ตอนที่แล้วChapter 46 : องค์กรเจอร์มินอลจู่โจมเมืองหนาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 48 : มาดูกันว่าหมอนั่นจะอยู่ในถ้ำได้นานเท่าไหร่

Chapter 47 : ฉันอยากให้หมอนั่นขอโทษฉัน


ภายในถ้ำ

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของหลินเซวียนก็คืออสูรขนาดตัวราวกับภูเขาลูกเล็กๆ

ขนาดโดยรวมของมันสูงกว่า4เมตรและมีสีฟ้าครามตลอดร่าง ท่อนล่างของมันสวมใส่กางเกงผ้าและถือท่อนไม้หนาเอาไว้ในมือ

ราชันย์อสูรตนนี้มีใบหน้าสีเขียวเข้มและมีฟันแหลมคมดูดุร้ายยิ่งนัก เพียงแค่มองผ่านๆก็สามารถบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่อะไรที่ใครอยากจะยั่วยุก็ทำได้

หลินเซวียนใช้สกิลตรวจสอบตามปกติ

[ชื่อ : ราชันย์อสูรยักษ์]

[ฉายา : ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์]

[ระดับ : เลเวล9ขอบเขต5]

[ค่าสถานะ : ความอดทน 169 , พละกำลัง 182 , พลังจิต 22 , ความเร็ว 46]

[สกิล : อสูรยักษ์คำราม (เกรดสีม่วง) , หนังแข็งของอสูรยักษ์ (เกรดสีทอง) , เชี่ยวชาญอาวุธหนัก (เกรดสีม่วง) , จู่โจมสกปรก , ห้าคอมโบ้ปุกปุย]

...

เมื่อเห็นสกิลหนังแข็งของอสูรยักษ์แววตาของหลินเซวียนก็เปล่งประกายขึ้นมา

ไอ๊ย๊า...อีกใยกลับมีสกิลเกรดสีทองซะด้วย

เขารู้สึกได้เลยว่าเจ้าหมอนี่น่าประทับใจยิ่งนัก

เขาชอบสกิลนี้มาก!

โฮก!

ราชันย์อสูรยักษ์สัมผัสได้ถึงศัตรูที่เข้ามาใกล้ๆและเหวี่ยงท่อนไม้ขนาดมหึมาของมันใส่ทันที

ในเวลานี้หลินเซวียนสวมใส่ทั้งเซ็ตปราการยักษ์และเซ็ตจ้าวเหนือหัว ทั้งสองเซ็ตนี้คือเซ็ตที่มีพลังป้องกันกายภาพสูงที่สุดที่เขามีแล้ว

มือซ้ายและขวาเองก็กระชับโล่นักล่ามังกรและโล่ค้อนราชันย์มังกรดินตามปกติ เรียกได้ว่าเขาพร้อมบวกเต็มที่

เมื่อท่อนไม้ขนาดมหึมาฟาดลงมาบนโล่ของเขาถ้ำทั้งถ้ำพลันบังเกิดเสียงโลหะปะทะแสบแก้วหูดังกึกก้อง

เคล้ง!

หลินเซวียนก้มลงมองพื้นและพบว่าขาของเขาจมลงไปใต้พื้นดินกว่าครึ่งเซ็นต์

แค่นี้ก็จินตนาการได้แล้วว่าการโจมตีของราชันย์อสูรยักษ์เมื่อครู่ทรงพลังเพียงใด “ยังไงก็ตามสุดท้ายก็ยังเจาะการป้องกันของฉันไม่เข้าอยู่ดี”

หลินเซวียนเหลือบมองพลังชีวิตของตนและหัวเราะ

โฮก! โฮก! โฮก!

เขายังคงไม่เสียเลือดเลยซักหยดแต่เนื่องจากความสามารถในการสะท้อนความเสียหายจากสกิลกายาหนามและโล่นักล่ามังกรทำให้พลังชีวิตของราชันย์อสูรยักษ์ลดลงเล็กน้อย มันจึงคำรามออกมาด้วยความโกรธในทันที

สกิลทั้งหมดที่มันมีถูกประเคนเข้าใส่หลินเซวียน

อีกฝ่ายฟาดหลินเซวียนห้าครั้งติดด้วยความโกรธเกรี้ยว!

ปัง ปัง ปัง

ท่อนไม้ขนาดมหึมาเหวี่ยงฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่หยุดเลยแม้แต่วินาทีเดียว

อสูรยักษ์คำราม!

