Chapter 56 : จัดการความลับ – อสูรจากภูเขาปิศาจชั้นต่ำทลายประตูแสง
ภายในบ้านร้างในเมืองทะเลสาบตะวันออก หลินเซวียนที่สวมใส่ชุดของโล่วิญญาณถามขึ้นด้วยความสงสัย “พวกคุณอยากจะให้ผมไปที่เมืองเครนขาวเพื่อส่งข่าวงั้นหรอ?”
เงาร่างเล็กจ้อยที่มาพร้อมกับผมทรงหางม้าและชุดสูทตัวจิ๋วยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา เธอคือลู่หลัวนั่นเอง
สีหน้าของลู่หลัวเองก็อับจนเหมือนกัน “ฉันออกจากฐานไม่ได้ง่ายๆและมีโอกาสสูงมากที่จะถูกจับได้ หลังจากลองคิดดูแล้วการให้สมาชิกภายนอกแบบนั้นส่งข้อความคงจะดีกว่า”
หลินเซซียนกำลังจะส่ายหัว
ตลกเถอะ! ต่อให้เธออาจจะถูกจับได้ง่ายๆแล้วมันยังไง?
ตั้งแต่ที่เขาสู้กับผู้จัดการหมายเลข3เมื่อคืนด้วยตัวตนของระเบิดเพลิง เห็นได้ชัดเลยว่าทางองค์กรเจอร์มินอลเพิ่มความแข็งแกร่งในการตรวจตราขึ้นไปอีก
ความสามารถในการตรวจจับวงกว้างของผู้จัดการหมายเลข1นั้นน่ารำคาญยิ่งกว่า
ราวกับว่าผู้จัดการหมายเลข1สามารถมองผ่านทุกคนที่เข้ามาและออกไปจากพื้นที่บริเวณองค์กรได้
ก่อนที่หลินเซวียนจะได้เอ่ยปฏิเสธ ลู่หลัวก็หยิบจดหมายออกมาเสียก่อน “หมายเลข2ได้เขียนจดหมายแนะนำให้กับนายแล้ว ตราบใดที่นายไปถึงเมืองเครนขาวก็สามารถเข้าสู่แดนลับของเมืองเครนขาวได้เลยด้วยจดหมายฉบับนี้ ที่นั่นมีแดนลับขอบเขตที่6อยู่ด้วย”
ดวงตาของหลินเซวียนเปล่งประกายระยิบระยับ ถ้าเขาได้เข้าสู่แดนลับขอบเขตที่6จริงๆก็สามารถสร้างร่างอวตารฝึกฝนเพิ่มที่นั่นได้!
เขารับจดหมายแนะนำมา “ในฐานะของสมาชิกภายนอกของกองพลก่อสร้าง เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่จะต้องส่งต่อข้อมูลนี้”
ลู่หลัวค้นอุปกรณ์เก็บของและยื่นรูนให้กับเขา “นี่คือรูนคลื่นสีชาดที่นายต้องการ”
หลินเซวียนพยักหน้าซ้ำๆ
นี่คือรางวัลภารกิจที่หมายเลข2เคยสัญญากับเขาเอาไว้
รูน3ส่วนผสมได้หนึ่งเซ็ตรูน เช่นนี้แล้วเขาก็สามารถเปิดใช้งานความสามารถทั้งหมดของเซ็ตรูนนี้ได้ซักที
ความสามารถทั้งสามของคลื่นสีชาดก็คือ พลังเวทย์สูงสุด+20% , เวทย์ธาตุไฟจะมีความสามารถในการโจมตีทะลุค่าต้านทานไฟ15% , และมีโอกาส10%ที่จะโจมตีทะลุค่าต้านทานไฟได้อย่างสมบูรณ์
มอนสเตอร์ที่ถูกเจาะเกราะต้านทานธาตุไฟก็เทียบได้กับการที่ต้องรับความเสียหายจากธาตุไฟแรงขึ้น
ลู่หลัวหยิบจดหมายอีกฉบับขึ้นมาและส่งมันให้กับเขา “นี่คือรหัสลับสำหรับติดต่อกับนักสู้ขอบเขตที่7จากเมืองเครนขาว”
สุดท้ายหลินเซวียนก็ถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นักสู้ขอบเขตที่7ทรงพลังขนาดนั้นจริงๆหรอ?”
ลู่หลัวพยักหน้า “ความสามารถในการสะกดข่มของนักสู้ขอบเขตที่7ที่มีต่อนักสู้ขอบเขตที่6นั้นทรงพลังมาก นายจะเลือกอาชีพได้ก็หลังจากไปถึงขอบเขตที่7แล้วเท่านั้น ถ้านายอยากจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ลองไปหาแบล็คดูหลังจากส่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เขาน่าจะอธิบายได้ดีกว่าฉัน”
อาชีพหรอ?
หลินเซวียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
คืนนั้น
หลินเซวียนเดินทอดน่องเข้าไปยังบ้านร้างหลังหนึ่งและใช้สกิล ‘ร่างแยก’
ไม่นานนักหลินเซวียนที่เปล่งประกายเจิดจ้าก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของเขา เขาหยิบเอาอุปกรณ์สวมใส่ที่ธรรมดาที่สุดออกมาจากมิติส่วนตัวและใส่มันให้กับร่างแยก
จากนั้นเขาก็สวมใส่ชุดเซ็ตปราการยักษ์ไว้ภายในและชุดเซ็ตป้อมปราการไว้ภายนอกแทน ก่อนจะเดินออกจากบ้านร้างไป
ลักษณะของชุดเซ็ตป้อมปราการนั้นมีขนาดใหญ่มหึมาทำให้เขาดูคล้ายกับหนุ่มร่างกำยำซึ่งแตกต่างจากนักรบชุดเกราะคลุมร่างท่าทางสุขุมของโล่วิญญาณอย่างสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดเขาก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก
เขาเปลี่ยนแผนการฝึกฝนของร่างอวตารในภูเขาปิศาจชั้นต่ำซึ่งเป็นแดนลับขอบเขตที่5ให้กลายเป็น ‘เปิดฉากโจมตีก่อน’
หลังจากกลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่6 ขีดจำกัดสูงสุดของร่างแยกที่เขามีได้ก็เพิ่มขึ้นเป็น7ช่อง ภายหลังจากนั้นเขาก็หาเวลาไปยังภูเขาปิศาจชั้นต่ำเพื่อครอบงำหนึ่งในศพของอสูรและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นร่างอวตารที่7
ถ้าอสูรเลเวล9ขอบเขตที่5เจ็ดตัวเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนคงทำให้อสูรปิศาจตัวอื่นๆต้องหลบหนีกันอย่างบ้าคลั่ง อสูรที่หลบหนีพวกนี้จะทำให้ภายในแดนลับเกิดความโกลาหลขึ้นมาและมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะกรูกันออกมาจากแดนลับด้วยซ้ำ ความร้ายแรงจากการที่อสูรขอบเขตที่5จำนวนมากกรูกันออกมาจากประตูแสงนั้นไม่ใช่อะไรที่นักสู้ขอบเขตที่5ไม่กี่คนสามารถรับมือได้
ถ้าองค์กรเจอร์มินอลคิดจะหยุดอสูรคลั่งเหล่านี้ก็จำเป็นต้องส่งนักสู้ขอบเขตที่6ลงมา
“เริ่มต้นแผนการเลยแล้วกัน”
หลินเซวียนเปลี่ยนวิธีการฝึกฝนของร่างอวตารทั้ง7และรอโอกาสที่เหมาะสม
...
ภูเขาปิศาจชั้นต่ำ
หยางเว่ยพ่นเลือดออกมาคำโตด้วยสีหน้าไร้วิญญาณ
สามคนที่อยู่ข้างกายเขาเองก็ส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา ร่างกายของพวกเขามีบาดแผลเกลื่อนทั่วร่าง...พวกเขาอาจจะล้มเหลวในการสังหารราชันย์แดนลับก็เป็นได้ ยังไงก็ตามมีโอกาสด้วยซ้ำที่จะมีหนึ่งในบรรดาพวกเขาจบชีวิตลง
ถึงกระนั้นปาร์ตี้สี่คนของพวกเขาก็ไม่ได้มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นอะไร ปาร์ตี้นี้ถูกสร้างขึ้นมายังไม่ถึงวันด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีแผนของตนเองและไม่อยากจะเสี่ยงชีวิตนัก
เช่นนี้แล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันย์แดนลับที่แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่พวกเขาก็ยังถูกบีบให้ต้องล่าถอยมาเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหลบหนีออกมาจากถ้ำ
หยางเว่ยรู้สึกไม่พอใจสมาชิกปาร์ตี้ทั้งสามคนยิ่งนักแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา เขาเพียงแค่หัวเราะและเอ่ยออกมาเท่านั้น “ช่างมันเถอะๆ พักผ่อนกันเถอะ ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว”
หยางเว่ยเองก็รู้สึกขมขื่นเหมือนกัน ถ้าค่าสถานะของเขาสูงกว่านี้ซักหน่อยก็คงทะลวงค่าต้านทานพิษของราชันย์แดนลับตัวนั้นได้แล้ว โชคไม่ดีนักที่เขาอ่อนแอเกินไป
ในเวลานี้เองพวกเขาทั้งสี่คนพลันได้ยินเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องจากทางตีนเขา
นักสู้ขอบเขตที่5คนอื่นๆที่กำลังต่อคิวกันอยู่หน้าถ้ำเองก็หันไปมองด้านล่างของภูเขาตามสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้น?”
ตูม! ตูม! ตูม!
ต้นไม้และหินบนภูเขาแตกกระจาย ล้มตายระเนระนาด
อสูรปิศาจำนวนมากวิ่งกรูกันราวกับกำลังวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่างที่น่าพรั่นพรึง
เหล่านักสู้ที่พึ่งจะเลื่อนขั้นมาเป็นขอบเขตที่5และกำลังฟาร์มอยู่ที่พื้นที่ระดับต่ำของภูเขาปิศาจชั้นต่ำไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกอสูรที่กำลังหลบหนีเหล่านี้เหยียบจนกลายเป็นซอสเนื้อ
เหวินเซี่ยงและลู่หลัวที่อยู่ใกล้กับยอดเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังยอดเขาทันที
แม้ว่าอสูรพวกนี้จะวิ่งพล่านไปทั่วแต่พวกมันก็ไม่กล้าขึ้นมายังยอดเขา นั่นก็เป็นเพราะว่ายอดเขานั้นเป็นที่ตั้งของถ้ำราชันย์แดนลับ พวกมันย่อมไม่กล้ามาถึงที่นี่แน่
“เกิดอะไรขึ้น?”
หยางเหว่ยตกตะลึง
ตามปกติแล้วเมื่อแดนลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ผู้จัดการหมายเลข1จะรายงานให้นักสู้ทุกคนทราบทันทีผ่านทางการประกาศจากสถานีไร้ภัย
หากแต่หนนี้กลับไม่มีการประกาศแจ้งเตือนใดๆเลย
สายตาอันคมกริบของจางเผิงชี้ไปที่จุดๆหนึ่งบริเวณตีนเขาของภูเขาและเอ่ยออกมา “ดูนั่น ฉันคิดว่าน่าจะมีอสูรที่ทรงพลังมากๆไล่ล่าอสูรพวกนั้นอยู่”
ทุกๆคนมองตามและพบว่ามีอสูรงูเหลือมเลือดอสูรกำลังอาละวาดอยู่จริงๆ อสูรทั้งหมดที่ขวางทางมันล้วนถูกกลืนจนสิ้น
“ตรงนั้นก็มีอีกตัว! ตรงนั้นเป็นอสูรพยัคฆ์เลือดอสูรที่กำลังออกไล่ล่าอสูรตัวอื่นๆอยู่! เกรงว่าพวกมันนี่แหละคือตัวการที่ทำให้อสูรตัวอื่นๆวิ่งหลบหนีกันไปทั่วด้วยความหวาดกลัวแบบนี้” เหวินเซี่ยงเองก็สังเกตเห็นอสูรพยัคฆ์เลือดอสูรเช่นกัน
ไม่นานนักนักสู้คนอื่นๆก็สังเกตเห็นอสูรตัวอื่นๆด้วย
หลังจากใช้สกิลตรวจสอบแล้วพวกเขาก็พบว่าอสูรพวกนี้ทั้งหมดเป็นอสูรเลเวล9ขอบเขตที่5ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นค่าสถานะของพวกมันยังเหนือกว่าอสูรเลเวล9ขอบเขตที่5ทั่วๆไปมากนัก
พวกมันคือตัวการที่ออกอาละวาดไปทั่วทุกหนทุกแห่งและทำให้อสูรเหล่านี้ของภูเขาปิศาจชั้นต่ำเกิดความโกลาหลขึ้นมา
จู่ๆลู่หลัวก็พูดขึ้น “ดูเหมือนพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปยังทางเข้าแดนลับนะ..”
หัวใจของเหล่านักสู้พลันบีบรัดขึ้นมาทันทีที่มองไปยังทิศทางนั้น ภายใต้การถูกล่าพวกอสูรจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหลบหนีลงด้านล่าง ท้ายที่สุดพวกมันก็กำลังจะไปถึงประตูและกรูกันออกไปด้านนอก!
“นี่มันแย่แล้วสิ...นั่นคืออสูรขอบเขตที่5จำนวนมากเชียวนะ!” หยางเหว่ยพึมพำ
เสียงแจ้งเตือนดังแสบแก้วหูจู่ๆก็ดังขึ้นภายในฐานองค์กร
“อสูรขอบเขตที่5กำลังจะทะลักออกมาจากแดนลับภูเขาปิศาจชั้นต่ำ! ขอย้ำ! อสูรขอบเขตที่5กำลังจะทะลักออกมาจากแดนลับภูเขาปิศาจชั้นต่ำ! นักสู้ขอบเขตที่5และขอบเขตที่6ทุกคนรีบกลับมาสนับสนุนโดยด่วน!”
น้ำเสียงกังวลของผู้จัดการหมายเลข1จู่ๆก็ดังขึ้นจากลำโพง
ผู้จัดการหมายเลข2ที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเมื่อได้ยินเสียงประกาศก็พลันกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“เป็นไปได้ด้วยหรอที่อสูรจากภูเขาปิศาจชั้นต่ำมันจะทะลักออกมาจากประตูแสง...ไม่ใช่ว่าพวกมันจะทะลักออกมาเมื่อมีจำนวนมากเกินพิกัดหรือไง? แต่อสูรของภูเขาปิศาจชั้นต่ำมันไม่เคยเกินจำนวนมาก่อนเลย...นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงต้องฆ่าพวกมันเป็นประจำในทุกๆช่วงหนึ่งเพื่อควบคุมจำนวนของอสูรปิศาจเอาไว้...”
เขาบีบนวดใบหน้าง่วงงุนของตนและเอ่ยด้วยแววตาสับสน