ตอนที่ 2 กะเท็นเคียวคตสึ
“มาทำความรู้จักกันดีกว่า นี่คือเพื่อนร่วมชั้นในคนใหม่ของนายนะ เขาชื่อโอคตสึ ยูตะ สนิทกันเอาไว้ให้มากๆล่ะ”
นี่คือช่วงเวลาสองวันต่อมา โกโจ ซาโตรุเห็นว่าโกโจ คาเอเดะยังคงตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนไสยเวท
ดังนั้นวันนี้เขาจึงได้พบกับเด็กใหม่ที่จะเข้าเรียนพร้อมกับเขา
“สวัสดี ฉันชื่อโอคตสึ ยูตะ!”
ในเวลานี้โอคตสึ ยูตะดูเขินอายเล็กน้อย ชายผู้เต็มไปด้วยความหดหู่ทักทายคาเอเดะด้วยรอยยิ้มที่ดูใจดี
แม้ว่าโอคตสึ ยูตะจะไม่เคยปรากฏในเนื้อเรื่องหลักก็ตาม (น่าจะในอนิเมะ ณ ตอนที่แต่งเรื่องนี้)
และมีเพียงชื่อกับการกระทำของเขาเท่านั้นที่แพร่กระจายบอกเล่าต่อกันมา
แต่โกโจ คาเอเดะ ที่ได้ดูอนิเมะภาคซีโร่ รู้ดีว่าชายคนนี้คือระดับเทพสงครามผู้มีความรักอันบริสุทธิ์
เขามีพลังไสยเวทมหาศาล และสามารถลอกเลียนอาคมของผู้ใช้คุณไสยคนอื่น ๆ มาเป็นของตนเองได้
นี่ก็พรสวรรค์ระดับฟ้าประทานอีกคน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโกโจ คาเอเดะสามารถสัมผัสได้ถึงยักษ์ใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวที่ติดตามอยู่เบื้องหลังโอคตสึ ยูตะอย่างชัดเจน
‘นี่นะหรอคำสาปพิเศษ ริกะ? ช่างน่ากลัวจริงๆ!’
แม้ว่าโกโจ คาเอเดะจะไม่สามารถใช้คุณไสยได้ แต่เขายังคงมองเห็นคำสาปได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคำสาปแบบไหน เขาก็ยังมองเห็นมันได้
เขายังเห็นรายละเอียดมากกว่าผู้ใช้คุณไสยทั่วไปอีกด้วย
"สวัสดี ฉันชื่อโกโจ คาเอเดะ ฉันเป็นลูกชายคนรองของตระกูลโกโจผู้ซึ่งอยู่โดยการผลาญเงินไปวันๆและถูกเรียกว่าคนไม่เอาไหนแถมยังใช้คุณไสยไม่ได้ด้วย! แต่ถึงฉันจะใช้คุณไสยไม่ได้ แต่ฉันก็ยังรวยมากอยู่ดี!"
โกโจ คาเอเดะจับมือกับยูตะและแนะนำตัวเองด้วยความมั่นใจ
แต่เห็นได้ชัดว่าโอคตสึ ยูตะนั้นช็อคมากกับการแนะนำตัวเองอย่างกระตือรือร้นและ'จริงใจ'ของโกโจ คาเอเดะ และได้แต่ยิ้มอย่างเขินอาย
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าโกโจ คาเอเดะดูแปลกๆ แต่ก็รู้สึกว่าชายคนนี้น่าจะเข้ากับคนง่าย
หลังจากที่โกโจ ซาโตรุได้ยินน้องชายแนะนำตัวเอง เขาก็ปวดหัวอยู่พักหนึ่ง
เขาอาจจะแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่ในแง่นี้เขาแพ้น้องชายตัวเองจริงๆ
“ขึ้นรถเลย!”
หลังจากแนะนำตัวกันสั้นๆระหว่างทั้งสอง โกโจ ซาโตรุก็กระตุ้นให้พวกเขาเข้าไปในรถหรูคันหนึ่ง
คนขับรถพาพวกเขาไปที่เมืองโตเกียว
หลังจากขึ้นรถแล้ว เดิมทีโกโจ คาเอเดะอยากจะพูดคุยกับโอคตสึ ยูตะให้มากขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง
แต่อย่างไรก็ดี โอคตสึ ยูตะนั้นไม่ใช่คนพูดเก่ง ดังนั้นการคุยกับเขาก็เป็นเรื่องน่าเบื่อเล็กน้อย
นอกจากนี้ มันเหนื่อยเกินไปที่จะทำเป็นไม่สนใจแรงกดดันของริกะแล้วคุยกันไปเรื่อยๆ
เขาก็เลยตัดสินใจที่จะหยุดการพูดคุยและพักผ่อนแทน
หลังจากที่รถขับไปได้กว่าสองชั่วโมง ในที่สุดก็จอดบริเวณหุบเขาในป่า
เขาและยูตะเดินขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับโกโจ ซาโตรุและฟังโกโจ ซาโตรุพูดถึงสถานการณ์ทั่วไปของคำสาปและผู้ใช้คุณไสย
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดให้ยูตะฟัง
เพราะถึงแม้คาเอเดะจะใช้คุณไสยไม่ได้เพราะคำสาปสวรรค์ก็ตาม
แต่ในฐานะลูกหลานของตระกูลใหญ่ เขายังคงมีความรู้ในเรื่องพวกนี้
“ติ๊ง - พบสถานที่เช็คอินแห่งใหม่แล้ว ต้องการเช็คอินไหม?”
ขณะที่โกโจ คาเอเดะกำลังมองทิวทัศน์ภูเขาอย่างเบื่อหน่าย เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
โรงเรียนคุณไสยใช้สำหรับฝึกฝนผู้ใช้คุณไสยโดยเฉพาะ แน่นอนว่าที่นี่ย่อมมีพลังคุณไสยมากมายอยู่แล้ว
เพราะอย่างนั้นรางวัลต้องไม่แย่แน่นอน
"เช็คอินเลย"
ภายใต้ความคาดหวังของโกโจ คาเอเดะ เสียงของระบบก็ดังขึ้นอย่างช้าๆ
"ติ๊ง - ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เช็คอินสำเร็จ รางวัลคือดาบฟันวิญญาณ กะเท็นเคียวคตสึ"
หลังจากได้ยินข้อความแจ้งเตือนจากระบบ โกโจ คาเอเดะก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ดาบนี้คือดาบฟันวิญญาณที่มาจากการ์ตูนในชีวิตก่อนที่เขาชื่อชอบอย่าง บลีช เทพมรณะ
มันคือดาบฟันวิญญาณของหัวหน้าหน่วยที่1อย่างเคียวราคุ ชุนซุย
ไม่ใช่ดาบฟันวิญญาณที่เพิ่มพลังการต่อสู้โดยตรงเหมือนดาบเล่มอื่นๆ ความสามารถนั้นขึ้นอยู่กับการใช้ทักษะมากกว่า
“ฉันจำได้ว่าความสามารถของดาบนี้ค่อนข้างน่าสนุก เหมาะมากสำหรับใช้ในการต่อสู้เมื่อคู่ต่อสู้ของเราไม่เข้าใจกฏของเกม”
แม้ว่าโกโจ คาเอเดะจะอยากเอาดาบฟันวิญญาณของเขาออกมาลองเล่นดูก็ตามแต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะแม้คนธรรมดาจะไม่เห็น แต่ผู้ใช้คุณไสยต้องมองเห็นมันได้แน่นอน
ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่รอตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆก่อนเท่านั้น
ในระหว่างการอธิบายของโกโจ ซาโตรุ ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในประตูที่มีลักษณะคล้ายวัดของศาสนาพุทธ ซึ่งก็คือโรงเรียนเฉพาะทางไสยศาสตร์นครโตเกียว
“อาจารย์ใหญ่อยู่ที่นี่ พวกนายไปรายงานตัวเถอะ ส่วนฉันยังมีอย่างอื่นต้องทำ พรุ่งนี้เจอกันที่ทางเข้านะ บายย~”
หลังจากที่โกโจ ซาโตรุพูดจบก็มีเสียง หวึบ แล้วเขาก็หายไปเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะโลกนี้มีภูมิหลังเป็นโลกสมัยใหม่ โกโจ คาเอเดะคงคิดจริงๆว่าเขาได้เดินทางไปยังโลกของนารูโตะ
“หึ ไร้ความรับผิดชอบจริงๆ!”
โกโจ คาเอเดะบ่นก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารไม้ที่ดูเหมือนวัดนี่
ส่วนโอคตสึ ยูตะกำลังยืนอึ้งอยู่ พอรู้สึกตัวก็รีบเดินตามคาเอเดะเข้าไป
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในอาคาร ประตูไม้ด้านหลังพวกเขาก็ปิดโดยอัตโนมัติ
ในห้องโถงใหญ่ไม่มีแสงจากหลอดไฟ มีเพียงเทียนที่จุดอยู่บนคานไม้และเปล่งแสงสลัวๆ
“พวกนายช้ามาก สายไปตั้งสิบนาที! พวกนายอย่าทำตัวเหมือนโกโจ ซาโตรุได้ไหม!”
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในประตู เสียงทุ้มก็ดังมาจากส่วนลึกของห้อง
เมื่อมองไปก็จะเห็นเป็นชายรูปร่างกำยำในชุดสีดำผิวสีแทน ผมสั้นสีน้ำตาลและสวมแว่นกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มตุ๊กตาน่ารัก โดยที่ยังคงทำอะไรบางอย่างกับตุ๊กตาอยู่
มันดูแปลกและตัดกันจริงๆ
“ฉันชื่อมาซามิจิ ยากะ และฉันเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้!”
เมื่อทั้งสองคนประหลาดใจ มาซามิจิ ยากะก็เป็นคนแรกที่แนะนำตัวเอง
“สวัสดีอาจารย์ใหญ่ ผมชื่อโกโจ คาเอเดะ”
“ผมชื่อโอคตสึ ยูตะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของมาซามิจิ ยากะ คาเอเดะและยูตะก็แนะนำตัวกลับแบบสั้นๆ
“พวกนายมีเป้าหมายอะไรในการเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้กันล่ะ?”
หลังจากได้ยินการแนะนำตัวของทั้งสองแล้ว มาซามิจิ ยากะก็หยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพูดกับทั้งสอง
โกโจ คาเอเดะรู้จักตัวตนของมาซามิจิ ยากะพอสมควร ไม่ใช่แค่เพราะจากอนิเมะในชีวิตก่อนเท่านั้น แต่ยังเพราะเขาเป็นอดีตครูประจำชั้นของโกโจ ซาโตรุด้วย
เขารู้ว่าชายคนนี้ถือเป็นนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านอาคม
จิตใจของเขาเปิดกว้างมากกว่าคนหัวรั้นอย่างพวกเบื้องบนมาก
ขณะที่โอคตสึ ยูตะยังคงคิดคำตอบอยู่ โกโจ คาเอเดะก็ตอบกลับอย่างมั่นใจว่า
"จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการทำให้ชีวิตอันแสนร่ำรวยของผมปลอดภัยยิ่งขึ้น!"
"สำหรับคนที่หล่อและรวยอย่างผมแล้ว ผมมั่นใจว่าต้องมีคนอิจฉาและคอยสาปแช่งตลอดเวลาแน่นอน"
"ถ้าผมต้องตายไปทั้งที่ยังหนุ่ม คงอดผลาญเงินของพี่ชายเล่นแน่เลย นั่นคงจะแย่มากเลยถูกไหมล่ะครับ?"
"และเพราะเห็นแก่พี่ชาย ผมเลยคิดว่าการเรียนคาถาเพื่อป้องกันตัวไว้เป็นสิ่งที่จำเป็นครับ!"
หลังจากฟังที่โกโจ คาเอเดะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ยากะก็ตกใจมากจนแว่นกันแดดของเขาแทบจะร่วงลงพื้น
หลังจากเป็นครูมาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยเห็นนักเรียนคนไหนมีพฤติกรรมมั่นใจขณะพูดเรื่องไม่เอาไหนขนาดนี้มาก่อน
“อย่างที่คาดไว้ สมกับเป็นจอมล้างผลาญแห่งตระกูลโกโจจริงๆ!”
มาซามิจิ ยากะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
แม้แต่โอคตสึ ยูตะที่มาด้วยกันก็ยังตกใจกับคำพูดของโกโจ คาเอเดะ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนๆหนึ่งจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้!
เขารู้สึกอิจฉาคาเอเดะอย่างอธิบายไม่ถูก
ท้ายที่สุดแล้ว ใครๆต่างก็อยากจะหน้าด้านไม่อายใครให้ได้แบบนี้บ้าง