Chapter 49 : เข้าๆออกๆ – ทำให้นายหัวร้อนจนตาย
โล่วิญญาณผู้ที่ลั่วหลี่สวีและคนอื่นๆไม่อาจจับต้องได้ในเวลานี้กำลังนั่งเอนกายอยู่ในเก้าอี้ขนสัตว์หนาหนุ่ม มือทั้งสองข้างนั้นประคองอยู่เหนือศีรษะขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในถ้ำ
ราชันย์อสูเลือดพยัคฆ์กำลังจู่โจมโล่ขนาดยักษ์ทั้งสองที่ตั้งตะหง่านขวางมันเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง หากแต่ไม่เพียงแต่มันจะไม่สามารถทำให้หลินเซวียนได้รับบาดเจ็บได้เท่านั้นแต่ยังเป็นการทำร้ายตัวเองแทนซะด้วยซ้ำ
“เลื่อนขั้น!”
หลินเซวียนพึมพำคำว่า ‘เลื่อนขั้น’ วัตถุดิบเลื่อนขั้นทั้งห้าชิ้นในมิติส่วนตัวของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงและผสานเข้ากับร่างกายของเขา
เมื่อมองดูหน้าต่างค่าสถานะอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองเลื่อนขั้นมาเป็นเลเวล1ขอบเขตที่6แล้ว ค่าสถานะพื้นฐานของเขาอยู่ที่ : ความอดทน353 , พละกำลัง 110 , พลังจิต 110 , ความเร็ว 110
“ค่าสถานะของสี่คนนั้นจากทีมราชันย์ปิศาจนั่นไม่เลวจริงๆ พวกนั้นเหนือกว่านักสู้เลเวล9ขอบเขตที่5ทั่วๆไปพอสมควร ค่าสถ่านะที่สูงที่สุดของคนพวกนั้นเทียบได้กับค่าความเร็วของเราเลยล่ะมั้ง”
หลังจากหลินเซวียนสังหารราชันย์แดนลับตนนี้แล้วเขาก็เดินทอดน่องออกไปจากถ้ำ
ทันทีที่เขาออกมาเขาก็พบว่าลั่วหลี่สวีและอีกสามคนจู่ๆก็กระโจนเข้าใส่เขา
“โล่วิญญาณนายยังกล้า...”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะกล่าวจบหลินเซวียนก็ยิ้มแต้และเดินถอยกลับเข้าไปด้านในถ้ำ
“ฉันออกมาแล้ว!”
“แต่ก็จะกลับเข้าไปอีก!”
“อ๊ะ...ออกมาอีกแล้ว!”
ลั่วหลี่สวีและสหายอีกสามคนมองดูหัวของหลินเซวียนที่ผุบๆโผล่ๆ เข้าๆออกๆจากถ้ำ
คนทั้งสี่ “...”
นักสู้คนอื่นๆเองก็พยายามกลั้นขำกันสุดชีวิต
ลั่วหลี่สวีกัดฟันแน่น “นี่แกกำลังปั่นหัวพวกฉันอยู่สินะ?!”
โฮก!
เสียงคำรามดังออกมาจากถ้ำ เห็นได้ชัดเลยว่าราชันย์แดนลับตนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
หลินเซวียนโยนเหรียญให้กับอีกฝ่าย “ขอบใจที่เฝ้าประตูให้นะ”
ความโกรธของลั่วหลี่สวีพุ่งขึ้นเกือบถึงขีดสุดแล้ว
โดนปั่นหัวซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้เขาเองก็เริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
หยางเหว่ยมองภาพที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆด้วยอาการพูดไม่ออก
โล่วิญญาณผู้นี้น่าประทับใจจริงๆ กระทั่งลั่วหลี่สวีเขาก็ยังกล้ายั่ว
หลินเซวียนเดินกลับไปกลับมาอยู่ในถ้ำโดยไม่สนใจการโจมตีของราชันย์แดนลับเลยแม้แต่น้อย
หนึ่ง สอง สาม...
สิบ ยี่สิบ สามสิบ...หนึ่งร้อย...ลั่วหลี่สวีและพรรคพวกรอมาค่อนวันแล้วแต่กลับยังไม่เห็นท่าทีว่าโล่วิญญาณจะออกมาเลย
หนึ่งในสมาชิกทีมของพวกเขากระแอมออกมาเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นเบาๆ “หัวหน้า...เสียเวลาต่อไปแบบนี้คงไม่ดี รอต่อไปแบบนี้ก็คงไม่ได้นะ”
สมาชิกทีมอีกคนเองก็ถอนหายใจและกล่าวออกมา “หัวหน้าไม่นานมานี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น พวกเรารีบยกระดับความแข็งแกร่งให้ไวที่สุดจะดีกว่า ในเมื่อหาวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงไม่ได้ก็ใช้ระดับธรรมดาเถอะ”
ลั่วหลี่สวีกัดฟันแน่น
ก่อนหน้านี้เขาได้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงมาเพียงสามชิ้นเท่านั้นจากการท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ เขาจึงยังขาดอีกสองชิ้น
ยังไงก็ตามตอนนี้กระทั่งแผนกโลจิสติกขององค์กรเจอร์มินอลเองก็ไม่เหลือวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงเหลืออยู่แล้ว
ถ้าอยากได้มากกว่านี้เขาก็ต้องรอไปอีกครึ่งปี!
โล่วิญญาณได้ทำลายความหวังในการเลื่อนขั้นอย่างสมบูรณ์แบบของเขาไปแล้ว!
“ถ้างั้นก็ไปฆ่าราชันย์แดนลับทั่วๆไปแล้วกัน...” ก่อนที่ลั่วหลี่สวีจะเอ่ยจบเงาร่างในชุดเกราะสีดำก็เดินออกมาจากถ้ำ
“ออกมาอีกแล้วล่ะ”
หนนี้หลินเซวียนเดินทอดน่องตรงมาหาพวกเขา
เขาเล่นพอแล้ว ตอนนี้ได้เวลาสอนบทเรียนให้กับเจ้าพวกนี้เพื่อให้หลาบจำจะได้ไม่ทำตัวโอหังอีกในอนาคต
จากประโยคแรกที่ออกจากปากของลั่วหลี่สวีตอนต้นเขาก็รู้แล้วว่าวันนี้ยังไงก็ไม่มีทางจบด้วยการไม่ต้องสู้กัน
ยิ่งไปกว่านั้นลั่วหลี่สวียังเป็นผู้เชี่ยวชาญทรงพลังใต้ร่มธงของผู้จัดการหมายเลข3อีกด้วย มีโอกาสสูงมากที่อีกฝ่ายจะกลายเป็นศัตรูในอนาคต
บวกกับหลินเซวียนได้เลื่อนขั้นมาเป็นเลเวล1ขอบเขตที่6แล้ว แทบจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้จัดการทั้ง3คนได้แล้ว
เขาไม่จำเป็นต้องทำตัวค้อมต่ำอีกต่อไป เขาสามารถทำตัวสูงส่งได้แล้ว
ลั่วหลี่สวียิ้มร้าย เขาโบกมือส่งหนึ่งในสมาชิกทีมราชันย์ปิศาจไปปิดทางเข้าถ้ำเอาไว้
“มาดูกันว่าแกจะหนียังไง!” ลั่วหลี่สวีคำราม
หลินเซวียนสะบัดโล่ยักษ์ที่มีขนาดราวกับประตูในมือและพุ่งตรงเข้าหาลั่วหลี่สวีราวกับสายฟ้า
โล่ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นมากรอบสายตาของลั่วหลี่สวีและมันก็มาพร้อมกับแรงกดดันอันหนักหน่วงทรงพลัง
หัวใจของลั่วหลี่สวีหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันเร็วมาก! เขาไม่มีเวลาพอจะตอบสนองด้วยซ้ำ!
“พวกนายมากกว่ามั้งที่ควรจะหนี!”
น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากชุดเกราะสีดำ
วินาทีถัดมาโล่นักล่ามังกรก็ประทับลงบนใบหน้าของลั่วหลี่สวีเข้าอย่างจัง!
ปัง!
หัวของลั่วหลี่สวีโน้มไปด้านหลังเกือบ180องศา
บนแก้มของเขาลวดลายกงเล็บมังกรที่ดูราวกับมีชีวิตได้ปรากฏขึ้นมา
ร่างของเขาถูกส่งปลิวออกไปกว่าสามเมตร
การโจมตีนี้รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดและหนักหน่วงราวกับเขาไท่ซาน เหล่านักสู้ที่ยืนมุงดูความสนุกกันอยู่พากันนิ่งอึ้งไปตามๆกัน
ลั่วหลี่สวรฝืนลุกขึ้นมาและปรายตามองดูพลังชีวิต จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง
การโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงไปกว่า1ใน3!
เขาไม่ใช่คนประเภทที่มุ่งเน้นไปที่ค่าความแข็งแกร่ง พลังจิตและความเร็วเพียงอย่างเดียวแต่ยังเพิ่มค่าความอดทนไปไม่น้อยอีกด้วย
กระทั่งราชันย์แดนลับมากประสบการณ์โจมตีเขาอย่างมากก็ลดเลือดเขาได้เพียงหนึ่งในหกเท่านั้น
แล้วโล่วิญญาณผู้นี้มันเป็นตัวอะไรกันแน่?
“พวกนายสามตัวไม่ต้องห่วง ตาพวกนายแล้ว”
เหนือฝ่ามือของหลินเซวียนพลันปรากฏบอลเพลิงร้อนระอุสามลูกจากนั้นเขาก็เหวี่ยงพวกมันออกไปทันที
ตูม!
สีหน้าของคนทั้งสามเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล พวกเขารีบเตรียมรับมือแต่พลังป้องกันของพวกเขากลับถูกทำลายลงในพริบตา ร่างเองก็ถูกส่งปลิวออกไปเช่นเดียวกันหัวหน้าทีมของพวกตน เลือดสาดกระจายและกล้ามเนื้อกับผิวหนังบริเวณหน้าอกเองก็ถูกเผาจนเกรียม
ลั่วหลี่สวีอ้าปากค้าง
ไม่ใช่ว่าโล่วิญญาณมันใช้โล่จึงต้องมุ่งเน้นไปที่ค่าความอดทนรึไง?
แล้วทำไมกระทั่งเวทย์ไฟเขาก็ยังใช้ได้กันล่ะ? ความเสียหายเองก็สูงกว่าจอมเวทย์ในทีมของพวกเขาซะอีก!
ดวงตาของเหวินเซี่ยงเองก็เบิกกว้าง
เชี่ย...โล่วิญญาณซ่อนฝีมือเอาไว้จริงๆด้วย!
สีหน้าของหยางเหว่ยเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
เขาเองก็เป็นจอมเวทย์และเลือกเรียนรู้เวทย์ธาตุทั้งสี่ธาตุด้วยความโล�
หากแต่เวทย์ไฟของเขานั้นเทียบกับโล่วิญญาณแล้วอาจจะต่างกันถึงครึ่งต่อครึ่ง “โล่วิญญาณ...หมอนี่มีแต้มค่าประสบการณ์อยู่มากขนาดไหนกันแน่?”
ขาของจางเผิงสั่นสะท้าน เขาเริ่มเสียใจขึ้นมาแล้วที่เข้าไปกวนน้ำให้ขุ่น
หลินเซวียนกวาดสายตามองคนจากทีมราชันย์ปิศาจทั้งสี่คนที่ล้มอยู่บนพื้นและปัดไม้ปัดมือเล็กน้อย “ในอนาคตก็อย่าได้จองหองอีกล่ะ โชคดีนะที่ฉันอารมณ์เลยสอนบทเรียนแค่เบาะๆ ถ้าพวกนายไปเจอพวกอารมณ์ร้ายเข้าคงตายกันไปแล้ว”
ใบหน้าของลั่วหลี่สวีแดงก่ำราวตับหมูแต่ก็ไม่กล้ากล่าวอะไร
เขากลัวว่าโล่วิญญาณจะโจมตีเขาด้วยบอลเพลิงถ้าเขาเผลอพูดอะไรออกไป
“ไปล่ะ แล้วเจอกันใหม่นะพวกนาย” หลินเซวียนย่างเท้าและเตรียมจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงเรียกดังขึ้น เป็นจางเผิงที่ขาทั้งสองข้างสั่นสะท้านนั่นเอง
“โล่...โล่วิญญาณ! พูดตามตรงฉันตั้งใจไม่บอกนายเองแหละว่าทีมราชันยืปิศาจได้จองถ้ำของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้ง4ถ้ำเอาไว้ ฉันตั้งใจจะให้พวกนายสู้กัน ฉันผิดไปแล้ว!”
จางเผิงรู้ว่าเหวินเซี่ยงนั้นรู้ทุกอย่าง เขากลัวว่าเหวินเซี่ยงจะไปบอกเรื่องนี้กับโล่วิญญารทีหลัง ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกมาสารภาพเอง
เช่นนี้แล้วโล่วิญญาณอาจจะไม่ทำให้เขาลำบากก็ได้
หลินเซวียนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมคนของทีมราชันย์ปิศาจถึงได้หัวเสียและหงุดหงิดราวกับโดนเป่าหูมาแบบนี้ กลับกลายเป็นว่ามีคนพยายามกวนน้ำให้ขุ่นนี่เอง
เขาตอบกลับอีกฝ่ายด้วยบอลเพลิง
ตูม!
ร่างของจางเผิงถูกส่งปลิวออกไปเช่นกัน เสื้อผ้าของเขาไหม้เกรียมและพลังชีวิตเองก็ลดไปถึงสามส่วน
“คิดว่าถ้าพูดความจริงแล้วจะไม่โดนงั้นสิ?”
หลินเซวียนกล่าวทิ้งท้ายและเดินทอดน่องลงจากภูเขาปิศาจชั้นต่ำ
นักสู้ทุกคนต่างยืนเฝ้ามองแผ่นหลังนั้นด้วยความหวาดกลัวและชื่นชม