ตอนที่แล้ว1303 - สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปและผู้คนก็เปลี่ยนไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1305 - การกลับมาที่ว่างเปล่า

1304 - ตอนจบที่ยอมรับไม่ได้


1304 - ตอนจบที่ยอมรับไม่ได้

“ฝนตกอีกแล้วสินะ ฉันคงแก่แล้วจริงๆ มันเจ็บตามข้อในยามที่อากาศหนาว พอได้ยินเสียงลูกเพื่อนบ้านร้องก็อดนึกถึงเสี่ยวฟ่านตอนเด็กๆไม่ได้”

“เขาไม่ได้พูดอะไรในความฝัน แต่ฉันรู้ว่านั่นคือเสี่ยวฟ่าน”

ทุกครั้งที่เย่ฟ่านเปิดอ่านหน้าต่อๆไป ก็มีน้ำตาที่ไหลลงมา เขาเต็มไปด้วยความคิดถึง โหยหา และปราถนาที่จะเจอ

“พ่อ แม่!”

เย่ฟ่านอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เขาผ่านความยากลำบากและทนทุกข์ทรมานมากมายในเป่ยโตว แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะมีน้ำตา อย่างไรก็ตามเมื่อกลับมาถึงบ้านเขาไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป

สมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเขรอะดูเหมือนจะมีน้ำตาที่หยดลงไปทำให้มีน้ำหนักมากกว่าปกติ ความรู้สึกขมขื่นเกิดขึ้นในใจ พ่อแม่ที่แก่ชราบันทึกไว้ว่า ทุกอย่างล้วนเป็นความคิดคะนึงหาที่มีต่อเขา

“วันตรุษจีนเหมือนเช่นเคยที่มีแค่เราสองคน คงจะดีไม่น้อยหากเสี่ยวฟ่านกลับมาอยู่เคียงข้างฉัน”

“เทศกาลโคมไฟมาถึง ครอบครัวเราควรจะได้กลับมารวมตัวกัน แม้เราเข้านอนเร็วแต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับจนถึงเช้า เอวและขาที่ปวดร้าว กระดูกที่อ่อนแรงลงไปตามอายุ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเราจะรอเสี่ยวฟ่านได้อีกนานแค่ไหน”

เย่ฟ่านร้องไห้เสียงดัง คุกเข่าลงกับพื้น ถือสมุดบันทึกเล่มนี้ไว้ในมือ

สมุดบันทึกเล่มนี้เต็มไปด้วยน้ำตาและความปรารถนา ร่างกายของเขาสั่นเทา และคำพูดที่บีบหัวใจ ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์

หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกจบลงเมื่อสิบปีที่แล้วด้วยประโยคไม่กี่ประโยค สุขภาพของพวกเขาทรุดโทรม พวกเขาไม่ได้เขียนอะไรต่อเป็นเวลาหลายวัน เย่ฟ่านคิดว่าพวกเขานั้นตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าและป่วย หัวใจของเย่ฟ่านเจ็บปวด

เย่ฟ่านคุกเข่าลงกับพื้น หากย้อนเวลากลับไปได้ เย่ฟานอยากทำให้ช่วงเวลานั้นของพวกเขามีแต่รอยยิ้ม

สมุดบันทึกสิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เกิดลางสังหรณ์อัปมงคลภายในใจของเย่ฟ่าน

“พ่อ แม่!”

ตะโกนขึ้นไปบนฟ้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบลงมาข้างแก้ม

เย่ฟ่านเดินหาทุกซอกทุกมุม แต่ทุกสิ่งที่เขาพบกลับทำให้เขาเศร้ามากขึ้น

ห้องนอนที่อับชื้นขึ้นรา เฟอร์นิเจอร์ธรรมดาเรียบง่ายและซองบะหมี่เน่าๆ ล้วนแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นจากไปแล้ว

และในที่สุด เขาก็พบเสื้อผ้าจำนวนมากมายที่พับซ้อนกันอย่างเรียบร้อยอยู่ในตู้ที่ค่อนข้างใหม่ แต่ละตัวได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีและนั่น…

เสื้อผ้าทั้งหมดนั่นเป็นของเขา เย่ฟ่านก้มลงและทุบลงไปที่พื้นร้องไห้ตัวสั่นเทา

แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมมันอย่างเต็มที่ แต่รอยแตกก็ยังแผ่กระจายออกไป นี่เป็นตอนจบที่ยอมรับไม่ได้

มันก็สายเกินไปแล้ว

เย่ฟ่านร้องไห้เสียงดัง เรียกพ่อแม่เหมือนเด็ก น้ำตาที่ไหลลงมา รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลงแล้ว

หากศัตรูของเป่ยโต่วรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะไม่เข้าใจอย่างแน่นอน คนที่มีหัวใจที่แข็งกว่าเหล็กและโหดเหี้ยมเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

