ตอนที่แล้วบทที่ 13.2 ไกด์สู่นิยายแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 เทคนิคการคิดหัวข้อและขยายประโยค (2)

บทที่ 14 เทคนิคการคิดหัวข้อและขยายประโยค (1)


บทที่ 14 เทคนิคการคิดหัวข้อและขยายประโยค (1)

เมื่อคุณเริ่มโปรเจกต์นิยายเรื่องใหม่ แต่คุณไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไรดี หรือเฉพาะเจาะจงไปที่เนื้อหาประเภทไหน คุณสามารถลองใช้วิธีนี้ได้

นักเขียนมือใหม่มากมายที่เกิดอาการติดขัดไปต่อไม่ได้ กับการเลือกหัวข้อสิ่งที่จะนำไปเขียนเรื่อง บางคนจะเกิดอาการสมองว่างเปล่า และไม่มีไอเดียเลยว่าจะเขียนอะไร ขณะที่นักเขียนบางคนกลับรู้สึกว่ามีหัวข้อมากมายมหาศาลจนไม่รู้จะเลือกข้อไหนมาเขียน

แท้ที่จริงแล้ว การเลือกหัวข้อมีวิธีเลือกที่แน่นอนอยู่หลายวิธีที่จะช่วยให้คุณเลือกหัวข้อ และแม้แต่โครงเรื่องโดยรวมอย่างเป็นขั้นตอนมาเขียนได้ ในบทความนี้ นักเขียนมืออาชีพได้แนะนำหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด – การขยายประโยค

ทุกตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิต สามารถสรุปรากฐานของมันออกมาได้เป็นคำคำเดียว “แข็งแกร่ง” ไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องอะไร แง่มุมไหน การกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นคือสิ่งที่ผู้อ่านรู้สึกมีความสุขกับการอ่าน นี่เป็นกฎพื้นฐานกฎแรกของการเขียนเรื่องแนวเติมเต็มให้ชีวิต มันเป็นคติพจน์ของนวนิยายออนไลน์ เทียบเท่ากับการประหยัดพลังงานในวิชาฟิสิกส์เลยทีเดียว

เมื่อเราพูดถึงเกี่ยวกับการขยายประโยคสำหรับนิยายประเภทเติมเต็มให้ชีวิต ซึ่งมันเริ่มต้นที่ “ความแข็งแกร่ง” เช่นกัน

ใครคือผู้ทรงพลัง? แน่นอนว่าคือตัวละครหลัก อีกทั้งการมีตัวละครหลักอ่อนแอแต่พ่อแม่ทรงพลังก็ใช้ได้เหมือนกัน แม้ว่าแบบนี้จะทำให้เรื่องไปอยู่ในหมวดประเภทตัวละครหลักอยู่ในกลุ่มที่ทรงพลัง แต่สุดท้ายแล้ว ตัวละครตัวนี้ก็ยังมีความแข็งแกร่งบางอย่างอยู่ในตัวพวกเขา

ตอนนี้เราจะมาขยายประโยคเป็น “ตัวละครหลักแข็งแกร่ง”

สำหรับเรื่องแนวการเติมเต็มให้ชีวิตทั่วไป ตัวละครหลักมีความแข็งแกร่งในระดับปกติยังไม่ดีพอ ไม่ใช่ว่า “เหนือกว่าค่าเฉลี่ย” จะพอแค่นั้น ถ้าหากตัวละครหลักแค่เหนือกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อย คนส่วนมากจะไม่สนใจ ดังนั้นตัวละครหลักของคุณต้องแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งแข็งแกร่งที่สุด

และนั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนี้เราจะขยายประโยคเป็น “ตัวละครหลักแข็งแกร่งจริงๆ”

นั่นคือวิธีที่แน่นอนเพื่อให้คุณใช้เริ่มงานได้ สำหรับส่วนที่เหลือของวิธีขยายประโยคนี้ ขึ้นอยู่กับคุณในฐานะนักเขียนจะตัดสินใจเองต่อไป และคำถามแรกที่จะช่วยในการขยายประโยคของคุณก็คือ: “ตัวละครหลักมีความแข็งแกร่งด้านใด?”

ความแข็งแกร่งของตัวละครหลักของคุณสามารถแสดงออกมาได้แตกต่างกันหลายทาง ยกตัวอย่าง วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้ตัวละครหลักร่างกายแข็งแกร่ง แต่นอกจากความแกร่งของร่างกายแล้ว ตัวละครหลักยังสามารถมีความแข็งแกร่งด้านความรู้ ความมั่งมี สถานะทางสังคม สถานะในกลุ่ม และอื่นๆ อีกมากมาย

ตัวเลือกต่างๆ เหล่านี้มีไว้ให้คุณตัดสินใจเลือกหัวข้อโดยรวมเพื่อเขียนนิยายของคุณ อาจกล่าวได้ว่าตัวเลือกเหล่านี้ไม่มีผลดีหรือเสีย ดีกว่าหรือแย่กว่า ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและสไตล์การเขียนส่วนตัว คุณควรเขียนสิ่งที่คุณรู้ดีและเลี่ยงการเขียนหัวข้อที่คุณไม่มีความรู้เพียงพอ

ยกตัวอย่าง หากคุณเป็นนักเขียนที่อยู่ในวงการการเงินด้วย คุณน่าจะมีความรู้ด้านนี้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ในกรณีนี้คุณสามารถเขียนตัวละครหลักที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงิน คือร่ำรวยนั่นเอง หลังจากนั้นคุณอาจจะตัดสินใจเลือกเขียนเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจ และเนื่องจากมันเกี่ยวกับธุรกิจ โดยทั่วไปมันก็จะเป็นนิยายสมัยใหม่ด้วย

หรือถ้าคุณมีความรู้เรื่องธุรกิจเชิงกลยุทธ์มากกว่าอุตสาหกรรมการเงิน คุณอาจกำหนดเรื่องของคุณให้อยู่ในสมัยโบราณ และเขียนให้มันเป็นนิยายประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการแข่งขันธุรกิจ หรือถ้าคุณต้องการจริงๆ คุณจะเขียนเป็นแฟนตาซีแข่งขันธุรกิจก็ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อนักเขียนตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะเขียน มันไม่ควรจะเกี่ยวกับว่าหัวข้อไหนเป็นที่นิยมและมีผู้อ่านมากที่สุด หัวข้อในการเขียนนิยายของคุณควรตัดสินใจจากความสามารถในการเขียนของคุณ อะไรที่คุณคุ้นเคย สิ่งที่คุณทำมันได้ดี และอะไรที่คุณชอบ สิ่งเหล่านี้จะเป็นหัวข้อที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ตัวอย่างเช่น ถ้าสไตล์การเขียนของคุณมีลักษณะเลือดร้อนและใส่อารมณ์ในเรื่องหนักหน่วง คุณควรพิจารณามีตัวละครหลักที่ร่างกายแข็งแรง หรืออยู่ในกลุ่มอำนาจที่ทรงพลัง และเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มระดับของหนุ่มเลือดร้อนที่ได้เข้าไปสู่วงการทหารและสงคราม

ตอนนี้ ประโยคได้ขยายไปเป็น “ตัวละครหลักแข็งแกร่งในเรื่อง_________จริงๆ”

หลังจากคุณได้ยืนยันแล้วว่าตัวละครหลักของคุณแข็งแกร่งด้านไหน ขั้นต่อไปคือการพิจารณาว่าทำไมตัวละครหลักถึงแข็งแกร่ง นั่นคือเหตุผลรองรับนั่นเอง

จากมุมมองเฉพาะ จะเห็นว่าแก่นแท้ของเรื่องราวทั้งหมดมีความสำคัญเช่นเดียวกัน กับเหตุผลแท้จริงของการเติมเต็มให้ชีวิต เมื่อทำการขยายประโยค คุณควรพิจารณาตัวแปรนี้เป็นหลักก่อนอื่น ระดมความคิดในหัวข้อนี้ ว่าตัวละครหลักควรแข็งแกร่งด้านไหน

ทำไมตัวละครหลักถึงมีความแข็งแกร่งด้านนี้? บางที คำถามนี้อาจทำให้นักเขียนมือใหม่หลายคนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีมารองรับได้ แต่ที่จริงแล้ว ตราบใดที่คุณพยายามคิดมันอย่างต่อเนื่องในระหว่างอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ คุณจะค้นพบว่า ความแข็งแกร่งของตัวละครหลักนั้นมาจากเหตุผลซ้ำซากธรรมดาสามสี่ข้อ

เราจะใช้เรื่องคลาสสิกเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เป็นตัวอย่าง มีเหตุผลธรรมดาหลายข้อที่เป็นคำตอบว่าทำไมตัวละครหลักถึงแข็งแกร่ง

ข้อแรก ความโชคดีมากเป็นพิเศษ นี่คือเหตุผลซ้ำซากธรรมดาของนิยายจีนกำลังภายในทุกเรื่อง เช่น ตกหน้าผาและรอดชีวิต ได้เรียนรู้วิชาพิเศษ ได้กินสมุนไพรหมื่นปี บังเอิญได้พบชายแก่แปลกหน้าที่ต้องการให้คุณเรียกว่า “พี่ใหญ่” และอะไรในลักษณะซ้ำซากแบบนี้ ถูกใช้จนนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างตัวละครหลักให้ทรงพลัง แต่ในท้ายที่สุด ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มันก็แค่ตัวละครหลักมีความโชคดีมากเป็นพิเศษเท่านั้น

ข้อสอง ตัวละครหลักมีสุดยอดปรมาจารย์หรือตระกูลที่ยิ่งใหญ่ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลซ้ำซากธรรมดาของนิยายกำลังภายในออนไลน์ในช่วงแรกที่เริ่มเป็นที่นิยมขึ้น ในฉากเปิดเรื่อง มีฮีโรชายหนุ่มน้อยหล่อเหลามีดาบวิเศษสะพายหลังขี่ม้าขาว ได้รับการแนะนำต่อผู้อ่านในแบบรวดเร็วทันใจ เห็นได้ชัดว่าฮีโรหนุ่มต้องมีภูมิหลังที่ดีมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่มียอดอาจารย์ก็ต้องมาจากสำนักใหญ่ หรือมาจากตระกูลที่พิเศษมาก นี่ก็เป็นเหตุผลธรรมดาอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัวละครหลักมีความแข็งแกร่ง

ข้อสาม ความสามารถพิเศษ ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะให้ตัวละครหลักมีภูมิหลังที่ดีมากหรือมีปาฏิหาริย์มากเกินไป ก็เหลือแค่คุณต้องให้ตัวละครหลักมีพรสวรรค์เหนือคนอื่นทุกคน อีกแนวคิดหนึ่งที่คล้ายกันคือ ให้ตัวละครหลักเป็นคนทุ่มเททำงานหนักมากกว่าคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดหลังนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อ เพราะหนึ่งวันมีแค่ 24 ชั่วโมง ท้ายที่สุด แม้ว่าตัวละครหลักจะฝึกฝนวิชาอย่างไม่หลับไม่นอน เขาจะเก่งขึ้นสักแค่ไหนเชียวเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แม้นี่จะเป็นเหตุผลให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่ใช่แบบที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ

ดังที่กล่าวกันโดยทั่วไป เหตุผลซ้ำซากสามข้อนั้นเป็นแบบที่นิยายกำลังภายในใช้เป็นประจำ แต่อย่าเพิ่งตัดสินเรื่องพวกนั้นเพียงเพราะมันมีเหตุผลซ้ำซาก ความซ้ำซากนั้น เราอาจจะใช้มันไปตลอดกาลเลยก็ได้ เพราะแม้ว่าคุณจะใช้ความซ้ำซาก ตราบใดที่คุณเปลี่ยนวิธีการใช้มัน และออกแบบสภาพเหตุการณ์ให้แตกต่าง ใช้กับตัวละครที่แตกต่าง พล็อตที่ต่างออกไป มันก็ยังเป็นเรื่องใหม่ที่สามารถดึงดูดผู้อ่านได้มากอยู่ดี

แน่นอนว่านวนิยายออนไลน์เกิดขึ้นมาจนหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงมีวิธีการมากมายกว่าแค่สามวิธีซ้ำซากนี้ ที่จะทำให้ตัวละครหลักแข็งแกร่งได้

การถอดวิญญาณไปเข้าร่างคนอื่น การกลับชาติมาเกิด การเข้าสิงร่าง การเป็นเพื่อนกับมนุษย์ต่างดาว พลังจากวัตถุโบราณ พลังลึกลับตั้งแต่เกิด ปัญญาประดิษฐ์ (A.I.) เผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถพิเศษ...

มีเหตุผลมากมายนับไม่ถ้วนที่คุณสามารถเอามาใช้ได้ เลือกเหตุผลที่เข้ากันได้มากที่สุดกับสภาพเหตุการณ์ที่คุณออกแบบไว้ ตอนนี้คุณสามารถขยายประโยคต่อไปอีกได้แล้ว “เพราะว่า______ตัวละครหลักถึงได้มีความแข็งแกร่งมากในเรื่อง______”

ถึงตอนนี้ เหลือเพียงสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องใส่เพิ่มเข้าไปในประโยคของคุณ นั่นคือตัวละครหลักของคุณจะทำอะไรหลังจากเขากลายเป็นคนแข็งแกร่ง และเป้าหมายของเขาคืออะไร?

หากว่าเหตุผลสำหรับการกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้นคือแก่นแท้ของเรื่อง อย่างนั้นเป้าหมายของตัวละครหลักและกระบวนการทำให้บรรลุเป้าหมายก็คือเนื้อเรื่องของนิยายเอง นี่คือประเด็นที่นักเขียนมือใหม่จำนวนมากลืมมันไป ถ้าปราศจากเป้าหมาย การแข็งแกร่งขึ้นของตัวละครหลักก็ไร้ความหมาย

วิธีสร้างเป้าหมายที่ง่ายที่สุดให้ตัวละครหลักของคุณ คือการโยงเป้าหมายกับความแข็งแกร่งของตัวละครเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น หากตัวละครหลักร่ำรวย คุณสามารถใช้การทำงานหาเงินมากมายและความต้องการเป็นคนรวยที่สุดในโลกเป็นเป้าหมายของตัวละครหลัก เป้าหมายแบบนี้ใช้ได้กับนิยายทั่วไปส่วนมาก ยกเว้นเรื่องที่ตัวละครหลักเป็น #1ของโลกอยู่แล้ว

และนอกจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว เป้าหมายธรรมดาที่สองอาจจะเป็นความต้องการแก้แค้น แกฆ่าพ่อข้า แกฆ่าเพื่อนและพวกพ้องของข้า แกหักหน้าข้า หรือแม้แต่เหยียดเชื้อชาติ... ตัวละครหลักมีเรื่องคับข้องใจมากมายที่ต้องจัดการ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เขาทำการแก้แค้น สิ่งนี้ยังช่วยให้พล็อตเดินไปข้างหน้าด้วย

การแก้แค้นคือการกระทำที่ทำลายล้าง ขณะที่ทางตรงข้ามคือการสร้างสรรค์ ก็สามารถใช้เป็นเป้าหมายของตัวละครหลักได้เป็นอย่างดี ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นการช่วยปรับปรุงสถานการณ์ของตระกูล หรือความรุ่งเรืองของพวกพ้อง หรือทำให้ประเทศของตนแข็งแกร่งขึ้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถใช้เป็นแรงจูงใจให้ตัวละครหลักได้เช่นกัน

ไม่สำคัญว่าจะเป็นการแก้แค้นหรือการทดแทนบุญคุณ ทำลายล้างหรือสร้างสรรค์ ต้องการเป็นคนแข็งแกร่ง หรือปรารถนาชีวิตที่ธรรมดา ที่จริงแล้วเป้าหมายของตัวละครจะเป็นอะไรนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือตัวละครหลักต้องมีเป้าหมายเท่านั้น

คุณยังจำเป็นต้องตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับนวนิยายที่มีแนวโน้มที่จะยาวไปเกินสองล้านคำ เป้าหมายนี้สามารถขยายขึ้นเมื่อเขียนเรื่องต่อเนื่องไป ตัวอย่างเช่น เป้าหมายคือการแก้แค้น แค่ตัวละครหลักแก้แค้นได้สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่านิยายของคุณจำเป็นต้องจบเรื่อง คุณสามารถเขียนให้ตัวละครหลักมีเป้าหมายใหม่ได้ง่ายๆ สิ่งนี้หมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องเขียนปรับให้การดำเนินเรื่องช้าลงเมื่อตัวละครหลักบรรลุเป้าหมายแล้วเพื่อที่จะเขียนเรื่องให้ยาวขึ้น

ดังนั้น ส่วนแรกของการขยายประโยคของเราก็สมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ในประโยคจะเป็น “เพราะว่า_____ตัวละครหลักมีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อในเรื่อง_____เขาจะใช้ความสามารถนี้เพื่อ_____”

ถึงตอนนี้ การระดมสมองของคุณกับหัวข้อเรื่องและพล็อตหลักควรจะมีความแน่นอนแล้ว แต่ถ้าคุณยังต้องการให้ขั้นตอนการเขียนง่ายขึ้นอีก คุณจำเป็นต้องทำการขยายประโยคต่อเนื่องไป

อย่างแรกคือเติมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตัวละครหลัก เหมือนอย่างกับว่าคุณกำลังกรอกข้อมูลในเว็บไซต์หาแฟน คุณจำเป็นต้องเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครหลัก รูปลักษณ์ภายนอก รูปร่าง ภูมิหลังครอบครัว อาชีพ รายได้ เพื่อน และญาติพี่น้อง ความสามารถ บุคลิก และอื่นๆ ที่จำเป็นทั้งหมด ยิ่งคุณเขียนรายละเอียดมากเท่าไร มันจะช่วยอำนวยความสะดวกคุณในการเขียนในอนาคตมากเท่านั้น

สำหรับข้อมูลประจำพวกตัวละครหลัก มีกฎหลักอยู่สองข้อที่พวกเขาต้องทำตาม

ข้อแรก พวกเขาต้องเติมเต็มสิ่งที่ต้องมีสำหรับเรื่องราวประเภทการเติมเต็มให้ชีวิต หรือพูดอีกอย่างว่า อย่าออกแบบสภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขียนยากขึ้น

ยกตัวอย่าง หากคุณเขียนตัวละครหลักให้เป็นคนอ่อนแอและไร้ประโยชน์กับทุกๆ อย่าง นี่จะทำให้เพิ่มความยากในการเขียน แน่นอนว่าไม่มีนักเขียนคนไหนต้องการแบบนั้นแน่นอน

นั่นคือเหตุผลที่กฎข้อแรกแท้ที่จริงทำตามได้ง่ายมาก

ข้อสอง ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของตัวละครหลักให้แน่ใจว่าไม่มีความขัดแย้งกันเอง ตัวอย่างเช่น สร้างตัวละครหลักที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง แล้วยังบรรยายว่าพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก และตอนนี้เขาเป็นเด็กกำพร้า ข้อมูลสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเองอย่างเห็นได้ชัด คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่ง

ข้อนี้ดูเหมือนง่าย แต่ค่อนข้างแก้ไขลำบาก อย่างแรก เราจำเป็นต้องเขียนข้อมูลนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ขัดแย้งกันบ้าง แล้วจัดการแก้ไขส่วนนั้นให้เรียบร้อย...

ถ้าคุณโชคดี คุณจะแก้ไขมันได้รวดเร็วทีเดียว แต่ถ้าคุณโชคไม่ดี คุณอาจเจอแม้กระทั่ง เมื่อคุณแก้ความขัดแย้งส่วนแรก แล้วมันกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ขึ้นกับส่วนที่เหลือ... คุณเพียงต้องแก้ไขมันด้วยความอดกลั้นจนกว่าความขัดแย้งทั้งหมดจะหมดไป ก่อนที่จะจรดปลายปากกาลงกระดาษ

อย่างที่สองคือ เราต้องคงความระมัดระวังความขัดแย้งกันเองนี้ต่อไปจนถึงในเนื้อเรื่อง ที่ตัวละครหลักทำงานสำเร็จบรรลุเป้าหมาย สิ่งนี้โดยพื้นฐานก็คือโครงเรื่องโดยรวมนิยายของคุณ

สำหรับวิธีการเฉพาะเจาะจงในการเขียนโครงเรื่องโดยรวม นั่นจะเป็นหัวข้อในบทความต่อไป สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจในตอนนี้คือ กลไกในการขยายความในหัวข้อของเรา โดยทั่วไปแล้วมีอยู่สองวิธีที่ง่ายที่สุด

หนึ่งคือการซอยให้เป็นส่วนเล็กๆ แยกส่วนเป้าหมายของตัวละครหลักออกเป็นหลายส่วนและเขียนให้เสร็จทีละส่วน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายของตัวละครหลักต้องการเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และบางทีคุณกำหนดไว้ว่าตัวละครหลักต้องขึ้นถึงระดับหนึ่งร้อย ขณะที่เขาเริ่มต้นที่ระดับหนึ่ง แบบนี้คุณสามารถแยกกระบวนการทั้งหมดออกเป็นหนึ่งร้อยส่วน และหลังจากนั้นเขียนจุดหักเหเชื่อมแต่ละส่วนเล็กๆ เข้าด้วยกัน

สองคือใช้วิธีสร้างอุปสรรค คุณสามารถจงใจเขียนให้ตัวละครหลักมีอุปสรรคนานัปการที่ทำให้บางเหตุการณ์ที่ควรจะเป็นไปง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยุ่งยากและคาดไม่ถึง แน่นอนว่าในทุกการพลิกผันของพล็อต จะทำให้อุปสรรคของตัวละครหลักดำเนินต่อไป และเพิ่มพล็อตพลิกผันมากขึ้นไปอีก โดยการดำเนินเรื่องแบบนี้มากจนถึงจุดหนึ่ง มันสามารถกลายเป็นรูปแบบการดำเนินโครงเรื่องโดยรวมของคุณไปเลยก็เป็นได้

หลังจากคุณทำตามขั้นตอนทั้งหมดสำเร็จ ประโยคขยายของคุณจะเป็นแบบนี้ “ตัวละครหลักของฉันเป็นคน_____ เพราะ_____ เขา/เธอมีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญด้าน_____ เขาใช้ความสามารถของเขาเพื่อ_____ แม้ว่า_____อุปสรรคและความยากลำบากจะเกิดขึ้นในเส้นทางของเขา”

และนั่นคือทั้งหมดของวิธีการขยายประโยคจากหัวข้อ พร้อมกับการวางแผนที่คุณต้องการใช้เขียนนิยาย แน่นอนว่า บางทีบทความนี้อาจไม่พอช่วยทุกคนให้เข้าใจถ่องแท้ได้ ดังนั้นจะมีตัวอย่างให้เรียนรู้กันอีกในบทความต่อไปเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น

....................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด