Chapter 44 : กองพลก่อสร้าง
นักสู้เลเวล9ขอบเขตที่1คำรามออกมาในทันที “เจ้าคนนอก! แกอาจจะแข็งแกร่งก็จริงแต่แกจะฆ่าใครไปทั่วไม่ได้!”
นักสู้ที่อยู่รอบๆเองก็แสดงสีหน้าดุดันไม่ต่างกัน “ใช่แล้วๆ”
หลินเซวียนปรบมือ “เจ้าหมอนี่คิดจะไถเงินฉัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกฆ่า..มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยรึไง?”
“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อหาข้อมูลเท่านั้น”
หลังจากได้ยินสีหน้าของเหล่านักสู้ก็พลันผ่อนคลายลง
ยังไงก็ตามชายหนุ่มชุดคลุมผู้นี้กลับสามารถสังหารผู้คนได้อย่างสบายๆในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ความแข็งแกร่งนี้ทรงพลังมากจริงๆและทำให้พวกเขารู้สึกราวกับอาจจะโดนมีดปักหลังได้ทุกเวลาหากไม่ระมัดระวังตัว
นักสู้เลเวล9ขอบเขตที่1โบกมือลวกๆ ทันใดนั้นผู้อพยพสองคนก็เดินออกมาและแบกศพของอีกฝ่ายไปโยนทิ้ง
ลู่หลัวที่มองมาเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย “นักสู้คนนี้ทรงพลังมากจริงๆ”
ยังไงก็ตามเจ้าหล่อนตกตะลึงเพียงชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็ละความสนใจไป
ไม่ว่านักสู้ขอบเขตที่3จะทรงพลังเพียงใดอีกฝ่ายก็ยังไม่พอมือเจ้าหล่อนอยู่ดี
“นายน่ะมานี่ซิ” หลินเซวียนชี้ไปที่นักสู้เลเวล9ขอบเขตที่1คนนึง
นักสู้คนนั้นดูแล้วมีอายุราว17-18เท่านั้น เมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่ายเขาก็ถอนหายใจและเดินออกไปหาเขา “คุณอยากจะรู้อะไร?”
หลินเซวียนโบกมือ น้ำเสียงแหบแห้งดังออกมาจากใต้ผ้าคลุม “ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นฉันไม่ใช่ปิศาจซักหน่อย”
นักสู้ผู้นั้นยิ้มแหยและคิดกับตัวเอง ‘เพิ่งมาถึงนายก็ฆ่าคนไปแบบไม่กระพริบตาแล้ว แล้วยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ใช่ปิศาจอีกนะ?’
เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายจะไม่เกิดบ้าขึ้นมา? ยังไงซะหลินเซวียนก็สามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อทุกเวลา
หลินเซวียนเอ่ย “นายชื่ออะไร?”
“หลงเต้าเจี่ย”
หลินเซวียนถามต่อ “นายเคยไปเมืองใกล้ๆแถวนี้มาบ้างไหม?”
“ไม่..เมื่อครั้งที่เกิดหายนะภัยพิบัติอสูรผมอยู่ในเมืองทะเลสาบตะวันออกและหลบหนีมาที่นี่”
หลินเซวียนประหลาดใจยิ่งนัก “ถ้างั้นทำไมนายไม่เข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอลล่ะ?”
หลงเต้าเจี่ยถอนหายใจ “เพราะปลอกคอไงล่ะ ผมอยากจะเป็นมนุษย์มากกว่าหมารับใช้”
หลินเซวียนลูบคางไปมา
ตัวเขาเองก็สวมปลอกคออยู่เช่นกันทำให้รู้สึกเหมือนกับโดนด่าอ้อมๆยังไงไม่รู้
หลินเซวียนถามต่อ “นอกจากองค์กรเจอร์มินอลแล้วนายรู้จักองค์กรอื่นอีกไหม?”
