Chapter 68 : เริ่มบทเรียนของอาจารย์แบล็ค
ในบ้านแห่งหนึ่งภายในเมืองเครนขาว
“โล่วิญญาณที่นี่คือบ้านของนายในอนาคต”
ลู่หลัวมาถึงที่บ้านหลังนี้พร้อมกับหลินเซวียนที่มาในชุดเกราะเต็มยศ
หลินเซวียนมองไปรอบๆและรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ก็ไม่เลว มันมีห้องถึงสามห้องและมีห้องโถงใหญ่อีกหนึ่งห้อง นอกจากห้องนอนหลักและห้องนอนห้องที่สองแล้ว ห้องที่สามก็คือยิม ภายในนี้นั้นมีทั้งบาร์เบลล์และอุปกรณ์ยิมอื่นๆครบครัน
นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำ โถส้วมและน้ำกับไฟ เรียกได้ว่าแตกต่างจากหอพักเดี่ยวขององค์กรเจอร์มินอลอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เลว ฉันชอบมาก” น้ำเสียงที่จงใจเอ่ยให้แหบแห้งของหลินเซวียนดังออกมาจากใต้ชุดเกราะ
ลู่หลัวลังเลไปชั่วครู่ “…ยังไงก็ตามนายคิดจะอาศัยอยู่ที่นี่กับหลินเซวียนแล้วก็ระเบิดเพลิงจริงๆงั้นหรอ?”
หลินเซวียนเอ่ยตอบ “แปลกตรงไหน? ฉันเป็นเพื่อนกับพวกเขา สหายที่ดีย่อมต้องรู้จักแบ่งปันกันสิ”
ลู่หลัว “การที่ผู้ชายสามคนมาอาศัยอยู่รวมกันนี่มันค่อนข้าง...ช่างมันเถอะ ในเมื่อนายต้องการแบบนั้นฉันก็จะไม่พูดอะไรแล้วกัน ฉันอยู่ข้างๆนี้ถ้านายมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ตกก็มาหาฉันได้เลย”
หลินเซวียนชี้ไปที่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน
หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ลู่หลัวส่งรูนเกรดสีทองให้เขาไป5ชิ้น “นี่รูนเกรดสีทองห้าก้อนที่นายต้องการ ฉันไปหามาแล้วตามที่นายขอ พูดตรงๆว่ากินแรงไปไม่น้อยเลย”
เธออดอิจฉาไม่ได้จริงๆ
ถ้าเธอต้องการรูนเกรดสีทองมากขนาดนี้จริงๆคงต้องเก็บเงินนานพอสมควร
หลินเซวียนรับรูนทั้งห้าชิ้นมาและพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อย
ในบรรดารูนทั้งห้านั้น สองในห้าคือ ‘อัสนีสลายความมืด’ อีกสองในห้าคือ ‘หนึ่งเดียวกับดาบ’ และส่วนสุดท้ายคือรูนเดี่ยว ‘อำนาจเวทย์มนตร์’ ซึ่งจะเพิ่มพลังเวทย์ให้กับผู้ใช้ เมื่อฝังมันลงในถุงมือมันจะเพิ่มขีดจำกัดพลังเวทย์ให้อีก20%
เช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่าเซ็ตรูนหนึ่งเดียวกับดาบและอัสนีสลายความมืดนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
“ส่วนนี่คือบัตรเครดิตของกองพลก่อสร้างเรา ใบนี้ของนายส่วนใบนี้ของระเบิดเพลิง นายเป็นคนนำข้อมูลมาส่งแถมยังป้องกันกำแพงเมืองทิศตะวันออกให้พวกเราอีกเลยได้รับแต้มบุญ1000แต้ม ส่วนระเบิดเพลิงที่ป้องกันกำแพงทิศตะวันตกนั้นมีแต้มบุญ500แต้ม”
ลู่หลัวส่งบัตรสีแดงสองใบให้กับเขา
หลินเซวียนกวาดสายตามองและพบว่าบัตรนี้เองก็เป็นอุปกรณ์ชนิดพิเศษคล้ายๆกับปลอกคอของนักกู้ซาก แต่นอกจากเป็นบัตรเก็บตังค์แล้วก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอื่นใดอีก
“อย่าแย่งแต้มบุญของระเบิดเพลิงล่ะ!” ลู่หลัวเตือน
หลินเซวียนส่ายหัว “ฉันกับระเบิดเพลิงเป็นสหายที่ดีต่อกัน! ทำไมถึงมองฉันเป็นคนแบบนั้น?”
“ยังไงก็ตามฉันต้องใช้แต้มบุญเท่าไหร่ถึงจะเข้าแดนลับมหึมาที่อยู่ในการควบคุมของกองพลก่อสร้างได้?”
ลู่หลัวยกนิ้วขึ้น “300แต้มต่อครั้ง ทุกครั้งที่นายเข้าไปจะอยู่ได้3วัน”
หลินเซวียนลูบคาง “นั่นค่อนข้างจะเยอะเลยนะ”
“วิธีได้แต้มบุญนั้นมีอยู่หลายทาง นอกจากแต้มบุญที่ได้จากการต่อสู้ครั้งใหญ่ๆแล้วก็ยังสามารถหาได้จากการขายไอเทมระดับสูงให้กับกองพลก่อสร้างด้วย”
“หรือนายจะออกไปแดนรกร้างและกวาดล้างอสูรเพื่อแต้มบุญก็ได้เหมือนกัน” ลู่หลัวเอ่ยอย่างสบายๆ “ยังไงก็ตามแต้มบุญที่ได้จากการสังหารอสูรนั้นค่อนข้างน้อย”
ดวงตาของหลินเซวียนเปล่งประกาย “ถ้างั้นถ้าอสูรบุกเมืองเครนขาวแล้วฉันฆ่าพวกมันได้ล่ะ?”
ถ้าเขาล่ออสูรให้มาโจมตีเมืองเครนขาวและสังหารพวกมันก่อนที่พวกมันจะมาถึงไม่ใช่ว่านั่นคือการสร้างผลงานครั้งใหญ่หรอกหรือ? ลู่หลัวเงยหน้าจ้องเขาเขม็ง “อย่าแม้แต่จะคิดวิธีอันตรายๆแบบนั้นเชียว”
หลินเซวียนกระแอมเล็กน้อย “คำถามสุดท้าย แบล็คอยู่ไหน? ฉันอยากจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องอาชีพซักหน่อย”
“อยู่ที่บ้านนายนี่แหละ” น้ำเสียงราบเรียบและเสียงกระดกเหล้าดังขึ้น
หลินเซวียนหันไปมองและพบว่ามีเงาร่างในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่บนโซฟา คนผู้นี้ถือขวดเหมาไถเอาไว้ในมือและดื่มมันอย่างสนุกปาก
“เข้ามาได้ยังไงเนี่ย?” หลินเซวียนสับสน
แบล็คชี้ไปที่ชั้นสอง “ทางหน้าต่างไง”
หลินเซวียน “...คุณรู้เกี่ยวกับเรื่องอาชีพมากแค่ไหน?”
แบล็คยิ้ม “ฉันรู้เกือบทุกอย่างที่นายอยากจะรู้นั่นแหละ”
ลู่หลัวโบกมือ “ถ้างั้นพวกคุณก็คุยกันไปแล้วกัน ยังมีนักสู้ขององค์กรเจอร์มินอลอีกมากที่เลือกยอมแพ้ฉันเลยมีงานต้องสะสางอยู่เพียบ”
พริบตาต่อมาภายในบ้านก็เหลือเพียงแบล็คและหลินเซวียนเท่านั้น
แบล็คดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่และกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “หลังจากนักสู้ขอบเขตที่6กลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่7พวกเขาจำต้องเผชิญกับปัญหาในการเลือกอาชีพ”
“อาชีพนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภทใหญ่ตามค่าสถานะทั้งสี่ด้าน : ความอดทน , พละกำลัง , พลังจิตวิญญาณ , ความเร็ว”
“นอกจากนี้อาชีพนั้นยังแบ่งออกเป็นอาชีพระดับต่ำ อาชีพระดับกลางและอาชีพระดับสูงอีกด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับระดับของนักสู้ขอบเขตที่7 ขอบเขตที่8และขอบเขตที่9ตามลำดับ ทุกครั้งที่นายเลื่อนขั้นนายจะได้สกิลอาชีพ เนื่องจากมันคือสกิลอาชีพดังนั้นแก่นแท้ที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มระดับของมันนั้นจึงจะน้อยกว่าสกิลอื่นกว่าครึ่ง”
แบล็คเอ่ยต่อ “อาชีพพื้นฐานจากสี่ค่าสถานะหลักแบ่งออกเป็นนักรบเกราะหนัก นักรบ จอมเวทย์และนักฆ่า”
หลินเซวียนคิดหนัก “ถ้างั้นก็หมายความว่ามีอาชีพอื่นนอกจากอาชีพพื้นฐานด้วยสินะครับ?”
แบล็คดีดนิ้ว “แน่นอนยกตัวอย่างเช่นแฝดอสูรที่ถูกพวกเราไล่จนหนีไปเมื่อคืน จากที่พวกเรารู้ทั้งสองคนนั้นมีอาชรพเป็นฆาตกร แม้ว่าจะไม่เห็นข้อมูลทั้งหมดของอีกฝ่ายแต่พวกเราก็พอจะคาดเดาได้คร่าวๆว่าน่าจะเป็นอาชีพระดับล้ำค่าสีม่วง ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทางที่ราบมหาสวรรค์จะปล่อยให้พวกมันนำไอเทมล้ำค่าอย่างตะเกียงอรหันต์วิญญาณติดตัวมาด้วย”
หลินเซวียนเลิกคิ้ว “เข้าใจแล้ว อาชีพเองก็แบ่งออกเป็นอาชีพระดับธรรมดาสีขาว ไม่ธรรมดาสีเขียว หายากสีฟ้า ล้ำค่าสีม่วงและไร้ที่ติสีทองเหมือนกันสินะ”
“แต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะว่าจะได้อาชีพมาได้ยังไง”
หลินเซวียนยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
ในเมื่ออาชีพแบ่งออกเป็นหลายเกรดแล้วเขาจะได้อาชีพที่มีเกรดสูงสุดได้ยังไงล่ะ?
ถ้าเขาได้เพียงอาชีพเกรดธรรมดาสีขาวไม่ใช่ว่าจะทำให้ค่าสถานะอันทรงพลังของเขาสูญเปล่าหรอกรึ?
