Chapter 46 : องค์กรเจอร์มินอลจู่โจมเมืองหนาม
สามวันให้หลังเมืองหนามก็ถูกยึดครองดังคาด
แบล็คเป็นผู้นำประตูแสงขอบเขตที่1อย่าง – แดนลับป่าหนามกลับมาและวางมันเอาไว้ข้างๆกับถ้ำหินยักษ์
ในอนาคตองค์กรเจอร์มินอลจะมีแดนลับขอบเขตที่1ถึง2แดน
หลินเซวียนลองเข้าไปดู หลังจากตรวจสอบไอเทมดรอปภายในป่าหนามแล้วเขาก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดองค์กรเจอร์มินอลจึงไม่ได้ลงมือแย่งชิงประตูแสงมาตั้งแต่เนิ่นๆ
นั่นก็เพราะว่าป่าหนามนี่มันก็ขยะดีๆนี่เอง
ไม่เหมือนกับถ้ำหินยักษ์ ป่าหนามนั้นไม่ได้ดรอปไอเมที่เพิ่มค่าสถานะครบทั้ง4ชิ้นแต่ดรอปเพียงสองชิ้นเท่านั้น – ผลไม้หนามซึ่งเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูพลังงาน1%และดอกพลังเวทย์ซึ่งเพิ่มขีดจำกัดของพลังเวทย์ได้1%
เทียบกันแล้วไอเทมดรอปในถ้ำหินยักษ์นั้นดีกว่ามาก นั่นก็เพราะแม้ว่าถ้ำหินยักษ์จะเป็นแดนลับขอบเขตที่0แต่กลับดรอปไอเทมค่าสถานะอย่างถุงน้ำดีของอสรพิษเกล็ดดำและเขาของวัวคลั่งซึ่งเพิ่มค่าสถานะหลักได้!
ตอนนี้องค์กรเจอร์มินอลได้เลือกที่จะช่วงชิงประตูแสงของป่าหนามก็สืบเนื่องมาจากต้องการยกระดับความแข็งแกร่งของพวกตน
ยังไงซะแม้ว่าป่าหนามจะมีไอเทมค่าสถานะอยู่เพียงน้อยนิดแต่ก็มีสกิล อุปกรณ์สวมใส่และอื่นๆมากมายที่ไม่มีในถ้ำหินยักษ์
หลินเซวียนยังเห็นหลงเต้าเจี่ยผู้ที่ตอบคำถามของเขาก่อนหน้านี้ในบรรดาฝูงชนที่ถูกเกณฑ์กลับมายังองค์กรด้วย
ร่างกายของชายหนุ่มผู้นี้เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินและดูน่าสังเวชยิ่งนัก
“คนธรรมดาทั่วไปสุดท้ายก็เลือกได้เพียงเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอลเท่านั้น” หลินเซวียนถอนหายใจ
แม้ว่ากฏเกณฑ์ด้านลำดับชั้นขององค์กรเจอร์มินอลจะเข้มงวดและมักจะใช้งานนักกู้ซากไม่ต่างอะไรไปจากทาสแต่สำหรับคนอ่อนแอแล้วนอกจากเข้าร่วมพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกใดอีก
แดนรกร้างนั้นคือสถานที่ที่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถไปมาได้ตามปรารถนา
หลินเซวียนไม่อาจเผยอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงออกไปได้และก้มหน้าทำหน้าที่นักกู้ซากธรรมดาๆต่อไป
ฉากหน้านั้นตัวเขายังคงเป็นนักสู้ขอบเขตที่2ที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงและใช้เพียงวัตถุดิบเลื่อนขั้นธรรมดาๆในการเลื่อนขั้นเท่านั้น
เขากระทำอย่างระมัดระวังและมักจะเข้าไปในแดนลับขอบเขตที่2เป็นครั้งเป็นคราว เขาบรรลุภารกิจในทุกครั้งและไม่เคยส่งเกินเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ในช่วงที่ผ่านมานี้มีนักสู้ในกลุ่มของเขาตายในแดนลับไปแล้วกว่าสามส่วน
เกี่ยวกับเรื่องของนักกู้ซากที่ตายลงในแดนลับนั้นแม้ลู่หลัวจะอยากช่วยก็ไม่อาจทำได้ ยังไงซะเจ้าหล่อนก็ไม่อาจวิ่งตามพวกเขาเข้าไปในแดนลับและตามติดนักกู้ซากทุกคนเหมือนกับแม่นมได้
วันหนึ่งหลินเซวียนได้พบว่าพี่ชายวัยกลางคนของเขาอย่างซุนจื่อเกาที่มักจะหัวเราะออกมาอย่างสุดเสียงและยื่นมือช่วยเหลือคนอื่นอยู่บ่อยๆ...ไม่ได้กลับมา
เขาไปถามลู่หลัวเกี่ยวกับอีกฝ่าย ลู่หลัวบอกกับเขาว่าปลอกคอได้บันทึกการตายของซุนจื่อเกาได้ ตัวเขานั้นได้ตกตายลงภายใต้การรุมล้อมของพวกมดแดงเพลิง
หลินเซวียนพยักหน้าเงียบๆ
ถ้าจำนวนเป้าหมายในภารกิจไม่ถูกเปลี่ยนแปลงซุนจื่อเกาก็อาจจะไม่ตายก็ได้
ยังไงก็ตามเนื่องจากปริมาณที่ต้องการมากขึ้นของภารกิจทำให้ซุนจื่อเกาต้องรีบเข้าไปในแดนลับทันทีก่อนที่จะทันได้ฟื้นตัว ท้ายที่สุดเขาก็ยื้อเอาไว้ไม่ไหว
ถ้าเทียบอัตราการตายของนักกู้ซากแล้ว เขตCถือว่าได้มีอัตราการตายที่น้อยที่สุด
อัตราการตายที่สูงที่สุดคือเขตB ทั่วทั้งเขตBนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันตรายภายใต้การนำของหยางเว่ย
ก่อนที่จำนวนป้าหมายของภารกิจจะเพิ่มขึ้นนั้นอัตราการตายของนักกู้ซากในเขตBมักจะอยู่ที่ราวๆ30% แต่หลังจากจำนวนของเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มขึ้นอัตราการตายก็เพิ่มขึ้นไปถึง60%
หยางเว่ยลองคำนวณดูแล้ว ยังไงซะด้วยผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นยังไงก็ต้องเหลือพวกที่นำไอเทมค่าสถานะกลับมาจากแดนลับได้บ้าง
ถ้าคนหนึ่งทำไม่ได้ตามเป้าและตายลงขอแค่คนอื่นๆทำได้ก็พอแล้วสำหรับเขาไม่ใช่รึไง?
ยังไงก็ตามแม้ว่าอัตราการตายจะสูงเช่นนี้แต่เหล่าผู้อพยพก็ยังคงสู้เพื่อให้ได้เข้าสู่องค์กรอยู่ดีเนื่องจากความหวาดกลัว
แทนที่จะทิ้งชีวิตอยู่ด้านนอกฐานขององค์กรซึ่งไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งพวกเขาขอเลือกใส่ปลอกคอและเสี่ยงชีวิตดีกว่า
ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ องค์กรเจอร์มินอลจึงไม่ต่างอะไรไปจากเครื่องจักรการสงครามที่หมุนรอบเร็วขึ้นและเผยคมเขี้ยวออกมา
“สกิล อุปกรณืและรูนของเราทั้งหมดอัพเกรดหมดแล้ว ในที่สุดก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย คงได้เวลาไปลุยกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ของภูเขาปิศาจชั้นต่ำซักที”
หลินเซวียนเปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์ของโล่วิญญาณและพุ่งตรงไปยังถ้ำของเหล่าราชันย์ที่อยู่ยอดสุดของภูเขาปิศาจชั้นต่ำ
เมื่อตอนที่เขาผ่านไปถึงชั้นห้าเขาบังเอิญพบกับลู่หลัวกำลังถูกฝูงงูเหลือมโลหิตอสูรนับสิบไล่ล่า หลินเซวียนจึงยื่นมือเข้าช่วย
“ขอบคุณมาก” ลู่หลัวถอนหายใจโล่งอก “ฉันบังเอิญไปเจอกับรังของพวกงูเหลือมโลหิตอสูรเข้าเลยถูกพวกมันไล่ล่ามาเนี่ยแหละ”
หลินเซวียนพยักหน้าและมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขาต่อ
ลู่หลัวมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายและถอนหายใจ
เพียงเวลาสั้นๆเท่านั้นแต่โล่วิญญาณกับแซงหน้าเธอไปแล้ว
‘โล่วิญญาณน่าจะสำรวจอยู่ราวๆชั้น7 ฉันก็คงต้องเร่งความเร็วแล้ว ฉันต้องเพิ่มเลเวลให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้’
บนยอดสุดของภูเขาปิศาจชั้นต่ำ
ในบรรดา9ถ้ำราชันย์นั้น สี่ในเก้าคือราชันย์แดนลับมากประสบการณ์
ยังไงก็ตามหลินเซวียนกลับพบว่ามีคนบางกลุ่มกำลังท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์อยู่ก่อน “โล่วิญญาณงั้นหรอ? สวัสดีๆ”
“ฉันได้ยินชื่อโล่วิญญาณมานานแล้ว นายวางแผนจะโซโล่ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์สินะ? น่าประทับใจ”
นักสู้ที่ต่อแถวรอสู้บอสนั้นมีไม่มาก โดยรวมแล้วมีเพียง12คนจาก3ทีมเท่านั้น
เมื่อเห็นเงาร่างในชุดเกราะสีดำเดินเข้ามา นักสู้ขอบเขตที่5ส่วนใหญ่จากทีมเหล่านี้จึงยิ้มและเอ่ยทักทายเขา
ช่วงที่ผ่านมานี้ทำให้ชื่อของโล่วิญญาณดังกระฉ่อนไปทั่วองค์กร ทุกๆคนล้วนรู้จักชื่อของเขากันทั้งนั้น
เขามักจะลงมือเพียงลำพังและใช้เพียงลำแข้งของตนในการรวบรวมวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง
คนเช่นนี้ทำให้หลายๆคนไม่อาจอิจฉาได้ พวกเขาส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความชื่นชมเสียมากกว่า
หลินเซวียนพบกับเหวินเซี่ยง หยางเหว่ยและคนอื่นๆในบรรดาทีมเหล่านี้ด้วย
หยางเหว่ยพึ่งจะเลื่อนขั้นจากนักสู้ขอบเขตที่4มาเป็นขอบเขตที่5เมื่อไม่นานมานี้และใช้เพียงวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับทั่วไปเท่านั้น เทียบกับหลินเซวียนที่ใช้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงแล้วก็เหมือนกับหยางเหว่ยเสียค่าสถานะไปฟรีๆ40แต้มนั่นแหละ
หลินเซวียนจดจำชื่อของนักสู้ทั้ง12คนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
องค์กรเจอร์มินอลในปัจจุบันมีนักสู้ขอบเขตที่5รวมกันทั้งหมด26คน ในบรรดา26คนนั้นมีเพียง5คนเท่านั้นที่อยู่ฝั่งของหมายเลข2ส่วนที่เหลือนั้นอยู่ใต้หมายเลข3ทั้งสิ้น
นี่คือข้อมูลที่เขาได้มาจากหมายเลข2
“พวกนายรู้ไหมว่าใครกำลังท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์อยู่?” หลินเซวียนชี้ไปที่ถ้ำ
“อ่อ นั่นทีมราชันย์ปิศาจ ความแข็งแกร่งของพวกเขาทรงพลังมาก เพื่อการต่อสู้ในวันนี้ได้ยินมาว่าพวกนั้นตุนโพชั่นมาเพียบ นอกจากนี้ยังพึ่งเข้าไปได้ไม่กี่นาทีเอง” เหวินเซี่ยงพูดยังไม่ทันจบนักสู้ที่อยู่ข้างๆเขาก็ชกเขาเสียก่อนและหันมาตอบหลินเซวียนแทน
“โล่วิญญาณถ้านายอยากจะโซโล่ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ก็ต้องรีบหน่อย ไม่อย่างนั้นทีมราชันย์ปิศาจอาจจะแย่งไปหมดก็ได้” หลังจากนักสู้คนนั้นกล่าวจบเขาก็จากไป
หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย
นักสู้สี่คนจากทีมราชันย์ปิศาจนั้นล้วนเป็นนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่5ทั้งสิ้น นอกจากนี้พวกเขายังเป็นลูกน้องที่ผู้จัดการหมายเลข3เชื่อใจที่สุดด้วย
“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนคิดจะแย่งราชันย์แดนลับมากประสบการณ์กับฉัน ถ้างั้นก็มาดูกันว่าใครจะเร็วกว่า”
หลินเซวียนหัวเราะคิกคักอยู่ในใจและมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำแห่งหนึ่งเช่นกัน
“โล่...” เหวินเซี่ยงกำลังจะเอ่ยเตือนหลินเซวียนแต่กลับต้องกลืนคำพูด
เหวินเซี่ยงขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา “จางเผิงทำไมนายถึงหยุดฉัน? สี่คนนั้นจากทีมราชันย์ปิศาจมันก็พูดเอาไว้แล้วว่าพวกมันจะจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งหมดในวันนี้และห้ามทีมอื่นแย่งเด็ดขาด”
คนจากทีมราชันย์ปิศาจนั้นเป็นชั้นยอดในหมู่ชั้นยอดอีกที
เขาได้ยินมาว่าคนทั้งสี่นั้นถูกฝูมฝักโดยผู้จัดการหมายเลข3 ทุกครั้งที่เลื่อนขั้นพวกนั้นมักจะใช้วัตถุดิบขั้นสูงอย่างน้อย2ชิ้นเสมอ ในทางกลับกันพวกเขาที่เหลือทำได้เพียงหาวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับทั่วไปเท่านั้น
หัวหน้าของทีมราชันย์ปิศาจถึงขั้นใช้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง5ชิ้นในการเลื่อนขั้นตอนอยู่ที่ขอบเขตที่1และขอบเขตที่2เลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่5เหมือนกันแต่ค่าสถานะนั้นสูงกว่าคนอื่นๆถึง30-40แต้ม
จางเผิงยิ้มอย่างมีนัยยะ “ฉันไม่ค่อยชอบพวกทีมราชันย์ปิศาจนั่นและก็ไม่ชอบโล่วิญญาณด้วย ถ้าพวกมันสู้กันนั่นก็ดีเลย”
เหวินเซี่ยงขมวดคิ้วมุ่น
อีกซักพักโล่วิญญาณและทีมราชันย์ปิศาจคงมีเรื่องกันแน่ เมื่อถึงตอนนั้นเหวินเซี่ยงรู้สึกว่าเขาควรจะอยู่ฝ่ายโล่วิญญาณและช่วยเขาเพราะเขาคิดว่าโล่วิญญาณไม่น่าจะชนะคนทั้งสี่ได้เพียงลำพังแน่นอน
เหวินเซี่ยงเอ่ยอย่างหนักแน่น “ฉันขอแยกตัวออกจากทีมชั่วคราวและจะไม่เข้าท้าทายราชันย์แดนลับ”
หัวหน้าทีมกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “หืม? ทำไมกัน?”
เหวินเซี่ยงชี้ไปที่ถ้ำที่หลินเซวียนพึ่งจะเข้าไป “ฉันเป็นสหายของโล่วิญญาณ ฉันอยากจะช่วยเขาเผื่อในกรณีที่เขามีปัญหากับพวกคนของทีมราชันย์ปิศาจ”
หัวหน้าทีมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เข้าใจแล้วๆ ถ้างั้นฉันจะหาคนอื่นแทน”
จางเผิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักเมื่อได้ยินก็ยิ้มออกมาด้วยความหยามเหยียด “นายมองเขาเป็นสหายแต่เขาอาจจะไม่ได้มองแบบนั้นก็ได้ นายประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปแล้ว”