หลงเต้าเจี่ยตอบ “ใหญ่ที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นกองพลก่อสร้างรองลงมาก็เป็นองค์กรเจอร์มินอล ส่วนองค์กรขนาดเล็กลงมานั้นมีอยู่สององค์กรภายในเมืองฉางเล่อ นอกเหนือจากนั้นแล้วผมไม่ทราบ”
หลินเซวียนพยักหน้า “นายรู้ไหมว่ากองพลก่อสร้างเป็นยังไง?”
ทางตอนเหนือของเมืองทะเลสาบตะวันออกคือเมืองไป๋สุ่ย เหนือขึ้นไปอีกคือเมืองเครนขาวซึ่งถูกควบคุมเอาไว้โดยกองพลก่อสร้าง
เขาอยากจะฟังความคิดเห็นที่มีต่อกองพลก่อสร้างจากคนทั่วไปอย่างหลงเต้าเจี่ย
แววตาของหลงเต้าเจี่ยเปล่งประกายเมื่อเล่าถึงกองพลก่อสร้าง “ผมได้ยินมาว่ากองพลก่อสร้างนั้นไม่เหมือนกับองค์กรเจอร์มินอล พวกเขาไม่ให้นักสู้ระดับต่ำสวมปลอกคอและใช้พวกเราต่างเบี้ยใช้แล้วทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นกองพลก่อสร้างยังสร้างกำแพงเมืองขนาดใหญ่ซึ่งป้องกันไม่ให้อสูรล่วงล้ำเข้ามาได้เอาไว้อีกด้วย นอกจากนี้พวกเขายังจัดสรรค์งานให้กับผู้อยู่อาศัยทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ภายในเมือง ผมเองก็อยากจะเข้าร่วมกับกองพลก่อสร้างเหมือนกัน”
หลินเซวียนถามต่อ “ถ้างั้นทำไมไม่เข้าร่วมซะล่ะ?”
หลงเต้าเจี่ยถอนหายใจยาวเหยียด “...พี่ชาย ใช่ว่าทุกคนจะสามารถข้ามผ่านแดนรกร้างที่แสนอันตรายนี้ได้ซักหน่อย”
หลินเซวียนสังเกตเห็นว่าทันทีที่เขากับหลงเต้าเจี่ยเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับกองพลก่อสร้าง ลู่หลัวที่เดิมทีไม่ได้สนใจเขานักก็พลันมองมาทางนี้เช่นกัน
หลินเซวียนถามขึ้น “ปีนี้นายอายุเท่าไหร่แล้ว?”
หลงเต้าเจี่ย “...นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่คุณอยากจะรู้ด้วยงั้นหรอ?”
“จะบอกไหมล่ะ?” บอลเพลิงลูกเล็กเปล่งประกายอยู่เหนือฝ่ามือของเขา
“ปีนี้18แล้ว พ่อแม่ตายหมด โสด พึ่งเป็นม่าย งานอดิเรกคือเล่นไพ่...”
ในเวลานี้เองหลินเซวียนพลันสัมผัสได้ว่าลู่หลัวลุกขึ้นและหายเข้าไปในความมืดอย่างเงียบเชียบ
“ฉันพอใจกับคำตอบของนายมาก” เขาหยิบเงินออกมา2000เหรียญและส่งมันให้กับอีกฝ่าย
หลงเต้าเจี่ยชะงักไปชั่วขณะ “ขอบคุณ...”
