Chapter 74 : แดนลับที่เต็มไปด้วยอสูร? ข่าวดี!
หลังจากเย่อู่ชิวกล่าวจบ นักสู้ขอบเขตที่6หลายคนก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
เมืองหลงไห่?
แผนที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของหลินเซวียนในทันที
เมืองหลงไห่อยู่ห่างจากเมืองเครนขาวไป120กิโลเมตรทางตะวันออก ค่อนข้างไกลทีเดียว แน่นอนว่าถ้านั่งรถไฟความเร็วสูงที่เคยมีก่อนเหตุการณ์ภัยพิบัติอสูรคงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมาตอนนี้ถ้าคิดจะไปเมืองหลงไห่จากเมืองเครนขาวคงต้องใช้เวลามากกว่านั้นโข ยังไงเสียถนนหนทางก็ถูกทิ้งร้างและพังทลายไปจนหมด คนทำได้เพียงใช้รถออฟโร้ดในการเดินทางเท่านั้นและก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการขับถึง12-14ชั่วโมง
ความเร็วของนักสู้ขอบเขตที่6ที่สามารถปะทุออกมาได้ช่วงสั้นๆนั้นแน่นอนว่าเร็วกว่ารถออฟโร้ดมากนักหากแต่แรงกายของพวกเขายังไงก็ย่อมมีไม่เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาวิ่งไปจริงๆก็อาจจะหมดแรงและเปลืองพลังงานเป็นยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีโอกาสสูงมากที่จะต้องเผชิญกับฝูงอสูรกลุ่มใหญ่ในแดนรกร้าง ถ้าอสูรพวกนี้อ่อนแอก็แล้วไปเพราะพวกเขาคงสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย หากแต่ถ้าเกิดไปเจอกับฝูงอสูรที่นำโดยอสูรขอบเขตที่6เข้าตอนหมดแรงพอดีนั่นคงเป็นหนังเศร้าอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เหล่านักสู้จึงเลือกใช้พาหนะแทนการพึ่งสองเท้าของตนเองในการเดินทาง
ขนาดของเมืองหลงไห่นั้นใหญ่กว่าเมืองเครนขาวมากหากแต่เนื่องจากมันเป็นเมืองใกล้ชายฝั่งดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วจำนวนของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่ถูกส่งไปยังพื้นที่ชายฝั่งจึงมีเยอะกว่ามาก
“ฉันนี่พูดอะไรก็สมพรปากแฮะ สถานการณ์ที่อสูรเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจู่ๆก็เกิดขึ้นจริงๆซะอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่ถ้ำพิษเสื่อมสลายแต่เป็นแดนลับในเมืองหลงไห่ซะด้วย”
หลินเซวียนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“ดีเลย! ในช่วงนี้จำนวนของอสูรในถ้ำพิษเสื่อมสลายเองก็น้อยจนน่าสังเวช รีบไปที่เมืองหลงไห่กันดีกว่า!” ซงจ้งพยักหน้าซ้ำไปซ้ำมา
“นั่นน่ะสิ ที่ผ่านมาถ้าเดินไปได้ซักหลายก้าวหน่อยก็ต้องเจออสูรแล้วแท้ๆแต่มาตอนนี้ต่อให้เตร่ไปทั่วถ้ำพิษเสื่อมสลายหลายครั้งก็ยังแทบไม่เจออสูรเลยซักตัว บอกตรงๆว่ามันกลายเป็นเหมือนบ้านผีสิงไปแล้ว” นักสู้ขอบเขตที่6อีกคนหนึ่งกล่าวเห็นด้วย
ลู่หลัว เหวินเซี่ยง หมาป่าเงินและคนอื่นๆเอ่ยถามออกมา “แล้วพวกเราจะมุ่งหน้าไปเมื่อไหร่?”