“อสูรขอบเขตที่6ทุกตัวจะมีโอกาสดรอปม้วนคัมภีร์อาชีพแต่อัตราการดรอปนั้นต่ำมาก ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเกรดสูงเท่าไหร่โอกาสดรอปก็ยิ่งต่ำลงไปอีก กองพลก่อสร้างเคยทำการทดลองเรื่องนี้มาแล้วและพบว่าอัตราการดรอปของม้วนคัมภีร์อาชีพเกรดทั่วไปสีขาวนั้นมีอยู่เพียง1%เท่านั้น ส่วนเกรดไม่ธรรมดาสีเขียวนั้นคือ1ในพัน ส่วนคัมภีร์อาชีพที่ระดับสูงกว่านี้ไม่เคยดรอปเลยในการทดลองดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาอัตราการดรอป”
“นอกจากนี้ม้วนคัมภีร์อาชีพที่ดรอปลงมายังเป็นการดรอปแบบสุ่มโดยไม่อิงกับตัวแดนลับเลยซักนิด ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็ยกตัวอย่างเช่น ม้วนคัมภีร์ที่ดรอปจากถ้ำพิษเสื่อมสลายก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพิษเลยแต่กลับสามารถดรอปม้วนคัมภีร์อาชีพได้ทุกรูปแบบ”
แบล็คยิ้ม
หลินเซวียนที่ได้ยินก็พลันถอนหายใจโล่งอก
กลับกลายเป็นว่ากระทั่งอสูรขอบเขตที่6ก็ยังมีโอกาสดรอปม้วนคัมภีร์อาชีพ เขากังวลและคิดว่าตัวเองต้องออกไปเสี่ยงโชคอีกรอบซะแล้ว
แบล็คดูสับสนไม่น้อย “นายดูผ่อนคลายไม่น้อยเลยนี่”
หลินเซวียนพยักหน้ารับ “ในเมื่อคุณเคลียร์ข้อสงสัยให้ผมแล้วก็เป็นธรรมดาที่ผมจะรู้สึกผ่อนคลาย”
แบล็คเรอออกมา “ถ้างั้นฉันไปก่อนแล้วกัน นอกจากนี้ฉันจะขอพาโจวเฟิงไปด้วย”
ร่างของเขาหายไปในพริบตา เมื่อเขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้งเขาก็คว้าร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนชั้นสองติดมือมาด้วยแล้ว
ชายหนุ่มผู้นี้คือบุตรชายของหมาป่าเงินผู้จัดการหมายเลข2 - โจวเฟิงนั่นเอง
แบล็คคว้าคอของโจวเฟิงด้วยมือเพียงข้าวเดียวและยกเขาขึ้นไว้บนอากาศ หากแต่โจวเฟิงกลับท่าทีไม่พอใจเลยซักนิดแต่กลับดิ้นไปดิ้นมาด้วยความสุขด้วย
“ไอดอล! ไม่เจอกันตั้งนาน! เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นช่วงที่ผ่านมานี้ผมเลยฝึกฝนอย่างหนักเชียวนะ!”
หลินเซวียน “...เข้ามาได้ยังไง?”
“ทางหน้าต่างไง”
“เรียนรู้เร็วเนอะ?”
เมื่อครู่หลินเซวียนเพ่งสมาธิไปที่การฟังแบล็คอธิบายเรื่องอาชีพมากเกินไปและไม่ได้ให้ความสนใจกับรอบๆเลย เจ้าสารเลวโจวเฟิงนี่ก็คงมุดเข้ามาตอนนั้นนั่นแหละ
“เวลาไล่ตามไอดอลนี่ดูมีแรงกระตุ้นดีนี่ ถ้าคราวหน้าแอนมุดเข้ามาแล้วโล่วิญญาณกำลังแก้ผ้าอยู่จะทำยังไง?” แบล็คเอ่ยเสียงเรียบ
แววตาของโจวเฟิงเปล่งประกายเร่าร้อน “หืม...เรื่องดีๆแบบนั้นจะเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
แบล็ค “...ดูเหมือนฉันต้องให้พ่อของนายสอนบทเรียนให้นายบ้างแล้วสิ”
หลินเซวียน “...ไปเถอะๆ รีบๆโยนเจ้าหมอนี่ออกไปซักที”
หลังจากส่งคนทั้งสองจากไปหลินเซวียนก็ถนอหายใจโล่งอกออกมา
ในที่สุดก็เงียบซักที
หลังจากสลัดองค์กรเจอร์มินอลออกไปได้เขาก็ได้กลายเป็นสมาชิกภายนอกของกองพลก่อสร้างและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ซักที!
“ก้าวแรกของเราคือการเอาอาชีพเกรดสีทองมาครอบครองและฟาร์มเลเวลในถ้ำพิษเสื่อมสลาย!” ดวงตาของหลินเซวียนสว่างวาบ