ตอนที่ 30 ศิษย์น้อง แสดงวิชาให้ดู
ซูชางหยูจากไป.
ทว่าเขาก็กลับมาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน.
ไม่ใช่ว่าเขาลืมอะไรบางอย่าง แต่ซู ชางหยูเริ่มกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้.
เพราะว่าเขาได้สร้างชุดวิชากระบี่นั้นขึ้นมา.
การตั้งท่าเริ่มต้นนั้นเป็นการตั้งท่าของวิชากระบี่ชวนเหอจริงๆ แต่ท่าที่อยู่ตรงกลางนั้นถูกเขาสร้างขึ้นแบบมั่วๆ ดังนั้น พวกมันจึงดูสง่างามโดยที่ใช้งานจริงไม่ได้มากนัก.
เย่ปิงเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา แต่นั่นเป็นสาเหตุที่ซู ชางหยูกลัวว่าเย่ปิงจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับมันมากเกินไป.
ดังนั้น ซูชางหยูจึงกลับไป
เขาวางแผนที่จะให้เย่ปิงสาธิตมันอีกครั้งก่อนที่จะให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เขา หากทำแบบนั้น เย่ปิงก็จะไม่หมกมุ่นเกินไป.
ในไม่ช้า ซูชางหยูก็กลับมาที่หน้าผาด้านหลัง.
นอกจากนี้ เย่ปิงไม่ได้ฝึกฝนวิชากระบี่ แต่เขากลับหลับตาและดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง.
“น้องเล็ก”
ซูชางหยูตะโกน และเย่ปิงก็ลืมตาขึ้นทันทีด้วยความสับสน
“พี่ใหญ่ทำไมท่านถึงกลับมาขอรับ?”
เย่ปิงอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เขาเพิ่งนั่งลงได้ไม่นานและกำลังไตร่ตรองเกี่ยวกับวิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์ ซูชางหยูกลับมาด้วยความประหลาดใจ.
“น้องเล็ก สาธิตวิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์สักครั้ง ข้ากังวลว่าวิชากระบี่นี้อาจไม่เหมาะกับเจ้า”
ซู ชางหยูเข้าเรื่องในทันที คำพูดของเขาไม่มีความหมายอื่นซ่อนอยู่เลย.
“โอ้ ได้เลยขอรับ.”
เย่ปิงพยักหน้าแล้วหยิบกระบี่ที่อยู่ข้างๆ เขาขึ้นมา
“พี่ใหญ่ท่านรอสักครู่ได้ไหม? ตอนนี้ข้ามีความคิดบางอย่างและข้าอยากจะไตร่ตรองดูขอรับ.”
เย่ปิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เพราะว่าการสาธิตวิชาการใช้กระบี่ต่อหน้ายอดฝีมือเต๋ากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่เร้าใจ.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นมันเพียงครั้งเดียว เย่ปิงจึงกลัวที่จะทำผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะคิดก่อนจะพูด.
"ไม่เป็นไร. ข้าจะรอเจ้า."
ซู ชางหยู ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้.
“กรุณารอสักครู่ขอรับ พี่ใหญ่”
เย่ปิงไม่ได้พูดอีกต่อไป เขายืนอยู่ตรงจุดนั้นและหลับตาก่อนที่จะเริ่มคิดเกี่ยวกับวิชากระบี่.
กระบวนท่าของกระบี่ปรากฏขึ้นในใจของเย่ปิงทันที
มีเงากระบี่ต่างๆ อยู่ในใจของเขา.
กระบวนท่ากระบี่ทั้งเก้าถูกแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องในใจของเขา
วิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่ แต่ในใจของเขา มันช่างงดงามและน่าเกรงขาม.
ราวกับว่าเขาไม่ได้หันหน้าไปทางแม่น้ำ แต่เป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
'แต่เหตุใดจึงเรียกว่าวิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์?'
ทันใดนั้น เย่ปิงก็ตกอยู่ในความคิดที่ลึกซึ้ง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตระหนักรู้อย่างกะทันหัน
'แม่น้ำสวรรค์คืออะไร?'
ทางช้างเผือกที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าคือแม่น้ำสวรรค์
แม่น้ำสวรรค์ก็คือทางช้างเผือก.
ไม่มีมหาสมุทรใดเทียบได้กับขนาดของทางช้างเผือก.
ทันใดนั้นเย่ปิงก็เข้าใจทุกอย่างอย่างสมบูรณ์
ไม่ไกลนัก เท้าของซูชางหยูก็ชาเล็กน้อย
เขาเสียใจที่มาที่นี่และรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยกับความทรงจำที่แย่ของเย่ปิง.
'ข้าเพิ่งสาธิตกระบวนท่าของกระบี่เหล่านั้น ทำไมเขาถึงใช้เวลานานมากในการนึกมันให้ออก?'
'รีบหน่อยไม่ได้เหรอ?'
'ข้าเหนื่อยมาก.'
'เร็วกว่านี้ได้ไหม'
ขณะที่ซูชางหยูปล่อยให้จินตนาการของเขาโลดแล่น เย่ปิงก็เริ่มสาธิตกระบวนท่าของกระบี่.
ซ่า.
มันเป็นเสียงคลื่น
มันไม่ใช่เสียงกระบี่แต่เป็นเสียงคลื่น.
ทันใดนั้น ซู ชางหยู ก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
หลังจากท่าแรก เย่ปิงก็ทำท่าต่อไปได้อย่างราบรื่น.
ท่าแต่ละท่าเป็นเหมือนคลื่นทะเล
ท่าแต่ละท่าแข็งแกร่งกว่าท่าก่อนหน้านี้.
เขาสาธิตไปถึงท่าที่ 20.
ท่าที่ 50.
ท่าที่ 100.
ซูชางหยูสับสน เขาสาธิตกระบวนท่าให้เย่ปิงได้เพียงเก้ากระบวนท่า ทำไมตอนนี้ถึงมีกระบวนท่ามากกว่าร้อยกระบวนท่าล่ะ?
ในขณะที่เขาสาธิตต่อไป ออร่าของเย่ปิงก็แข็งแกร่งขึ้นราวกับคลื่นในทะเล.
เขาแสดงท่าให้ดูทีละท่าๆและพวกมันก็ทับซ้อนกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด.
ฟิ๊ว!
ฟิ๊ว!
ลมแรงพัดใบไม้และกิ่งก้านทั้งหมดภายในระยะไม่กี่สิบเมตร และต้นไม้โบราณก็เริ่มสั่นสะเทือน.
มันไม่ใช่พลังของกระบี่
มันเป็นเพียงกระบวนท่าของกระบี่เท่านั้น. เย่ปิงเหวี่ยงกระบี่ของเขาอย่างต่อเนื่อง ใบไม้เหี่ยวเฉาขยับขึ้นลงราวกับเป็นคลื่นทะเล
ตู้ม.
เขาสาธิตท่าที่ 365.
เสียงระเบิดก็ตามมาทันที
ตู้ม.
ตู้ม
ตู้ม.
ตรงหน้าเย่ปิงสิบเมตร ทรายและหินกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ เสียงระเบิดที่น่าสยดสยองทำให้หูหนวก.
ทว่าซู ชางหยู กลับตกตะลึง
'ให้ตายเถอะ นี่คือวิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์ที่ข้าเพิ่งสอนเขาไปเหรอ?'
ซู ชางหยู ตัวแข็งกับที่ทันที.
พลังกระบี่ของเย่ ปิงแสดงให้เห็นร่องรอยของสิ่งที่เขาได้สอนไปเมื่อสักครู่นี้ แต่ความแตกต่างในพลังของพวกเขานั้นราวฟ้ากับเหว.
ซู ชางหยู ไม่รู้ว่าจะอธิบายพลังกระบี่ของเย่ปิงอย่างไร.
สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาจะตายแน่นอนถ้าเขาต่อสู้กับเย่ปิง.
แม้ว่าความสามารถของเขาจะพอใช้ได้ แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้น 5 ของขั้นปรับแต่ง พลังปราณ.
ถึงกระนั้น เย่ปิงที่ไม่มีพลังยุทธ์ แต่เขาก็แข็งแกร่งมาก
'สิ่งนี้มันสมเหตุสมผลตรงไหนกัน?'
'เป็นไปได้ยังไง?'
'ข้าเกลียดจริงๆ'
หลังจากที่กลับมามีสติสัมปชัญญะ ซูชางหยูก็ขมขื่นกับเรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อ.
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเย่ปิงจะเข้าใจวิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์ที่ไร้สาระจริงๆ.
เขารู้สึกโกรธและขมขื่น,kd.
ไม่ไกลนัก เย่ปิงก็หยิบกระบี่ของเขาออกมาแล้วมองไปที่ซูชางหยูด้วยความประหม่า.
“พี่ใหญ่ความสามารถของข้าแย่มาก ข้าเกรงว่าข้าล้มเหลวในการแสดงแก่นแท้ของวิชากระบี่นี้”
เย่ปิงกล่าวอย่างจริงใจ
เขารู้สึกว่าวิชากระบี่นั้นแตกต่างอย่างมากและลึกซึ้งมากกว่าวิชาสี่กระบี่อัสนี เขาคิดว่ามีกระบวนท่ามากกว่า 365 กระบวนท่าอย่างแน่นอน.
วิชากระบี่แห่งแม่น้ำสวรรค์
“เจ้าทำได้พอใช้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไปเนื่องจากเจ้าสามารถอนุมานท่าได้ 365 ท่าในช่วงเวลาสั้นๆ เอาล่ะ น้องเล็ก ฝึกฝนต่อไปและไตร่ตรองมันต่อจากที่ค้างไว้”
ซู ชางหยู พูดอย่างสบายๆ ด้วยรอยยิ้ม.
ทว่าเขารู้สึกเสียใจอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาไม่อยากพูดอีกต่อไป
เขาออกไปทันที
เย่ปิงมองไปที่ซูชางหยูที่จากไปและแอบคิดว่าเขาไม่ต้องการพูดอะไรกับเย่ ปิงมากเพราะพรสวรรค์ที่ย่ำแย่ของเขา.
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ปิงก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะตั้งใจอย่างแน่นอนและข้าจะมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึงพลังหนึ่งส่วนของท่านให้ได้ขอรับ”
เย่ปิงกล่าวอย่างทะเยอทะยานและมั่นใจ
ซูชางหยูเกือบสะดุดและล้มลงกับพื้น.
'หนึ่งส่วนของข้างั้นเหรอ'
'เจ้ากำลังทำให้ข้าอับอายใช่ไหม'
'นี่มันทรมาณกันทางคำพูดชัดๆ’
'การทรมานทางอารมณ์'
'ก็ได้'
'เจ้าน้องเล็ก'
'ข้า ซู ชางหยู สาบานว่าข้าจะสร้างชุดวิชากระบี่ที่เจ้าจะไม่สามารถเรียนรู้หรือเข้าใจได้เลย'
'ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเจ้าสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้'
'ถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้วิชากระบี่ชุดถัดไปที่ข้าสอนได้ ข้าจะกลืนกระบี่บินทั้งหมดในแคว้นจินต่อหน้าเจ้าเลย'
'ข้าจะจุ่มพวกมันลงในน้ำจิ้มแล้วกลืนลงไปให้ดู'
เขาซ่อนมือไว้ในเสื้อคลุมยาวของเขา ซูชางหยูกำหมัดแน่นและสาบานในใจว่าเขาจะประกอบวิชากระบี่ที่เย่ปิงไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน.
'เดี๋ยวได้รู้กัน! มาดูกันเลย!’
เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการดูถูกมากไป.
ตอนนี้เขาแค่อยากอยู่คนเดียว
เหตุนี้ เขาจึงเดินต่อไปจนดึกดื่น
ภายในสำนักชิงหยุนเต๋า ซู ลั่วเฉิน เดินออกจากกระท่อมพร้อมกับหนังสือในมือ คิ้วของเขาขมวดแน่นมาก.
“ส่วนผสมหลักทั้งสี่ของยาบำรุงเลือดคือ กัญชาเทศ, เถาโลหิต, รากใจแห้งและใบชูกำลัง. ส่วนผสมทางการแพทย์ทั้งเก้าชนิด ได้แก่ ...”
ซู ลั่วเฉิน พึมพำกับตัวเองขณะที่เขากำลังจดจำบางสิ่งบางอย่าง.
ทว่าในไม่ช้าเขาก็หยิบหนังสือในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง.
เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ไม่ใช่รากใจแห้งสิ นั่นเป็นยาร้ายแรงนะ. ซูลั่วเฉิน ซูลั่วเฉิน ทำไมเจ้าถึงจำอะไรไม่ได้ล่ะ? การสอบปรุงยาใกล้เข้ามาแล้ว หากเจ้าล้มเหลวอีกครั้งในครั้งนี้ มันจะเป็นครั้งที่แปดที่เจ้าล้มเหลวนะ.”
ซู ลั่วเฉิน บ่นด้วยการตำหนิตนเอง.
ทว่าในไม่ช้าเขาก็เห็นร่างของบุคคลบนหน้าผาอันห่างไกล.
มันคือซูชางหยู
เขาจ้องมองดวงดาวเพียงลำพังอย่างเงียบๆ ดูเหงาหงอยและโศกเศร้า
“อาการของพี่ใหญ่เริ่มแย่ลงแล้ว”
“อา พี่ใหญ่ใจร้อนเกินไป แม้ว่าความสามารถของน้องชายจะแย่ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นใช่ไหม”
“เขาแค่มีความสามารถน้อยเอง ถึงกับคิดมากเลยเชียวหรือ? สำนักชิงหยุนเต๋าน่าประทับใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ใจร้อนเสียจริง”
“ในฐานะอาจารย์แล้ว เขาขาดความอดทนและได้รับผลกระทบอย่างมากจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ. ช่างไร้ประโยชน์เสียนี่กระไร เขาจะเป็นเจ้าสำนักได้อย่างไรในอนาคตกัน.”
“ข้าจะสอนน้องเล็กพรุ่งนี้เอง ข้าต้องสอนพี่ใหญ่ว่าการเป็นอาจารย์ที่ดีเป็นอย่างไร”
ซูลั่วเฉินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวก่อนที่จะจดจำใบสั่งยาต่อไป โดยไม่ใส่ใจเลย.