เขานั่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ที่หัวใจของเย่ฟ่านนั้นว่างเปล่า ดวงตามัวหมอง

หลังจากที่อ่านสมุดบันทึกเสร็จและมองดูทุกอย่างในบ้านด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไม่เคลื่อนไหวจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น

เขายืนขึ้นเพื่อเผชิญกับความเจ็บปวดอีกครั้ง เดินออกไปมองท้องฟ้า แต่เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นดูมืดมิด หม่นหมอง แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่ดูเหมือนจะสูญเสียความแววาว ทุกอย่างเงียบสงบ

เมื่อมองไปยังลานโบราณ ความรู้สึกเงียบๆเกิดขึ้นในใจเขาอีกครั้ง หลังจากที่เขาไปไท่ซานเขาทิ้งเงินจำนวนมาก บ้าน รถยนต์และเงินออมให้พ่อกับแม่ เพราะอะไรชีวิตพวกเขาจึงไม่สุขสบาย ตามมาตรฐานค่าครองชีพในยุคนั้นพ่อแม่ของเขาน่าจะใช้ชีวิตต่ออย่างสุขสบายได้อีกหลายสิบปี

เย่ฟ่านส่ายหน้า เขาหมดหวังแล้วหลังจากที่อ่านสมุดบันทึก แต่ต้องหยุดชะงัก พ่อกับแม่เขาไปไหน แล้วใครเห็นเป็นคนสุดท้าย

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจใช้พลังปราณของเขาเข้าไปในที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบทุกสิ่ง ค้นหาความทรงจำของบางคนอย่างระมัดระวัง

เขาไม่คาดหวังเลยว่าจะได้เบาะแสที่มีค่าขนาดนี้ มีคนพาพ่อแม่เขาไป เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พวกเขารู้แค่ว่าแซ่ของเธอคือซู เพราะตอนที่เขาอยู่ในรถ พ่อแม่ของเธอเรียกว่าเสี่ยวซู

ผู้หญิงคนนั้นชื่อเสี่ยวซู เย่ฟ่านรู้สึกบางอย่างในใจ ในชีวิตของเขา ท่ามกลางผู้คนที่เขารู้จัก มีผู้หญิงแซ่ซูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สนิทสนมกับเขา

เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้ เย่ฟ่านก็สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ หลังจากผ่านไปกว่ายี่สิบปีเธอยังคงเป็นเธอเสมอ อย่างไรก็ตาม เวลาช่างโหดร้ายและมีการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง

เสี่ยวซูเคยมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับเขา แต่ไม่เจอกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าถ้าพบกันอีกครั้งจะเป็นอย่างไร

หลังจากออกจากชานเมืองนี้ เขาใช้พลังปราณเข้าไปในที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ ค้นหาสิ่งสำคัญบางอย่างว่าเสี่ยวซูอาศัยอยู่ที่ใด

หลังจากเขาและหลี่เสี่ยวหมานสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัย มากกว่าหนึ่งปีเขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเรียกเธอว่าเสี่ยวซูพวกเขาได้คบหากันแต่เวลากว่าสองปี

ถ้าไม่มีงานปาร์ตี้นั้น ถ้าเราไม่ได้ไปไท่ซาน ถ้าเขาไม่หายไปจากโลกนี้ บางทีอาจมีเรื่องราวมากมายต่อจากนั้น

ในเมืองที่ที่ดินมีราคาแพง การมีบ้านถือเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้สำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะในเมืองซีซาน

ซีซานเป็นชื่อของภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เมืองแห่งนี้ มันมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบและมีทิวทัศน์ที่งดงาม มีชื่อเสียงเป็นพิเศษในเรื่องวัดโบราณ อยู่ติดกับจุดชมทิวทัศน์จึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

เย่ฟ่านมาที่บ้านพักเดี่ยวที่อยู่ไม่ไกล มองดูอย่างเงียบๆ อากาศหนาว ใบไม้ร่วงหล่น จะเห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความพิเศษมากและมันก็เป็นทำเลดีสำหรับการอยู่อาศัย

ไม่มีการรบกวนและไม่มีความวุ่นวาย ในที่สุดเขาก็พบบ้านของเสี่ยวซูที่เป็นบ้านพักตากอากาศเดี่ยวมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก

ในระยะไกล มีรถยนต์ขับช้าๆ และหญิงวัยกลางคนใบหน้าสวยซึ้งคนหนึ่งลงมาจากรถ เย่ฟ่านตกใจเป็นอย่างมากนั่นคือเสี่ยวซู

เธอยังคงดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแม้จะผ่านวัยสาวไปแล้วแต่ก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

เย่ฟ่านตกตะลึงนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตมากมาย หญิงสาวในตอนนั้นชอบพูดคุยและหัวเราะ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“แม่”

ประตูรถอีกฝั่งเปิดออก หญิงสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดปีลงจากรถ เธอมีชีวิตชีวาและงดงามเหมือนกับเสี่ยวซูเมื่อกว่ายี่สิบปีที่แล้ว

เย่ฟ่านตกตะลึง หลังจากผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอกลายเป็นแม่แล้ว

เสี่ยวซูบังเอิญมองเห็นเขา กระเป๋าที่เธอถือหล่นลงพื้น ตัวแข็งทื่อมองมาที่นี่ด้วยความประหลาดใจ

เธอก็ชี้นิ้วไปที่เย่ฟ่านและพูดว่า “คุณ…”

“แม่ เกิดอะไรขึ้น?”