เย่อู่ชิวยิ้มและเอ่ยขึ้น “ทุกคนไม่ต้องกังวลไป การเดินทางครั้งนี้จะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน อันตรายระหว่างทางนั้นยังไม่ทราบแน่นอนว่าพวกเราต้องเตรียมตัวกันก่อน”
“พวกเราต้องเตรียมของที่จำเป็นอย่างอาหาร น้ำดื่มและเชื้อเพลิงไปให้พร้อมและจำเป็นต้องใช้รถออฟโร้ดอย่างน้อย5คัน”
ทุกคนพยักหน้ารับ
เทศมนตรีคนนี้รอบคอบยิ่งนัก
เย่อู่ชิวพูดต่อ “ทุกคนกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะให้คนตระเตรียมของให้พร้อมสรรพในวันพรุ่งนี้”
นักสู้ทุกคนพยักหน้าและแยกย้ายกันจากไป
หลินเซวียนเองก็มีความสุขยิ่งนัก
เขากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องค่าประสบการณ์ที่หาได้ยากอยู่พอดี ตอนนี้โอกาสกลับส่งมอบตัวเองมาถึงหน้าประตูบ้านของเขาดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่พลาดมัน
วันถัดมา นักสู้ขอบเขตที่6ทุกคนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ลานเล็กๆในเมืองเครนขาวและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถออฟโร้ดที่ถูกทางกองพลก่อสร้างปรับแต่งมาเป็นอย่างดี
ร่างหลักของหลินเซวียนยังคงสวมใส่ชุดเซ็ตจ้าวเหนือหัวและปลอมแปลงตัวเองในฐานะของโล่วิญญาณ
ส่วนร่างแยกนั้นสวมใส่ชุดเซ็ตเพลิงปิศาจและคงสถานะของระเบิดเพลิงเอาไว้
เพื่อความปลอดภัยเขาจึงจงใจนั่งรถคันเดียวกับร่างแยกของตัวเอง เพื่อนร่วมขบวนของเขาก็มีลู่หลัว หมาป่าเงินและเหวินเซี่ยงซึ่งล้วนเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา
เย่อู่ชิวในชุดและกางเกงสูทสีขาวเดินเข้ามา
“หมาป่าเงินคุณแก่ที่สุดและสร้างผลงานเอาไว้ครั้งใหญ่ ฉันจะให้คุณเป็นคนนำทีมในครั้งนี้ คุณต้องพาทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้” เย่อู่ชิวเอ่ยเตือน
หมาป่าเงินพยักหน้าอย่างขึงขัง “ฉันการันตีเลยว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”
ไม่นานนักขบวนรถก็ขับออกสู่แดนรกร้างภายนอก
“นี่เป็นวันแรกเลยที่ฉันไม่มีแบล็คอยู่ข้างกาย เริ่มคิดถึงแล้วสิ” หมาป่าเงินแตะริมฝีปากของตัวเองและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบเขาเขาที่พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อยจึงเอ่ยออกมา “ลาวิญญาณความสัมพันธ์ของนายกับระเบิดเพลิงนี่ดีจริงๆนะ เห็นเอาแขนพาดไหล่อีกฝ่ายไว้ตลอดเลยนี่”
หลินเซวียนหัวเราะ “คงเป็นความสัมพันธ์แบบเดียวกับคุณแล้วก็แบล็คนั่นแหละ”
“ฮ่าๆๆๆถ้างั้นพวกนายก็ย่อมเป็นสหายที่ดีต่อกันแน่ๆ คงเป็นสหายที่ดีถึงขั้นสวมกางเกงตัวเดียวกันได้เลยใช่ไหมละ?” หมาป่าเงินหัวเราะร่า
นักสู้ขอบเขตที่6ส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้ว บรรยากาศของขบวนรถจึงค่อนข้างมีความสุขไม่น้อย
ไม่นานนักซากรถรางความเร็วสูงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า หลินเซวียนยังมองเห็นรถรางความเร็วสูงอีกหลายคันที่เอกเขนกอยู่ข้างถนน
ตัวรถสีขาวยาวเปรอะไปด้วยสนิมและมีคำว่า ‘สามัคคี’ เขียนเอาไว้ด้านหน้าตัวรถ
กระทั่งวัตถุทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่เช่นนี้ก็ยังถูกทิ้งร้างเอาไว้ในแดนรกร้าง ทุกๆคนที่เห็นจึงอดทอดถอนใจไม่ได้
“ได้ยินมาว่าก่อนที่ภัยพิบัติอสูรจะอุบัติขึ้นผู้คนสามารถใช้รถรางความเร็วสูงนี้ท่องไปได้เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตกและจากเหนือจรดใต้นั้นใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น โชคไม่ดีที่ฉันเกิดไม่ทันยุคนนั้น”
ใบหน้างดงามของลู่หลัวจ้องมองไปที่รถรางความเร็วสูงซึ่งพลิกคว่ำอยู่บนพื้นเขม็ง กระทั่งว่าขบวนรถขับเลยมาไกลมากแล้วสายตาของเจ้าหล่อนก็ยังคงจ้องอยู่ที่รถรางคันนั้น
หลินเซวียนเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
หลังจากลงหลักปักฐานที่กองพลก่อสร้างเขาก็ได้อ่านหนังสือและถามไถ่ผู้คนมามากมาย ท้ายที่สุดจึงเข้าใจพอสังเขปว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ภัยพิบัติอสูรเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวร้อยปีก่อน ร้อนปีที่ผ่านมานี้ทำให้โลกสูญเสียหลายๆสิ่งไป
เหล่าผู้ที่เคยเห็นยุคสมัยแห่งอารยธรรมและเทคโนโลยีนั้นคงกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้ว
ลู่หลัว หมาป่าเงินและคนอื่นๆนั้นเกิดหลังยุคภัยพิบัติ พวกเขาทำได้เพียงพยายามหาความร้จากรูปภาพและหนังสือเพื่อจินตนาการเอาเองว่ายุครุ่งเรืองนั้นเป็นเช่นไร
คิดได้เช่นนี้หลินเซวียนก็อดรู้สึกภาคภูมิใจมิได้
ยังไงซะตัวเขาก็มาจากยุคสมัยที่ว่านั่น
สิบชั่วโมงให้หลังผ่านพ้นไปโดยปราศจากอันตรายใดๆ ยังไงก็ตามใช่ว่าตลอดการเดินทางจะเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะมีบางเวลาที่พวกเขาพบเข้ากับฝูงอสูรที่ผ่านมาบ้างเช่นกันหากแต่เลเวลของพวกมันนั้นไม่สูงมากนัก
ถ้าทีมนักสู้ขอบเขตที่6เช่นนี้ไม่อาจแก้ปัญหาเกี่ยวกับฝูงอสูรธรรมดาๆได้ก็คงเสื่อมเสียเกียรติของนักสู้ขอบเขตที่6แล้ว
ขบวนรถออกเดินทางตอนตี5 เมื่อมาถึงเมืองหลงไห่ก็เป็นเวลาพลบค่ำได้เวลาอาหารเย็นพอดี
ด้านหน้าเมืองนั้นมีคนรออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นขบวนรถมาถึงผู้รับหน้าที่ต้อนรับก็รีบแจ้นเข้ามาต้อนรับพวกเขา
ขบวนรถหยุดลงพร้อมๆกับนักสู้ทุกคนที่ทยอยกันเดินลงมา หมาป่าเงินในฐานะของหัวหน้าขบวนรีบเข้าไปจับมือทักทายกับอีกฝ่ายในทันที
“เหล่าหวัง! ไม่เจอกันนานเชียว! ยังไม่ตายสินะ!” หมาป่าเงินหัวเราะลั่น
อีกฝ่ายคือชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยท่าทางร่ำรวย อีกฝ่ายที่ได้ยินหมาป่าเงินทักทายเช่นนี้ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธแต่อย่างใด “นายยังไม่ตายแล้วฉันจะตายได้ยังไง?!”
“ทุกคนเจ้าอ้วนคนนี้ชื่อหวังต้าฟู่ เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉันเอง” หมาป่าเงินแนะนำอีกฝ่ายให้พวกเขารู้จัก
หลินเซวียนอดหัวเราะไม่ได้
คนทั้งสองทักทายกันเป็นอย่างดี
หากแต่หลินเซวียนสังเกตได้ถึงกลิ่นเลือดที่ติดตัวของหวังต้าฟู่และสีหน้าเจ็บปวดที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่เป็นบางครั้ง
หวังต้าฟู่เอ่ยขัดในทันที “ทุกท่านสถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน”
“พูดตามตรงพวกเราควรจะพาพวกนายไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรทานก่อนแต่อสูรจากภูเขาอัสนีร่วงนั้นเกิดใหม่เร็วมาก คนของเรามีไม่พอรับมือ จะดีมากถ้าทุกคนรีบเข้าไปยังภูเขาอัสนีร่วงเพื่อให้สมาชิกกองพลก่อสร้างสาขาเมืองหลงไห่และเมืองหยางได้มีเวลาพักหายใจบ้าง”
หวังต้าฟู่มีท่าทีหมดหนทางและกังเวลเล็กน้อย
หมาป่าเงินพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยิน “เข้าใจแล้วๆ ทุกคนรีบตามฉันมาให้ไวเลย!”
ทุกคนวิ่งไปยังฐานของกองพลก่อสร้างสาขาเมืองหลงไห่ในทันที
ระหว่างทางหมาป่าเงินถามออกมา “สถานการณ์เลวร้ายมากแล้วรึ?”
หวังต้าฟู่ยิ้มขม “ใช่แล้ว ก่อนหน้าพวกนายจะมาคนจากกองพลก่อสร้างสาขาเมืองหยางก็ได้มาถึงก่อนแล้ว ยังไงก็ตามถึงแม้คนพวกนั้นจะเข้าแดนลับไปแล้วพวกเราก็ยังไม่อาจยับยั้งอสูรเอาไว้ได้อยู่ดี อสูรอีกชุดหนึ่งใกล้จะกรูกันออกมาเต็มแก่แล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นคนของพวกเรารวมไปถึงคนของเมืองหยางเองก็ตายไปมาก อารมณ์ของพวกเราตอนนี้จึงค่อนข้างดิ่งพอสมควร”
เมื่อลู่หลัว เหวินเซี่ยงและคนอื่นได้ยินเช่นนี้สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา
เดิมทีพวกเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สังหารอสูรแต่ไม่คิดเลยว่าความเสี่ยงจะสูงเพียงนี้
หลินเซวียนเองก็มีสีหน้าแบบเดียวกันหากแต่ลึกๆในใจนั้นเขากลับดีใจยิ่งนัก
อสูรเยอะมากงั้นหรอ? ดีนี่!
เขาชอบแดนลับที่มีอสูรเยอะๆแบบนี้นี่แหละ!