น.
'เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครคนหนึ่งจะได้รับตำแหน่งในโรงเรียนสิบแคว้นเพียงเพราะแค่ได้เป็นผู้ชนะเลิศของงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว ใช่ไหม?'
หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดความโกลาหลในเขตชิงโจวอย่างแน่นอน.
เหล่าผู้เฒ่ามองไปที่นักพรตสี้จือ.
นักพรตสี้จือไม่ปล่อยให้พวกเขารอนาน จึงรีบกล่าวทันที.