เด็กผู้หญิงเดินอ้อมหน้ารถแล้ววิ่งเข้ามาใกล้ กอดแขนข้างหนึ่งของเธอเขย่าอย่างกังวล

หลังจากผ่านไปหลายปี รูปร่างหน้าตาของเย่ฟ่านไม่เปลี่ยนแปลงมิหนำซ้ำยังดูอายุน้อยกว่าเดิมหลายปีอีกด้วย

“นั่นคุณหรอ?” เสี่ยวซูถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ผมเอง” เย่ฟ่านพยักหน้า

หลังจากพบกันเช่นนี้ มันก็ยากที่จะพูดออกมา พวกเขาทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ

เสี่ยวซูสงบลงแล้วพูดออกมา “เข้ามาข้างในก่อน”

“แม่ เขาเป็นใคร?” เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ เธอถามด้วยเสียงแผ่วเบา

หลังจากเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้ว เสี่ยวซูก็พูดออกมาอีกว่า “ซูเย่ กลับห้องของลูกก่อน แม่จะคุยกับลุงคนนี้สักสองสามคำ”

“ลุงคนไหนล่ะ เขาอายุมากกว่าหนูเพียงไม่กี่ปี” ซู่เย่ย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ และกล่าวด้วยท่าทางขี้เล่น

“เฮ้ คุณเป็นใครกันแน่?”

“กลับห้องไป” เสี่ยวซูเงยหน้าขึ้น

“ก็ได้”

ห้องนั่งเล่นเริ่มเงียบลง และไม่มีใครกล่าวอะไร สำหรับเสี่ยวซูการปรากฏตัวของเย่ฟ่านนั้นน่าตกใจเกินไป

และหลังจากผ่านไปนาน เสี่ยวซูก็พูดว่า “หลายปีที่ผ่านมา …คุณหายไปไหนมา”

“ผมดิ้นรนอย่างหนักและรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด นั่นทำให้ผมกลับมาช้าไปหน่อย” เย่ฟ่านกล่าวอย่างขมขื่น

เสี่ยวซูถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ฉันรอคุณไม่ได้ มันผ่านมาหลายปีเกินไปฉันต้องดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางของตัวเอง”

เย่ฟ่านพยักหน้า ชีวิตที่รอคอยอย่างไร้ความหวังนั้นเป็นสิ่งที่ทุกข์ทรมานใจเกินไป เขาคิดว่ามันดีแล้วที่เธอเลือกที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีเขา

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าเสี่ยวซูพาพ่อแม่ของเขามาที่นี่ได้อย่างไร

“เสี่ยวซู พ่อของผม…” เย่ฟ่านกล่าว น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้าน

“มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณกลับมาเมื่อสามปีก่อน”

เย่ฟ่านเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาเอนตัวลงบนโซฟาและหมดสิ้นเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง

เสี่ยวซูลุกขึ้นและพาเขาเข้าไปในห้อง นี่คือสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสองสองคนอาศัยอยู่เมื่อสามปีที่แล้ว พวกเขาจากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

เย่ฟ่านคุกเข่าร้องไห้เงียบ ๆ กำผ้าปูที่นอนไว้แน่น อยากสัมผัสทุกอย่างเกี่ยวกับพ่อแม่ และสัมผัสลมกลิ่นอายสุดท้ายของพวกเขา

“พวกเขาคิดถึงคุณมาก พวกเขาจะฮัมเพลงเบาๆ กอดรัดรูปถ่ายในวัยเด็กของคุณ …”

“โดยเฉพาะเมื่อตอนที่พวกเขาป่วยและขยับตัวไม่ได้ แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายในชีวิตพวกเขาก็เอาแต่จ้องรูปของคุณ”

เย่ฟ่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วและร้องไห้อย่างเงียบๆ

กว่ายี่สิบปี ความพยายามทั้งหมดก็ไร้ผล ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่อีกต่อไป

เสี่ยวซูถอนหายใจเบาๆ และทิ้งเขาไว้ในห้องเพียงลำพัง

“พ่อครับ แม่ครับ เสี่ยวฟ่านกลับมาแล้ว...” เย่ฟ่านพึมพำในปาก

……………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด