ตอนที่ 3 นักเรียนใหม่สองคน
ต่อมา มาซามิจิ ยากะก็พูดอบรมให้แก่โอคตสึ ยูตะฟังอย่างเข้มงวด
ตอนที่เขาพบกับอิตาโดริ ยูจิ เขาใช้ตุ๊กตาอาคมของเขาในการทดสอบเพื่อให้ยูจิได้ตระหนักถึงความตั้งใจของตัวเองในการเป็นผู้ใช้คุณไสย
แต่เคล็ดลับนี้ใช้ไม่ได้ผลกับโอคตสึ ยูตะ
เพราะข้างหลังเขามีคำสาประดับพิเศษที่ไม่สามารถควบคุมได้
นอกจากนี้โกโจ ซาโตรุก็ไม่อยู่ด้วย
ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดแล้วคำสาประดับพิเศษหลุดออกมาอาละวาด
โดยปราศจากซาโตรุ เขาคนเดียวไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดคำสาปนั้นได้
หลังจากที่โกโจ คาเอเดะและโอคตสึ ยูตะเดินออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ เหล่าบุคคลากรของโรงเรียนก็พาพวกเขาไปที่หอพักที่เตรียมไว้
เมื่อตกกลางคืน โกโจ คาเอเดะใช้ฮาคิสังเกตุเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆเขา
จากนั้นเขาก็เรียกดาบฟันวิญญาณ กะเท็นเคียวคตสึออกมาทันที
"กะเท็นเคียวคตสึ.."
ในไม่ช้า ดาบฟันวิญญาณสุดเท่สองเล่มก็โผล่ออกมาทันที เล่มนึงยาวและเล่มนึงสั้น ปรากฏขึ้นบนมือของโกโจ คาเอเดะ
หลังจากที่ดาบฟันวิญญาณปรากฏออกมา โกโจ คาเอเดะก็พบว่ามีพลังทางจิตวิญญาณปรากฏอยู่ในร่างกายของเขา
และพลังวิญญาณที่เขามีก็แข็งแกร่งมากจริงๆ
นี่ทำให้โกโจ คาเอเดะแสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“เป็นไปได้ไหมที่คำสาปสวรรค์ได้เปลี่ยนพลังคุณไสยของฉันทั้งหมดให้เป็นพลังทางจิตวิญญาณ?”
แต่ก่อนตอนที่เขารู้เรื่องคำสาปสวรรค์ของตัวเอง เขาก็รู้สึกหดหู่มากๆ
เพราะเอาเข้าจริงๆ คำสาปสวรรค์ไม่ได้ทำให้คนที่มีมันกลายเป็นคนธรรมดาไปโดยสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับฟุชิงุโระ โทจิและเซนอิง มากิ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพลังคุณไสยและก็ถูกเรียกว่าคนธรรมดา
แต่สมรรถภาพทางกายของพวกเขากลับไม่ธรรมดาเลย
ในทางกลับกัน โกโจ คาเอเดะนั้นเป็นคนธรรมดาทั้งภายในและภายนอก ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีหน้าตาเหมือนโกโจ ซาโตรุทุกประการ ทุกคนจะสงสัยว่าเขาถูกรับเลี้ยงจากภายนอกหรือไม่
"ด้วยแรงกดดันทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานฉันก็จะสามารถใช้บังไคของกะเท็นเคียวคตสึได้!"
แม้ว่าคาเอเดะจะรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกะเท็นเคียวคตสึและเขาก็สามารถเรียกรูปแบบที่แท้จริงของดาบนี้ได้โดยตรง แต่บังไคไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ได้แบบสบายๆเพียงแค่เพราะมีพลังทางจิตวิญญาณมากพอและรู้ชื่อจริงของมันเท่านั้น
เขายังต้องสื่อสารกับวิญญาณภายในดาบและพิชิตมัน
“ด้วยดาบนี้ ชั้นน่าจะอยู่ในระดับ1อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม?”
หลังจากสัมผัสได้ถึงกระแสพลังวิญญาณอย่างระมัดระวัง โกโจ คาเอเดะก็พึมพำและมองไปที่แผงระบบ
ตามที่คาดไว้ ระดับได้รับการยกระดับจากเสมือนระดับ1 ไปเป็นระดับ1
หากใช้บังไคได้ คงได้เป็นระดับพิเศษ
อย่างไรก็ตาม บังไคของกะเท็นเคียวคตสึนั้นจะดึงคนรอบๆเข้าสู่เกมของเขาโดยไม่คำนึงถึงมิตรหรือศัตรู ทำให้จะมีความเสี่ยงหากเขาใช้มัน
ดังนั้นคาเอเดะจึงตั้งใจว่าจะไม่ใช้บังไคของดาบเล่มนี้ถ้าหากไม่จวนตัวจริงๆ
เขาจะไม่ต่อสู้จนตัวตายอยู่แล้ว
นอกจากนี้เขามีระบบเช็คอินด้วย
ถ้าสามารถเช็คอินเพื่อแข็งแกร่งได้แล้วจะเหนื่อยฝึกไปทำไม?
จะดีกว่าไหมถ้าเขานอนเล่นและเช็คอินเรื่อยๆเพื่อรอรับรางวัล?
หลังจากสัมผัสถึงพลังทางจิตวิญญาณแล้ว โกโจ คาเอเดะก็นำดาบฟันวิญญาณกลับเข้าสู่ระบบ พลังทางจิตวิญญาณก็หายไปพร้อมกับดาบฟันวิญญาณ
มันทำให้โกโจ คาเอเดะดูเหมือนคนธรรมดาอีกครั้ง
จากนั้นก็ผ่านพ้นคืนนี้ไปทั้งอย่างนี้ แล้วก็เข้าสู่วันต่อมา
เซนอิง มากิ อินุมากิ โทเกะและแพนด้า ทำภารกิจร่วมกันสำเร็จ
พวกเขากำลังพูดคุยกันขณะเดินไปที่ห้องเรียน
“ได้ข่าวรึยัง มีนักเรียนใหม่ย้ายมา2คน เห็นเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นจับเพื่อนร่วมห้องยัดตู้ล็อคเกอร์เลยนะ!”
แพนด้าที่ช่างพูดมากที่สุด แทบไม่เคยหยุดพูดตลอดทาง
“ทูน่ามาโย”
ตรงกันข้ามกับแพนด้า อินุมากิ โทเกะพูดน้อยมาก
และเพราะเขาเป็นผู้ใช้วาจาคำสาป ทุกคำที่เขาพูดจึงเป็นชื่อข้าวปั้นที่ปลอดภัยและไร้ซึ่งคำสาป
“ฆ่าเลยเหรอ?”
เซนอิง มากิพูดด้วยสีหน้าสงบ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!”
แพนด้าตอบ
เซนอิง มากิขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยความรังเกียจ
"ถ้ามันมาซ่ากับฉัน ฉันจะจับสั่งสอนซะ!"
"ปลาตากแห้ง"
เมนูส่วนใหญ่ที่อินุมากิ โทเกะพูดถึงนั้นมีความหมายแบบสุ่ม
มีเพียงสามเมนูเท่านั้นที่มีความหมายค่อนข้างชัดเจน
นั่นคือ "แซลมอน" ซึ่งหมายถึงเห็นด้วยหรือยืนยัน "ปลาตากแห้ง" ซึ่งหมายถึงปฏิเสธและไม่เห็นด้วย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เซนอิง มากิพูดเกี่ยวกับการสอนบทเรียนให้กับเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่
“แต่นักเรียนใหม่อีกคนกลับตรงกันข้ามเลย ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังคุณไสยเลย ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากตระกูลใหญ่…”
แพนด้าพูด แต่น้ำเสียงของเขาเบาลงมาก และมองไปที่เซนอิง มากิ เพื่อดูว่าเธอมีปฏิกริยาอะไรหรือไม่
เซนอิง มากิไม่มีท่าทีโกรธ แต่แสดงท่าทีครุ่นคิดและพึมพำ
"มีคนธรรมดาเพียงไม่กี่คนในสามตระกูลใหญ่ที่ไร้ซึ่งพลังคุณไสยเลย คนเดียวที่ฉันรู้ในความทรงจำของฉันคือไอ้จอมล้างผลาญจากตระกูลโกโจ โกโจคาเอเดะผู้โด่งดัง”
เซนอิง มากิ ได้พบกับโกโจ คาเอเดะ เช่นกันในตอนที่เธอยังเด็ก เพราะตอนนั้นเธอได้ยินมาว่าตระกูลโกโจก็มีคนแบบเดียวกับเธอเหมือนกัน ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนเธอได้มีเพื่อนหัวอกเดียวกัน และอยากจะได้เจอกันสักครั้ง
ใครจะคิดว่าโลกทัศน์ของเธอจะพังทลายลงหลังจากที่เธอได้ฟังคำพูดของโกโจ คาเอเดะที่งานเลี้ยงของครอบครัวเซนอิง
เธอไม่เคยเห็นใครในตระกูลใหญ่ที่ไร้ความสามารถ แต่ก็ยังทำตัวไรยางอายแบบนั้นมาก่อนเลย
คำพูดของโกโจ คาเอเดะยังดังอยู่ในหูของเซนอิง มากิโดยที่เธอไม่เคยลืมได้เลย
“แม้ว่าฉันจะไร้ค่า แต่ฉันมีพี่ชายที่แข็งแกร่ง ถ้ามีพี่ที่แข็งแกร่งแล้วไม่เบ่งสักหน่อยก็เสียชาติเกิดหนิจริงไหม?”
“และแม้ฉันจะใช้พลังไม่ได้ แต่ฉันหล่อและรวยมาก”
คำพูดที่ดูมั่นใจแบบนั้นจากปากคนไม่เอาไหน มันทำให้ดูเหมือนว่าการไร้พลังไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องไม่ดีอะไร แต่มันคือความภาคภูมิใจยังไงยังงั้น
หลังจากนึกถึงคำพูดและฉากเหล่านั้นในตอนนั้นแล้ว เซนอิง มากิก็ส่ายหัวอย่างเด็ดขาดและพูดว่า
"ไม่ใช่เขาหรอก เจ้าจอมล้างผลาญของตระกูลโกโจจะไม่มีวันมาที่โรงเรียนเพื่อทรมานตัวเองหรอก มันคงจะเป็นลูกหลานของตระกูลอื่นนั่นแหละ!"
"ฮ่าฮ่า เราจะได้รู้เร็วๆนี้!"