หลินเซวียนเดินและหายตัวตามลู่หลัวไปติดๆ
เขารวดเร็วมากและไม่นานก็พบเข้ากับเงาร่างของลู่หลัวที่อยู่ห่างไกลออกไป
จากนั้นเขาก็เห็นว่าลู่หลัวหมุนตัวและเข้าไปในบ้านหลังคาต่ำหลังหนึ่ง
ในเวลาไม่ถึงสามนาทีก็มีเงาร่างอีกร่างหนึ่งเข้าไปในบ้านหลังนี้ด้วย
“นัดพบกันตอนดึกๆดื่นๆเนี่ย? เฮือก...” หลินเซวียนยกมือขึ้นปิดปาก เขาไม่คิดเลยว่าลู่หลัวจะแก่นแก้วถึงเพียงนี้ถึงแม้ร่างกายจะเป็นโลลิตัวน้อยอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
เขารีบเดินตรงเข้าไปพิงตัวแนบกำแพงในทันที
ด้วยสัมผัสอันเฉียบคมของเขาทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงสนทนาแผ่วเบาในบ้านได้อย่างชัดเจน “...องค์กรเจอร์มินอลได้ควบคุมแดนลับขอบเขตที่4 - ทุ่งเพลิงผลาญได้แล้วและความแข็งแกร่งของพวกเขาเองก็เพิ่มขึ้นมาก”
“ความแข็งแกร่งขององค์กรเจอร์มินอลเพิ่มขึ้นเร็วมาก นี่ไม่เป็นผลดีกับพวกเราเลย ตอนนี้กองกำลังระดับสูงและระดับกลางของหน่วยงานภายในของพวกเราจำต้องถูกระดมพลเพื่อต้านทานจากรุกรานของอสูรจากแดนลับเมืองบาดาล ภายในเมืองเครนขาวจึงเหลือกองกำลังป้องกันอยู่ไม่มากนัก”
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะร่วมมือกับหมายเลข2เพื่อชะลอการพัฒนาขององค์กรเจอร์มินอล”
“นอกจากเรื่องนี้เธอยังสามารถชักชวนสมาชิกบางคนขององค์กรเจอร์มินอลให้เข้าร่วมกับพวกเราได้ด้วย”
“ฉันกำลังพยายามอยู่ ภายในเมืองทะเลสาบตะวันออกมีคนผู้หนึ่งที่ถูกเรียกกันว่าโล่วิญญาณซึ่งเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับองค์กร หมายเลข2ได้เผยให้อีกฝ่ายเห็นแล้วว่าเราเป็นมิตร เขาน่าจะสามารถชักชวนคนผู้นั้นได้”
“ดีมาก กองพลก่อสร้างของพวกเราจะไม่ลืมผลงานของเธอเลย!”
หลังจากนั้นพวกเขาก็หยุดการสนทนาไปเพียงเท่านี้
จากนั้นเงาร่างทั้งสองก็แยกกันออกจากบ้านหลังนั้นไป
เงาร่างตัวน้อยมุ่งหน้าไปทางตะวันตกและเงาร่างสูงโปร่งมุ่งหน้าขึ้นเหนือ
หลินเซวียนขบคิดอย่างจริงจัง
ลู่หลัวและหมายเลข2ทั้ง2รเป็นสปายที่ถูกฝังเอาไว้ในองค์กรเจอร์มินอลงั้นหรอ?
กองพลก่อสร้างนี่เป็นองค์กรแบบไหนกันแน่?
หลินเซวียนถอดอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดยัดเอาไว้ในมิติส่วนตัวและยกเลิกการใช้งานสกิลร่างแยกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
ครึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา
ร่างอวตารฝึกฝนทั้งสี่ร่างของหลินเซวียนที่อยู่ภายในทุ่งเพลิงผลาญได้ทำการรวบรวมหนังสือสกิลทั้งหมดที่เขาต้องการมาได้แล้ว เขาจึงใช้โอกาสนี้ยกเลิกพวกมันเสียและแทนที่ด้วยอสูรจากภูเขาปิศาจชั้นต่ำแทน
เช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่าตัวเขาจะมีร่างอวตารฝึกฝน6ร่างฟาร์มพร้อมกัน
ความเร็วนั้นรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเลเวล9ขอบเขตที่5 สกิลหลากชนิด อุปกรณ์และรูนเองก็ค่อยๆเพิ่มระดับอย่างเป็นระเบียบโดยขึ้นอยู่กับความยากง่ายของพวกมัน
“เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด หลังจากอัพเลเวลทุกอย่างครบแล้วเราค่อยไปลุยกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ก็แล้วกัน”
หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ในวันนี้จู่ๆลู่หลัวก็มาพบเขา
“หลินเซวียนช่วยฉันติดต่อกับโล่วิญญาณที หมายเลข2ต้องการพบกับเขา”
หลินเซวียนตอบ “โล่วิญญาณเขาบอกผมเอาไว้ให้บอกกับพวกคุณว่าถ้าพวกคุณอยากจะพบเขาก็ให้ไปเจอกันที่สถานที่เดิมเวลาเดิม”
ลู่หลัวพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
คืนนั้นไกลออกไปจากฐานขององค์กรเจอร์มินอล ภายในบ้านร้างแห่งหนึ่งที่พวกเขาเคยพบกันครั้งก่อน
เมื่อถึงเวลาหลินเซวียนในชุดเกราะสีดำก็ได้มาถึง ภายในตัวบ้านนั้นมีเงาร่างสองร่างคอยอยู่ก่อนแล้ว
หนึ่งนั้นเดินกอดอกกลับไปกลับมาอยู่ด้านใน
อีกหนึ่งนั้นนั่งอยู่ริมหน้าต่างพลางกระดกเหล้าไปพลาง
เมื่อเห็นว่าเขามาถึงแล้วผู้จัดการหมายเลข2ก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย “นายตรงเวลาดีนี่”
“มีเรื่องอะไร?” เสียงแหบแห้งดังออกมาจากภายใต้ชุดเกราะสีดำ
ผู้จัดการหมายเลข2ยิ้ม “เข้าร่วมกับพวกเราเถอะ”
“ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ว่าจะไม่เข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอล”
ผู้จัดการหมายเลข2ส่ายหัว “ไม่ใช่องค์กรเจอร์มินอลแต่เป็นเข้าร่วมกับฝ่ายฉัน”
หลินเซวียนแสร้งทำทีว่าสงสัย “แล้วมันต่างจากองค์กรเจอร์มินอลยังไง?”
หมายเลข2ตอบ “องค์กรเจอร์มินอลก็ส่วนองค์กรเจอร์มินอลและฉันก็คือฉันพวกเราจะไปเหมือนกันได้ยังไง?”
แบล็คสบถ “หยุดสำบัดสำนวนได้ไหม? คิดว่าอยู่เมืองก็อดแทมรึไง?”
ผู้จัดการหมายเลข2 “...ก็แค่ระวังไว้ก่อน”
แบล็คพลักหมายเลข2ออกไปให้พ้นทางด้วยความไม่พอใจ “ถ้าโล่วิญญาณอยากจะเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอลก็คงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมจะต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย? สงสัยไปก็เสียเวลาเปล่าไม่ใช่รึไง? ใต้เตียงฉันยังมีเหล้าเหลืออีกตั้งกล่องใหญ่ ฉันยิ่งรีบกลับไปดื่มอยู่ด้วย!”
หมายเลข2หมดคำจะพูดแล้ว
จากนั้นแบล็คก็หันมาหาหลินเซวียน “เข้าประเด็นเลยนะ หกปีก่อนเมืองทะเลสาบตะวันออกนั้นยังอยู่ภายใต้การควบคุมของทางกองพลก่อสร้าง ยังไงก็ตามหลังจากนั้นจู่ๆองค์กรเจอร์มินอลก็ปรากฏขึ้นมาและแย่งชิงพื้นที่แทบนี้ไป ตั้งแต่นั้นมากองพลก่อสร้างและองค์กรเจอร์มินอลก็เป็นศัตรูกันมาโดยตลอด พวกเราสองคนเป็นสปายที่ทางกองพลก่อสร้างส่งมา”
“ตอนนี้องค์กรเจอร์มินอลได้แดนลับไปครอบครองเพิ่มอีกหนึ่งแดนแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาคงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จากประวัติอันเลวร้ายขององค์กรเจอร์มินอลพวกเขาคงจะกลายเป็นภัยคุกคามของกองพลก่อสร้างอย่างแน่นอน”
“นายอยากจะเข้าร่วมกับกองพลก่อสร้างรึเปล่า?”
หลินเซวียนไม่รู้แล้วว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แบล็คผู้นี้ตรงไปตรงมาดีจริงๆ
หลังจากคิดอยู่ซักพักหลินเซวียนก็ตอบกลับ “ฉันไม่มีเจตนาจะเข้าร่วมกับองค์กรไหนในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเจอร์มินอลหรือกองพลก่อสร้างก็ตาม”