ราชันย์อสูรยักษ์เปิดปากและส่งเสียงคำรามสะเทือนแก้วหูออกมา

เสียงนี้ราวกับมีรูปธรรมที่สามารถจู่โจมจิตใจของผู้ฟังได้โดยตรง

ครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงคำรามนี้ขนาดหลินเซวียนเองก็ยังรู้สึกได้ว่าโลกหมุนไปชั่วครู่ ยังไงก็ตามหลังจากโดนครั้งที่สอง ที่สามผลของอสูรยักษ์คำรามที่เกิดกับเขาก็แทบจะเรียกได้ว่าไร้ผล

มึนงงเป็นสถานะเชิงลบ(ดีบัฟ) ตราบใดที่ค่าความอดทนสูงพอสถานะเชิงลบใดๆก็สามารถต้านทานได้ กะอีแค่มึนงงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเลย

ด้านนอกถ้ำในเวลาเดียวกัน กลุ่มนักสู้นับสิบหรืออาจจะมากกว่าเองก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวนี้และพากันสั่นเทา

“เมื่อครึ่งปีก่อนฉันเคยเจอกับความน่ากลัวของราชันย์อสูรยักษ์มาแล้ว หลังจากสู้กับมันครั้งหนึ่งฉันก็รู้เลยว่าถ้ามีค่าความอดทนไม่มากพอคงไม่มีใครรับมือกับมันได้แน่ๆ”

“ใช่แล้วๆ เสียงคำรามของราชันย์อสูรนั่นทำให้ทุกๆคนในพื้นที่ติดสถานะมึนงง จากนั้นอีกฝ่ายก็จะสามารถฟาดพวกนายจนกลายเป็นหมอกเลือดได้ในค้อนเดียว บ้าบอจริงๆ”

“ดังนั้นทุกๆทีมเลยต้องมีตัวแทงค์ที่สามารถต้านทานเสียงนี้ได้ โชคไม่ดีเท่าไหร่นักที่มีแค่ไม่กี่คนที่ยินดีจะสละแต้มค่าประสบการณ์อันมีค่าไปลงกับสกิลป้องกัน”

เหล่านักสู้พูดคุยกันอย่างออกรส

ได้ยินคำกล่าวเหล่านี้เหวินเซี่ยงก็ยิ่งประทับใจในตัวโล่วิญญาณขึ้นไปอีก ช่างเป็นบุรุษที่อาจหาญยิ่งนัก

ตัวเขาก็บังเอิญชอบพวกบุรุษอาจหาญประเภทนี้ซะด้วย!

[ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ ราชันย์หมาป่าเลือดอสูรถูกสังหารลงแล้ว! ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ ราชันย์หมาป่าเลือดอสูรถูกสังหารลงแล้ว!]

เสียงแจ้งเตือนจากสถานีไร้ภัยภายในภูเขาอสูรชั้นต่ำพลันดังไปทั่วภูเขา

จากนั้นคนสี่คนจากทีมราชันย์ปิศาจก็เดินออกมาจากถ้ำ

แม้ว่าคนทั้งสี่ต่างได้รับบาดเจ็บแต่กลับไม่มีใครเลยที่มีสีหน้าอมทุกข์และได้รับบาดเจ็บกันเพียงผิวเผินเท่านั้น

หัวหน้าทีมอย่างลั่วหลี่สวีหัวเราะออกมาสุดเสียง “ดีมาก! สมแล้วที่เป็นทีมราชันย์ปิศาจของพวกเรา! พวกนายชนะได้อย่างสมเกียรติจริงๆ!”

จางเผิงเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปฉีกยิ้มประจบประแจง “กัปตันลั่วยอดเยี่ยมมากเลยครับ!”

“กัปตันลั่วสุดยอดมากๆ! ในอนาคตช่วยพาผมไปกับพวกคุณด้วยสิ!”

“โชคของกัปตันลั่ววันนี้เป็นไงบ้าง? ได้อะไรดีๆบ้างไหม?”

นักสู้รอบๆเองก็เดินมาอวยไม่ต่างกัน

พวกเขาเองก็รู้สึกได้ลางๆว่าหนนี้ทีมราชันย์ปิศาจจะต้องทำสำเร็จแน่นอน ตอนนี้ความเป็นจริงก็ได้ปรากฏแล้วจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรีบเข้ามาสรรเสริญคนทั้งสี่

ทุกคนรู้ดีว่าลั่วหลี่สวีและคนอื่นๆนั้นอีกซักพักยังไงก็ย่อมเลื่อนขั้นไปเป็นขอบเขตที่6ได้แน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะเป็นรองคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในองค์กรเจอร์มินอล!

ถึงตอนนั้นจริงๆกระทั่งผู้จัดการทั้งสามคนเองก็ยังต้องสุภาพกับพวกเขาเลยจริงไหม?

ลั่วหลี่สวีโบกมือและเอ่ยอย่างไม่แยแส “ฉันได้มาแค่หนังสือสกิลเกรดสีทองเท่านั้นเอง จริงๆแล้วสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดคือวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงแต่ได้มาแค่สามชิ้นเท่านั้น น้อยเกินไปจริงๆ”

จางเผิงที่ได้ยินยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก “กัปตันลั่ววันนี้โชคดีจริงๆ! ได้สกิลอะไรมาหรอครับ? ขอพวกเราเลียบๆเคียงๆดูหน่อยได้ไหม?”

ลั่วหลี่สวียิ้มและส่ายหัว “ไม่ได้หรอก นี่เป็นไพ่ตายของฉันคงโชว์ให้ใครเห็นง่ายๆไม่ได้”

จางเผิงโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกไปและเปลี่ยนหัวข้อทันที “ยังไงก็ตามกัปตันลั่ว โล่วิญญาณคนนั้นเองก็มาที่นี่เหมือนกันนะครับ”

ลั่วหลี่สวีเลิกคิ้ว “ไหนล่ะ?”

จางเผิงชี้ไปที่ถ้ำด้านหลังเขา “นั่นไงครับ เขากำลังท้าทายราชันย์อสูรยักษ์อยู่”

ลั่วหลี่สวีหันกลับไปมองและเห็นว่าหลินเซวียนกำลังท้าทายหนึ่งในราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ที่เขาวางแผนว่าจะจัดการอยู่

เขาขมวดคิ้วมุ่นทันที “ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าวันนี้พวกฉันจะจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งหมดเอง? หมอนั่นมันคิดอะไรอยู่?” จางเผิงยักไหล่ “บางทีพวกดาวรุ่งอาจจะความอดทนต่ำก็ได้”

เหวินเซี่ยงทนไม่ไหวโผล่งขึ้นทันที “จางเผิงอย่ามากลบเกลื่อน โล่วิญญาณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทีมราชันย์ปิศาจจองสถานที่ทั้งหมดเอาไว้แล้ว”

กล่าวจบเขาก็หันไปหาลั่วหลี่สวี “กัปตันลั่ว โล่วิญญาณเข้าไปเร็วมากผมเลยเตือนเขาไม่ทันได้โปรดอย่าได้...”

ลั่วหลี่สวีขัดขึ้นมาทันที “กะอีแค่เลเวล4ขอบเขตที่5...กล้าพูดแทรกงั้นหรอ?”

“ใครก็ได้บอกฉันทีซิว่าทำไมเลเวล4ขอบเขตที่5อย่างหมอนี่ถึงขึ้นมาถึงยอดได้? ใครพามันขึ้นมา?” เขาชี้ไปที่เหวินเซี่ยงและจ้องไปที่จางเผิงกับคนอื่นๆ

กัปตันของทีมเหวินเซี่ยงยกมือขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ “ทีม...ทีมผมขาดคนในนาทีสุดท้ายพอดี ผมเลยดึงเขามา ค่าความอดทนของเขาสูงพอสมควรเลยเหมาะจรับหน้าที่เป็นตัวแทงค์...”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบเขากลับถูกลั่วหลี่สวีสบถด่าเสียก่อน “อย่ามาตลก ราชันย์แดนลับนั้นเทียบกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไม่ได้เลยก็จริงแต่ก็ไม่ใช่อะไรที่เลเวล4ขอบเขตที่5จะรับมือได้ พวกนายสองคนกำลังเอาชีวิตของเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนไปแขวนบนเส้นด้าย”

สีหน้าของกัปตันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ฮึ่ม...ฉันจะไม่พูดไร้สาระอะไรกับพวกนายแล้ว เมื่อไหร่ที่โล่วิญญาณออกมาฉันต้องการให้หมอนั่นมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง!” ลั่วหลี่สวีโบกมือและส่งสัญญาณให้คนทั้งสามคนในทีมของเขาแยกย้ายกันไปนั่งพักผ่อน

พวกเขาได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อยเมื่อตอนจัดการกับราชันย์หมาป่าเลือดอสูรและใช้โพชั่นไปพอสมควร ตอนนี้พวกเขาจำต้องฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะสมบูรณ์เสียก่อนถึงจะท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ตัวต่อไปได้

ในเวลานี้เองเสียงแจ้งเตือนก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง

[ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ - ราชันย์อสูรยักษ์ถูกสังหารลงแล้ว!]

จากนั้นเหล่านักสู้ต่างเห็นเงาร่างในชุดเกราะสีดำเดินออกมาจากถ้ำแบบไร้รอยขีดข่วน

ชุดเกราะของเขาไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อยและเสียงฝีเท้าเองก็ไม่ได้อ่อนแอลงแต่อย่างใด

เขากลับยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้จะห้ำหั่นจนสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไปแล้ว

ลั่วหลี่สวีประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นโล่วิญญาณมาก่อนเลยคิดว่าข่าวลือเรื่องความสามารถของอีกฝ่ายนั้นอาจจะจริงก็ได้

ตอนนี้เมื่อได้เห็นด้วยตาของตัวเองก็ต้องบอกว่ามันสุดยอดมากจริงๆ

“โล่...”

ก่อนที่คำที่สองจะถูกพ่นออกมาจากปากของเขา หลินเซวียนก็เดินเข้าไปในถ้ำของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์อีกถ้ำหนึ่งเสียก่อนแล้ว

ลั่วหลี่สวี “..ไอ้เชี่ย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด